สติปัฏฐาน ๔
หมวดของการมีสติระลึกรู้ตามความเป็นจริง ในสิ่งที่เรียกว่าเรา
เพื่อถอดถอนตัวเรา ดับเรา ให้สิ้นจากการเกิด ไม่ให้เราเกิดอีกต่อไป
การที่ทำความดี ด้วยการมี ศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา
จะต้องนำมาพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม
เพื่อดับกิเลสตัณหา สลายอัตตาตัวตน
เป็นหนทางสายหลัก ที่จะนำไปให้ถึง ซึ่งพระนิพพาน
การพิจารณาร่างกาย ให้เห็นสภาวธรรมความเป็นจริง ได้หลายรูปแบบ
จะพิจารณาแบ่งตามขันธ์ทั้งห้า ที่มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
หรือ จะแบ่งตามอาการสามสิบสอง หรือจะแบ่งตามธาตุทั้งสี่ ก็ทำได้ทั้งนั้น
เพื่อจะคลายความยึดติด ลุ่มหลงในกาย ของตนและบุคคลผู้อื่น
ตอนที่ ๓๕๒ พิจารณากายแยกเป็นขันธ์ห้า
พิจารณาร่างกาย ซึ่งประกอบด้วย โครงสร้างตั้งแต่ ปลายผมลงมาถึงฝ่าเท้า
เรียกว่ารูป มีวิญญาณ คือประสาทรับรู้ อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
มีสมองส่วนที่คิด พิจารณา ประมวลผลสิ่งที่รับเข้ามาทางวิญญาณ เรียกว่า สังขาร สมองอีกส่วนหนึ่ง เก็บบันทึกความจำ เรียกสัญญา
ส่วนเวทนานั้นหรือ อยู่ที่หัวใจ แยกส่วนร่างกาย ออกได้เช่นนี้ เป็นห้ากอง
ตอนที่ ๓๕๓ พิจารณากายตามอาการสามสิบสอง
อาการ ๓๒ มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก
ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า
น้ำดี น้ำเสลด น้ำเหลือง น้ำเลือด น้ำเหงื่อ น้ำมันข้น น้ำตา น้ำมันเหลว
น้ำลาย น้ำมูก น้ำไขข้อ น้ำมูตร เยื่อในสมอง
มีอยู่ในกายนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ไม่สวยไม่งาม
เราไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
ยึดถือเอาไว้ไม่ได้ ต้องเสื่อม แล้วสลายไปตามกาลเวลา
พิจารณาเช่นนี้ เพื่อถอดถอนความยึดติดในกาย จะได้ไม่เป็นทุกข์
ตอนที่ ๓๕๔ พิจารณากายแยกเป็นธาตุสี่
การพิจารณาแยกกาย ออกเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
พิจารณาถึงความไม่เที่ยงแท้ ธาตุแปรผันไป ยึดถือเอาไว้ไม่ได้
ต้องประคับประคองธาตุทั้งสี่เอาไว้ จิตจะคลายความยึดติด ลุ่มหลงในกาย
เห็นตามความเป็นจริง ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา
เวทนา ความรู้สึกว่าสุข ว่าทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์
พิจารณาให้รู้ว่าเวทนามันเกิดที่ใด เกิดที่กาย เกิดที่ใจ หรือเกิดในใจลึกๆ ซึ่งเรียกว่าจิต
ไม่ว่ามันจะเกิดที่ใด ยกจิตให้อยู่เหนือเวทนา แล้วจะเป็นผู้ไม่ทุกข์อีก
เมล็ดพืชได้น้ำ ได้ดินที่มีปุ๋ย ทำให้เกิดงอกออกเป็นต้นกิ่งใบ เกิดดอกออกผล
จนมีเมล็ดกลับมาใหม่ ให้เกิดสืบต่อกันไป
จิตของคนเรา ต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่จบสิ้น ตราบใด ที่มีกิเลส มีตัณหา
เป็นปัจจัยให้ยังต้องเกิดอยู่
การพิจารณาธรรม คือการพิจารณาจิต กาย ใจ ให้เห็นความเป็นจริง ในความไม่เที่ยง เป็นไปตามกรรม ไม่ว่าจิต กาย ใจของตน หรือบุคคลผู้อื่นล้วนเป็นเช่นเดียวกัน มีสติรู้อยู่อย่างนี้ เห็นเป็นธรรมดา จิตวางอุเบกขาอารมณ์ เป็นผู้สำเร็จผลในธรรม
สัมผัสอันแผ่วเบาจากธาตุทั้งหลาย ที่ล้อมรอบกายตน
สติรู้อยู่กับกาย สัมผัสกายระลึกรู้ได้ที่ใจ ใจมิใช่คิดแต่รู้สึกอยู่กับกาย
สติระลึกอยู่กับจิต สุขทุกข์สงบที่เกิด สัมผัสถึงอารมณ์ของจิต
สติระลึกอยู่กับเวทนา ล้วน อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา
สติระลึกอยู่กับธรรม เห็นรอบตัวเป็นของว่าง ตัวเราก็ว่าง รู้แจ้งในธรรมก็ไม่ยึดธรรม...