(ฝาก)
“วิญญาณ” มีสองอย่าง คือ “วิญญาณในขันธ์ห้า” และ “ปฏิสนธิวิญญาณ”
“ปฏิสนธิวิญญาณ” คือ “วิญญาณตัวมาเกิด” เป็นคนทีแรก
ส่วน “วิญญาณในขันธ์ห้า” หมายถึง “ความรู้ที่เกิดขึ้นเบื้องต้น” ของ “ผัสสะ” แล้วก็หายไป เช่น ตาเห็นรูป ตัว “ผู้รู้” นั้นเรียกว่า “วิญญาณ”
ต่อจากนั้น ตัว “สัญญา” ก็เข้ามาแทน มา “จำ” ได้ว่าเป็น รูปนั่นรูปนี่แล้ว “สัญญา” ก็ “ดับไป”
“สังขาร” ก็เข้ามา “ปรุงแต่งคิดนึก” ต่อไป
อัน “ความรู้” ว่าเป็น "รูปทีแรกนั่น" เรียกว่า “วิญญาณขันธ์ ในขันธ์ห้า”
“ธรรมทั้งสี่” อย่างนี้ มันหากทำหน้าที่ ของสัตว์ผู้จะเกิดต่างหาก ผู้จะมาเกิดต้องมี "ธรรมสี่อย่าง" นี้สมบูรณ์จึง "จะเกิดได้"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้งต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
* บุคคลที่มีปัญญาธรรมนั้น ต้องมีปัญญารู้แจ้งว่า การค้นหาตัวตน ค้นหาเหตุที่เกิดตนเพื่อจะรู้ได้ว่า เหตุที่เกิดตนนั้นมาจากไหน คืออะไร เมื่อรู้เหตุ แล้วจุดมุ่งหมายต่อไปคือการดับเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อหาคำตอบให้ตนเองว่า ตนนั้นเกิดมาจากไหน เกิดมาทำอะไร เกิดมาเพื่ออะไร ทำไมต้องมาเกิด ทำไมต้องทุกข์ เวียนว่ายตายเกิดไปแล้วได้อะไร ค้นหาคำตอบในสิ่งเหล่านี้ให้เจอ แล้วจะได้เข้าใจ ความเป็นจริงของคำว่าเราหรือตัวตนของเรา และ ย่อมที่จะถอดถอนเราหรือตัวตนของเราได้อย่าง แท้จริง แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้เกิดตัวตนของเราก็คือ กรรม กรรมทำให้เราเกิดมาเป็นเช่นนั้นเช่นนี้และ เป็นไปตามกรรมของตนที่ทำไว้ ผู้ที่ไม่เผชิญหน้า กับกิเลสตัณหา ไม่ยอมรับเหตุที่เกิด แต่จะหลบ หนีปัญหาหนีความทุกข์โดยหลบเข้าฌานเพื่อทำ ให้จิตว่าง ย่อมไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเพราะฌาน ที่ว่างนั้นไม่ใช่นิพพานจริงเป็นเพียงนิพพานพรหม เพราะเมื่อไรที่หมดกำลังของฌานก็จะต้องกลับมา เผชิญกับปัญหาและความทุกข์อีก การเข้าสู่ฌานเพื่อให้จิตว่างนั้นไม่ใช่เป็นการดับ การเกิด และอาจจะหลงเข้าไปในฌานว่างนั้นโดย ไม่มีปัญญาถอดถอนกิเลสตัณหาอย่างแท้จริง บุคคลที่จะเข้าถึงนิพพานอย่างแท้จริงต้องเป็น บุคคลผู้ที่มีปัญญาถอดถอนเชื้อกิเลสและตัณหา ให้ออกจากตนจนหมด บุคคลผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจใน กิเลสตัณหา ไม่รู้ไม่เข้าใจในเหตุที่เกิดตามความ เป็นจริง เพียงแต่จะหลบปัญหาหลบความเป็นจริง จะไม่มีทางชนะกิเลสตัณหาได้เลย และบุคคลที่ค้นหาตัวตนแล้วเจอในเหตุที่เกิด ทุกข์แห่งตนในอดีตภพชาติที่ผ่านมาและยังไป หลงในภพในชาติของตนอยู่ แสดงว่าตนนั้นยัง ค้นหาตัวตนไม่ทะลุไม่แจ่มแจ้งก็เลยไปติดอยู่ที่ ตรงนั้น เป็บบัวใต้น้ำที่ต้องพยายามต่อไปให้พ้น น้ำและเบ่งบานให้ได้ในที่สุด ส่วนบุคคลที่ค้นหาตัวตนจนเจอ รู้ได้ว่าตนนั้น คือกรรม เป็นกรรมที่มาจากกิเลสตัณหาสร้างให้ ทำให้เกิดขึ้น แท้จริงแล้วตนคือจิตที่บริสุทธิ์ แต่ โดนกิสตัณหาหลอกให้ตกเป็นทาส ให้หลงอยู่ใน ความดีและความไม่ดีในโลกสมมุตินี้ บุคคลผู้นั้น ย่่อมแสวงหาทางเจอว่าจะดับสิ่งเหล่านั้นได้อย่าง ไร เพราะหนทางที่ถูกตัองนั้นคือ การทำทุกสิ่งทุก อย่างโดยปราจากความหลงย่อมสามารถถอดถอน สิ่งต่างๆซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เกิด ย่อมชนะกิเลสตัณ หา ย่อมดับกรรมทั้งปวงทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี ได้อย่างแท้จริง จงเดินตามรอยพระพุทธเจ้าเถิด ค้นหาเหตุที่ เกิดเราและดับเหตุที่เกิดเราให้ได้ นั่นแหละจึงจะ เจอพระนิพพานที่แท้จริง เป็นพระนิพพานที่ไม่ ต้องผุดไม่ต้องเกิดอีก เป็นพระนิพพานขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชี้ทางบอกทาง ย่อมได้ พบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระปัจเจก พุทธเจ้า และองค์พระอรหันต์เจ้าในดินแดนพระ นิพพานที่เป็นดินแดนแห่งความสุขอย่างแท้จริง *