พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 14 เมษายน 2561
ตอนที่ 316 **พระสกิทาคามีกลับมาเกิดอีกชาติเดียว**
+ +
ในเช้าของวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอเฝ้าทูลถาม ถึงปัญหาที่ลูกยังข้องใจว่า *พระสกิทาคามี*นั้น จะมาเกิดอีกเพียงแค่ 1 ชาติ เป็นชาติสุดท้าย
ฉะนั้น.. การที่พระสกิทาคามี จะเกิดและบรรลุธรรมนั้น ต้องเกิดในกายมนุษย์
หมายถึง ต้องกลับมาเกิดในโลกมนุษย์ หรือว่าเกิดในโลกของเทวดา โลกทิพย์ แล้วก็ปฏิบัติให้บรรลุอนาคามีในโลกทิพย์ *
อย่างนั้น ลูกไม่เข้าใจน่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาอธิบายธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิด เจ้าค่ะ ว่ากลับมาเกิดอีก 1 ชาตินั้น หมายถึง ทุกดวงจิตของพระสกิทาคามี ยังต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่.. อย่างนั้นหรือเปล่า เจ้าคะ ?
เพราะว่า ลูกได้ยินได้ฟังจากหลายคน บอกว่า พระสกิทาคามี สามารถที่จะบำเพ็ญจนเข้าถึงพระนิพพาน - ในพรหมโลก บนสวรรค์ หรือโลกทิพย์
- แล้วก็สามารถบรรลุนิพพานในโลกมนุษย์ อย่างนั้น ลูกก็เลยงงน่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตา ชี้ทางแก่ลูกด้วย.. เพราะตอนที่ลูกนั้นเฝ้าถามพระองค์ พระองค์ได้กล่าวมา คือ ระดับของการพ้นทุกข์
คือ ระดับของพระสกิทาคามี - แบบหยาบ แบบกลาง และแบบละเอียด
ต้น กลาง และปลายของการเดินทางเข้าสู่ *พระอนาคามี*
แต่พระองค์ไม่ได้ทรงแยกประเภทเอาไว้ และไม่ได้ทรงกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้
ขอพระพุทธองค์ เมตตาลูกเรื่องนี้ด้วยเจ้าค่ะ เพราะลูกคิดว่า.. คนอื่นๆ เขาก็คงจะงงเหมือนลูก เช่นเดียวกัน น่ะเจ้าค่ะ “
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. ลูกนั้น จงตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ ทำจิตของลูกให้สงบ แล้วค่อยๆพิจารณา ตรึกตรองตามความเป็นจริง
พระยาธรรมเอ๋ย.. พระสกิทาคามีนั้น - ยังไงก็จะต้องกลับมาเกิดเป็น “กายหยาบ” /
เกิดเป็นมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญ สร้างความดี
เพื่อทดสอบการยึดติด ลุ่มหลง
/ ในกาย ในตัวในตน
/ ในของของตน
/ ในสิ่งที่รัก ที่ชอบทั้งหลาย..
ยังไง.. ก็ต้องกลับมาเป็นมนุษย์ อีก 1 ชาติ **
ฉะนั้น.. การเกิดอยู่บนสวรรค์ หรืออยู่ที่โลกทิพย์ที่ใดที่หนึ่ง ไม่อาจบรรลุธรรมถึงนิพพานได้ลูก !
เพราะพระสกิทาคามี.. เป็นผู้ที่ยังเหลือกิเลสอยู่มาก ถ้าเทียบกับพระอรหันต์ *
พระสกิทาคามี ละสังโยชน์ได้เพียง 3 ข้อ เพียงแต่ละเอียดกว่า พระโสดาบัน
และพิจารณาเข้าถึงสังโยชน์ อีก 2 ข้อ เพียงลำดับที่พอจะเข้าใจ
แต่ยังไม่สามารถละได้
ฉะนั้น.. ถ้าเทียบกับการเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว ยังขาดสังโยชน์ อีกตั้ง 7 ข้อ
รวมถึงการที่พระสกิทาคามีนั้น ยังเข้าถึงระดับของความพ้นทุกข์ เพียงแค่ระดับที่ 2
-- ยังไง ก็ต้องประพฤติ ปฏิบัติ - จนถึงระดับที่ 3 เสียก่อน ++
* จึงเป็นไม่ได้เลย พระยาธรรม.. ที่พระสกิทาคามีจะบรรลุธรรมที่โลกทิพย์ - โดยไม่กลับมาผ่านกายหยาบ *
ส่วนครั้งจะเกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วจะสามารถสั่งสมบุญ จนเป็นพระอนาคามี แล้วก็ไปถึงพระอรหันต์เลยนั้น.. ก็จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ++
เพราะพระโสดาบัน ในระดับที่ 3* นั้น หรือว่าแบบที่ 3 นั้น.. ก็สามารถนิพพานได้ เพียงอีกแค่ 1 ชาติ *
ฉะนั้น.. จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ หากว่าพระสกิทาคามี กลับมาเกิดอีก 1 ชาติ เป็นชาติสุดท้าย
แล้วสามารถบรรลุถึงพระอรหันต์ในโลกนี้ได้ -- นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ++
ส่วนการที่พระสกิทาคามี กลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่งบนโลกนี้
ทำความดี ขัดเกลาจิตใจของตน..
แต่ไม่สามารถเข้าถึง ความเป็นพระอรหันต์
เข้าถึงเพียงความเป็นพระอนาคามี คือ พระอริยเจ้าในระดับที่ 3* นั้น
... ก็ค่อยไปฟังในเรื่องของพระอนาคามี..
คือ พระสกิทาคามี สามารถที่จะบรรลุในชาติสุดท้าย เข้าถึงพระอนาคามี หรือพระอรหันต์ก็ได้
แต่ถ้าเข้าถึงพระอนาคามีแล้ว ยังไงก็ไม่เกิดอีกก็ได้ **
แต่ถ้าหากยังเป็นพระสกิทาคามีอยู่..
ยังไงเสีย.. ก็ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ อีก 1 ชาติ ++
ถึงแม้ว่า จะมีกรรมไม่ดี ที่ค้างมากหรือน้อยก็ตาม..
- ยังไงๆก็ต้องมาเกิด !
ถ้ามีกรรมไม่ดีน้อย.. มาแล้วสามารถฝึกปัญญาได้มาก.. ก็อาจเข้าถึง พระอนาคามี พระอรหันต์ในโลกมนุษย์ /ในกายหยาบ - ในชาตินั้นเลย.. ถึงนิพพานเลย **
แต่ถ้าหากว่า มีกรรมไม่ดี ค้างมาก - มากกว่าคนอื่นๆ หรืออยู่ในกลุ่มที่มีกรรมไม่ดีมาก
ถ้าหากว่า สามารถฝึกฝน ขัดเกลากิเลสตัณหาได้น้อย -น้อยกว่าคนอื่น
ค่อยๆไป ไปช้ากว่าปรกติ.. ยังไงก็ถึงพระอนาคามี ++
ต่อจากนั้น ค่อยว่ากันอีกนะ พระยาธรรม.. ว่า
พระอนาคามีนั้น มีสภาวธรรมเป็นเช่นไร ?
พระอนาคามี สามารถบรรลุธรรมแบบไหน ?
ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่งในเรื่องพระอนาคามี ก็แล้วกัน..
เอาละนะ พระยาธรรม..
ทีนี้ ลูกพอจะเข้าใจแล้วหรือยัง ในเรื่องของ *พระสกิทาคามี*
มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน.. ลูกเอ๋ย
ฉะนั้น.. จงจำไว้แค่หลักที่สำคัญที่สุด คือ เช่นนี้
พระสกิทาคามี ยังไงต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม..
-- จะไม่สามารถบรรลุเป็นอรหันต์ ที่บนโลกทิพย์ได้เลย !
ยังไง ก็ต้องกลับมาเกิดอีก 1 ชาติ
เพื่อขัดเกลากิเลสตัณหา และละสังโยชน์ อีก 2-7 ข้อ ที่ยังเหลืออยู่
เพื่อที่จะเข้าสู่พระนิพพาน
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. การเป็นพระอริยเจ้านั้น มันก็มีแบบ ไปไว / ไปช้า.. ต่างกัน
พระโสดาบันที่สามารถบรรลุธรรมได้ อีกเพียงแค่ 1 ชาติ
.. ก็สามารถที่จะเร่งทำ เร่งถึง เร่งบรรลุเป็นพระสกิทาคามี
ใช้เวลาไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปี - ก็เข้าถึงพระอนาคามี
แล้วก็ใช้เวลาอีกนิดหน่อย - ก็ถึงพระอรหันต์
- ย่อมไปได้อย่างเร่งด่วน เข้าถึงได้ไวกว่าดวงจิตอื่น *
พระสกิทาคามี หรือพระอนาคามีนั้น.. เป็นทางผ่าน ที่ยังไงก็ต้องผ่าน
แต่บางคนขับรถช้า ค่อยไป ค่อยผ่าน.. ใช้เวลานานหน่อย
บางคนขับรถไว.. เผลอแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
อย่างนั้นละ.. พระยาธรรม
จึงเป็นสิ่งที่ลูกนั้น ควรที่จะใช้สมาธิ
อย่าใช้ความเห็นผิดเห็นถูก- เป็นที่ตั้ง
ควรมองให้เห็นความเป็นจริง ด้วยปัญญาที่แท้จริง.. พระยาธรรม
การถกเถียงกันนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร !
... เราควรที่จะตั้งจิตให้ดี พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง ดีกว่า
เช่นนี้ละ พระยาธรรม.. พอจะเข้าใจแล้วหรือยัง ลูก
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
พอจะเข้าใจบ้างแล้วเจ้าค่ะ ว่าพระสกิทาคามีนั้น.. ยังไงก็ต้องกลับมาเกิดอีก 1 ชาติ เป็นชาติสุดท้าย ส่วนจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในกายหยาบ ในชาติสุดท้ายนั้น
หรือไม่บรรลุเข้าถึงเป็นพระอนาคามี - นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง..
แต่ยังไงก็ต้องกลับมาเกิด ไม่มีทางเลยว่า จะบรรลุบนโลกทิพย์ ที่ใดที่หนึ่งได้ เพราะพระสกิทาคามี ยังละสังโยชน์ไม่ได้ อีก 7 ข้อ *
ฉะนั้น.. แสดงให้เห็นถึงว่า.. ยังเป็นผู้มีกิเลสที่หนาอยู่ - ถ้าเทียบกับองค์พระอรหันต์
-- จึงต้องกลับมาสู่โลกมนุษย์ เพื่อที่จะมาขัดเกลากิเลสแห่งตน
ทำความดี ฝึกฝนสติปัญญาแห่งตน
.. ลูกเข้าใจเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ
แล้วก็มั่นใจ ไม่ลังเลสงสัยในข้อธรรมนี้แล้ว.. เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกฟังนะเจ้าคะ
พระพุทธองค์เจ้าขา.. ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจรายละเอียดมากมาย ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตามที่ได้ยินได้ฟัง
เราควรปฏิบัติตนให้เข้าถึง การเป็นพระสกิทาคามีจริงๆ ดีกว่า
- เราย่อมรู้แน่ชัดกว่า ใช่มั้ยล่ะเจ้าคะ ?
พระยาธรรมเอย.. เรื่องของการเป็นพระอริยเจ้านั้น.. มัน
มีความละเอียด และซับซ้อนมากมาย ในแต่ละดวงจิต
มีเหตุที่ไป และที่มา -ต่างกันมาก
ฉะนั้น.. เราจึงควรทำเรา ให้ถึง
ดูที่เรา ให้รู้ / ให้เข้าใจเรา
นั่นละ ดีที่สุด.. และถูกต้องตามหลักธรรมแล้วลูก
ความละเอียดอ่อน ซ่อนเร้น ลึกลับ ในดวงจิตแต่ละดวง / ในชีวิตแต่ละชีวิตนั้น มีอยู่มาก..ลูกเอ๋ย
แต่มันเป็นเรื่องจุกจิก ที่ไม่จำเป็น ที่จะต้องบันทึกเอาไว้ทั้งหมด
หรือบุคคลผู้ที่ศึกษา จะต้องรับรู้ไว้ทั้งหมด
มันไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ยิ่งมึนงง
..จะทำให้เรื่องงาย กลายเป็นเรื่องยาก โดยมิใช่เหตุ !
ฉะนั้น.. จงรู้แค่เพียงว่า ยังไงก็ต้องกลับมาเกิดอีก 1 ชาติ
ส่วนความละเอียดอ่อนของการบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในชาติสุดท้ายนั้นหรือไม่ - มันก็อยู่ที่ตัวของบุคคลของคนนั้นๆ
เราไม่อาจไปตัดสินว่า.. เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ได้
เพียงแต่ ถ้ากลับมาเกิดอีกชาติหนึ่ง เป็นชาติสุดท้ายแล้ว..
-- ยังไงก็ต้องเข้าถึงการเป็น พระอนาคามี หรือพระอรหันต์ ถึงนิพพาน เป็นแน่แท้ ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. เรื่องของพระอริยเจ้านะลูก เป็นของแท้แน่นอน **
ตั้งแต่พระโสดาบันแล้วละ - ยังไงก็ต้องถึง !
และยิ่งถ้าเกิดว่า ถึงซึ่งพระสกิทาคามีแล้ว.. ยังไงก็ต้องถึงพระอนาคามี
หนีไปไหนไม่ได้หรอกลูก
ฉะนั้น.. เมื่อถึงพระอนาคามีแล้ว - ยังไงก็ต้องถึงพระอรหันต์ **
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. มันเป็นเรื่องที่
/ ต้องใช้จิตใช้ใจศึกษา
/ ต้องนำพาตนให้เข้าถึง
/ ต้องเข้าใจด้วยตนเองอย่างแท้จริง..
อย่างนี้ละลูก พอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยัง ?
++
พระยาธรรม :: พอจะเข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าค่ะ ว่า..
บางครั้งความละเอียดอ่อน ที่มันซับซ้อนมากมาย ของดวงจิต แต่ละดวงจิต
- เราก็ไม่อาจไปรู้ทั้งหมดได้
แล้วมันก็ไม่มีความจำเป็น ที่พระองค์จะทรงแสดงให้มันเรื่องเยอะขึ้นไป ให้ทุกคนเกิดความมึนงงมากยิ่งกว่าเดิม
พระองค์จึงไม่แสดงสิ่งเหล่านั้น ให้มันซับซ้อน เพราะว่า บุคคลผู้ที่ปฏิบัติ เขาจะเข้าใจเอง
บุคคลผู้ที่เข้าถึงแล้ว - เขาจะรู้ด้วยตัวของเขานั่นเอง
ชีวิตนั้น มีความละเอียดมากมาย แต่มันก็ไม่มีสาระสำคัญอะไร..
* ที่สำคัญ ก็คือ..
ให้เรารู้ว่า.. ทำความดี
ให้เราฝึกฝนตัวเอง ให้ดียิ่งๆขึ้นไป
ถึงระดับที่ 1 - ก็ให้ถึงระดับที่ 2
ถึงระดับที่ 2 แล้ว - ก็ทำต่อไปให้ถึงระดับที่ 3
ถึงระดับที่ 3 แล้ว - ก็ยังไม่จบกิจอยู่ดี
ต้องทำให้ถึงระดับที่ 4 - จึงถือว่า *เป็นการจบกิจ*
.. ลูกพอจะเข้าใจเช่นนี้แล้วละ เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ทำความเข้าใจ
ลูกหายมึนงงแล้ว เจ้าค่ะ...
สาธุ