พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561
ตอนที่ 280 **สำรวมอย่างไร**
+ +
ในเช้าของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
ลูกนั้น เคยได้ยินได้ฟังอยู่เสมอมาว่า.. การที่เราเป็นนักบวช นักปฏิบัตินั้น - เราต้องสำรวมในตน
ลูกก็เลยอยากจะทราบว่า การสำรวมในตนนั้น ต้องทำแบบไหน ยังไง
.. ถึงจะเป็นการสำรวมที่ถูกต้อง แท้จริง ?
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตา แสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟัง นำไปประพฤติ ปฏิบัติตาม ด้วยเถิดเจ้าค่ะ “
- - - -
ดีแล้วละนะ พระยาธรรม.. ถ้าอย่างนั้น ก็จงตั้งใจฟังให้ดี ลูก
นั่งลงภาวนาไป ให้มันพร้อม.. พร้อมที่จะฟังธรรม
หายใจเข้าลึกๆ วางมือทั้งสองข้าง เอาไว้ที่หัวเข่า
น้อมพลังที่เย็นจากภายนอก - เข้าสู่ภายใน
ปล่อยจิตปล่อยใจ ให้ว่างๆ โล่งๆ..
แล้วก็พิจารณาธรรม ตามนี้เถิด.. พระยาธรรม
ลูกเอ๋ย.. การที่นักบวช นักปฏิบัติ ผู้ที่ประพฤติ ปฏิบัติ - เพื่อที่จะเข้าสู่ทางพ้นทุกข์ทั้งหลายนั้น..
ควรที่จะสำรวม คือ การสำรวมอย่างนี้ ลูก
ให้มีสติ ระลึกรู้ สำรวมในจิตใจ คือ ความนึกคิด ความรู้สึกอยู่เสมอ อย่างนี้ว่า..
จิตใจของตนนั้น สำรวมระวังในสิ่งที่จะกระทำ ผิดศีล ผิดธรรม หรือเปล่า ?
ให้ดูใจ ดูความคิดของตน..
ระมัดระวังสำรวมความคิดของตน ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรม อยู่เสมอ..
ตอนนี้ความคิดของตน กำลังจะนำพาตนไปสู่ความคิด ที่คิดผิดศีล ผิดธรรม..
... คิดอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า ?
ต้องสำรวมเข้าไว้..
ดูจิตให้อยู่ในกรอบของจิต- ที่ตั้งมั่นอยู่ในความดีอยู่เสมอ
…อย่าปล่อยให้จิตนั้นพลั้งเผลอ ไปคิดไม่ดี คิดทำผิดศีล !
เช่น ถ้าหากว่า เรารักษาศีล สมาทานศีลในระดับใด..
- เราก็ควรที่จะสำรวมความคิดของตน ให้อยู่ในกรอบของศีล ในระดับนั้น *
... อย่าไปคิดนอกกรอบของศีลธรรม.. ลูกเอ๋ย
และก็ให้จิตให้ใจของตน สำรวมระมัดระวังกิเลสตัณหา
คือ “ความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ” ที่มันจะจรเข้ามา
ทำให้จิตของลูกนั้น.. เกิดการปรุงแต่ง นึกคิดไปในสิ่งที่ไม่ดี
เบียดเบียนเขา /เบียดเบียนเรา
ให้จิตของลูก ตั้งมั่น..
- อยู่ในความคิดดี
- อยู่ในกรอบของศีลธรรม
- อยู่ในกรอบของความสงบ
ไม่ปล่อยจิตปล่อยใจของตน.. ให้เพลิดเพลิน พัวพัน มัวเมา
หลงคิด วิ่งตามกิเลสตัณหา ผิดศีล ผิดธรรม.. อย่างนั้นน่ะลูก
คือ การสำรวมระวัง ที่นักบวช นักปฏิบัติทั้งหลาย.. ควรจะระมัดระวัง ประพฤติ ปฏิบัติ
คือ ดูจิตของตน ดูอารมณ์ความนึกคิดของตน - อย่าให้เผลอคิดชั่ว ทำชั่ว
โดยการกระทำกรรม- ด้วยความคิด
ให้จิตนั้น..
/ คิดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนตน และผู้อื่น
/ ไม่ผิดศีล ผิดธรรม
/ ไม่ละเมิด ที่จะไปคิดในสิ่งที่มันเป็นแง่ลบ
/ ทรงอารมณ์จิตไว้ในความดี อยู่เสมอ
นั่นละลูก คือ การสำรวมใจ สำรวมความนึกคิด ความรู้สึก - ให้มันอยู่ในกรอบที่ดี
ระมัดระวัง อย่ากิเลสตัณหา เข้ามาครอบเราได้ !
นักบวชสำรวมจิตใจ สำรวมความนึกคิด ดูจิตดูใจของตนแล้ว..
... เมื่อจิตใจตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี - ก็ควรที่จะสำรวมวาจาด้วย ++
การที่เราจะพูดอะไรออกไป.. เราก็ต้องระมัดระวังคำพูดของเรา
/ อย่าให้พูด ไปในทางที่ไม่ดี
/ อย่าให้พูด ไปในทิศทางที่ผิดศีล ผิดธรรม / พูดไปในทิศทาง ที่จะก่อให้เกิด*กิเลสตัณหา*
/ อย่าปล่อยคำพูดออกมา - แบบที่พัวพัน มัวเมา ลุ่มหลง ยึดติด
/ อย่าปล่อยคำพูดออกมา แบบที่มันผิดศีล ผิดธรรม / แบบที่มันละเมิด เบียดเบียนผู้อื่น
ต้องสำรวม ระมัดระวังคำพูด ให้..
* อยู่ในกรอบของ ความดี
* อยู่ในกรอบของ ศีลธรรม
* อยู่ในกรอบของ การละกิเลส ตัณหา
... อย่างนี้น่ะลูก คือ การสำรวมระวังวาจา ที่นักปฏิบัติทั้งหลาย.. ควรฝึกฝน ควรทำ.. ลูกเอ๋ย
-- และบุคคล ผู้มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น.. เขาก็ทำเช่นนี้แหละลูก ++
ต่อไป.. การสำรวมระวังในการกระทำ “ทางกาย”
กายของเรา.. ระลึกรู้ให้ดี ว่าตอนนี้..
เรากระทำอะไรบ้าง ?
ดี หรือชั่ว ?
เหมาะสม หรือว่าไม่ ?
เบียดเบียนผู้อื่น หรือเปล่า ?
กระทำไป ลุ่มหลงในกิเลสตัณหาในสิ่งที่ทำนี้ หรือเปล่า ?
จะทำอะไรก็ตาม.. ต้องระลึกนึกตลอดว่า สิ่งนี้
/ ทำเพื่ออะไร เพราะอะไร ทำทำไม ?
/ ทำแล้ว อยู่ในกรอบของ *ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา* หรือเปล่า ?
/ ทำไปแล้วมันเบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนตนเองหรือเปล่า ?
/ ทำไปแล้ว มันเป็นการกระทำ ที่ทำเพื่อกิเลส ตัณหานั้น.. มันเพิ่มมากขึ้น หรือว่าลดน้อยลง ?
-- ต้องพิจารณาดูการกระทำให้ดี ให้ถี่ถ้วน.. แล้วจึงค่อยทำ ++
นี่แหละ พระยาธรรมเอ๋ย.. คือการกระทำที่นักบวช นักปฏิบัติทั้งหลาย..
- ควรจะมี ควรจะประพฤติ ควรจะทำตาม -
พระยาธรรมเอ๋ย.. และการสำรวมระวังนี้ เราก็สามารถที่จะทำ
จากภายนอก - สู่ภายใน คือ..
+ ดูการกระทำ อย่าให้ผิดศีล ผิดธรรม / อย่าให้ทำไป ด้วยกิเลส ด้วยตัณหา
+ ดูการกระทำแล้ว ก็ดูวาจา.. วาจาของเรานั้น พูดไปในทิศทางที่ผิดศีล ผิดธรรม
เพิ่มกิเลส เพิ่มตัณหา
หรือว่า พูดไปในทิศทาง..
ที่ลดกิเลส ลดตัณหา
ที่อยู่ในกรอบของศีล ของธรรม
ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
ดูเข้ามาในใจ คือ ความนึกคิด..
ความคิดของเรา..
มันคิดผิดศีล ผิดธรรม คิดเพิ่มกิเลส คิดเพิ่มตัณหา..
.. คิดเบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง อย่างนั้นหรือเปล่า ?
จะดูข้างนอก - สู่ข้างใน.. แล้วระมัดระวัง ทำให้ดี ..อย่างนั้นก็ได้ลูก
หรือว่าจะดูข้างใน - สู่ข้างนอก ควรระมัดระวังอย่างนั้นก็ได้ เช่นเดียวกัน
การทำดี ภายใน - สู่ภายนอก / ทำภายนอก -สู่ภายใน.. ย่อมใช้ได้
แต่ขอเพียงแค่ให้.. อย่า
+ ทำดีเพียงแค่ภายนอก - ไม่ทำภายใน +
+ หรือทำดีภายใน - ไม่ทำภายนอก +
ขอเพียงแค่ อย่าเป็นเช่นนั้น..
ก็จะสามารถทำถึงความสำรวมระวัง ที่ถูกต้อง ที่ดีอย่างแท้จริง **
และความสำรวมระวังนั้น.. ก็จะพาให้ลูก ผู้ประพฤติ ปฏิบัติ ตามคำชี้ทางนี้..
.. เข้าสู่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ได้ ++
เช่นนี้ละ พระยาธรรมเอ๋ย.. บุคคลผู้ที่เขานั้น มีปัญญาธรรมดีแล้ว - เขาก็จะทำดี พูดดี คิดดี
หรือไม่ก็คิดดี พูดดี ทำดี
- ดีอยู่ *ในกรอบของศีล อยู่ในกรอบของธรรม สมาธิ และปัญญา* -
เขาจะสำรวมระวัง กาย ใจ วาจา
เขาจะทำดูทั้ง 3 อย่างนี้ - ให้ครบองค์สาม ในการสำรวมระวังทำความดี ++
ฉะนั้น.. “การสำรวม” ในที่นี้ ที่ถูกต้อง ตามหลักธรรมอย่างแท้จริง ก็คือ..
* สำรวมให้อยู่ในกรอบของศีล - ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือว่าใจ
* สำรวมให้อยู่ในกรอบของธรรม
* สำรวมให้อยู่ในกรอบของการชำระล้างกิเลสตัณหา - ไม่เพิ่มกิเลสตัณหา
อย่างนั้นละลูก.. คือ การสำรวม ที่พระอรหันต์ / พระผู้มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น..
... เขาพากันประพฤติ ปฏิบัติ เช่นนี้ละลูก ++
แต่ไม่ใช่การสำรวม แบบที่ว่า.. ต้องเกร็งตัวเอง
จะนั่ง จะนอน จะเดิน หรือยืน.. ก็ดูเหมือนว่า จะฝืนตัวเองไปหมดทุกอย่าง
...ไม่ใช่แบบนั้น ลูก !
เราสามารถทำตัวของเรา..
- ให้สบายๆ
- ให้เรานั้นไม่เกร็ง ไม่ตึง ไม่เคร่ง จนเกินไป
แต่..
* แค่คอยระมัดระวังทางกาย ที่เราจะกระทำ -ในสิ่งที่ผิดศีล ผิดธรรม เพิ่มกิเลสตัณหา
* แค่ระมัดระวัง อย่าให้เราพูด -ในสิ่งที่ผิดศีล ผิดธรรม เพิ่มกิเลสตัณหา
* แค่คอยระมัดระวัง อย่าให้เราคิด -ในสิ่งที่จะเพิ่มกิเลสตัณหา ผิดศีล ผิดธรรม
แค่นี้ละ พระยาธรรม.. ก็ถือว่าใช้ได้ ถือว่าเป็นการสำรวมที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ++
จงปลดปล่อยตน..
- ให้เป็นอิสระ.. อยู่อย่างเป็นสุข
- อย่ากักขังตนเอง
ปล่อยตน คือ จิต กาย และใจนั้น ให้เป็นอิสระ เป็นตัวของตน
-- แต่ตัวของตนนั้น.. ต้องอยู่ในกรอบของความดี ++
อย่าผูกมัดรัดตน
.. จนเดิน นั่ง นอน / จนเรานั้นดำรงชีวิต ที่ลำบาก ยากยิ่งนัก
.. จนเรารู้สึกว่า การบวช การประพฤติ ปฏิบัตินี้ มันเป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก
-- กลายเป็นความทุกข์อีกแบบหนึ่ง ที่ตัดรอน ทำให้เราเข้าไม่ถึงความดี ++
จงอย่าทำขนาดนั้น.. ทำตนให้สบาย !
ขอเพียงให้กาย วาจา และใจ
- อยู่ในกรอบของ ศีล ธรรม
- อยู่ในกรอบของการชำระกิเลสตัณหา
- ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง
สำรวม คือ สำรวมระวัง ความชั่วอย่าทำ
ทำแต่ความดี
อย่าพลั้งเผลอ ไปกับความชั่ว
แต่ไม่ใช่กดข่มตนเอง..
จะนั่ง จะนอน จะเดิน หรือยืน.. ก็จนจะไม่เป็นตัวของตน
...ไม่ใช่การกดข่ม เช่นนั้นลูก
แต่เป็นการ..
พิจารณาดูจิต
พิจารณาดูกาย
พิจารณาดูวาจาของตน
ว่า.. ตนอยู่ในกรอบของความดีหรือเปล่า.. แค่นั้นละลูก
* อย่าไปคิดไม่ดี อันนี้คือสิ่งที่ควรสำรวม
* อย่าไปพูดไม่ดี อันนี้คือสิ่งที่ควรสำรวม
* อย่าไปทำไม่ดี อันนี้คือสิ่งสำรวม
เอาอะไรมาวัดความไม่ดี.. ก็คือ ”การผิดศีล”
ถ้าทำผิดศีลเมื่อไร - นั่นละ คือ “ความไม่ดี”
อย่าไปคิดผิดศีล.. ถ้าคิดผิดศีลเมื่อไร นั่นละคือ ความไม่ดี
อย่าพูดผิดศีล นั่นละ คือ ความไม่ดี
อย่าไปทำ ไปคิด ไปพูด - ในสิ่งที่จะก่อให้เกิดกิเลสตัณหา เพิ่มขึ้น..
นั่นละ คือ ความคิด การกระทำ และคำพูด ที่ไม่ดี - ที่ควรสำรวม.. ลูกเอ๋ย
แต่ถ้าเกิดว่า.. ไม่ได้อยู่ในศีลเหล่านี้ - ก็ไม่เป็นไรหรอกลูก
จงอย่าตึง
.. จนไม่เป็นตัวของตน
.. จนตนนั้น ไม่มีหนทางที่จะเข้าสู่การทำความดีได้ - เพราะตึงเกินไป !
อย่างนี้ละ พระยาธรรม คือ การสำรวม ของพระผู้มีปัญญาธรรมดีแล้ว
อย่างนี้ละ พระยาธรรม คือ การสำรวมระวังที่ถูกต้อง ++
อย่างนี้ละ ลูกเอ๋ย..
// ทำแล้ว จะเข้าสู่ความดี ที่ดีอย่างแท้จริงได้ ++
// ทำแล้ว จะไม่เจอกับความยุ่งยาก จนตนนั้นไปต่อในความดีไม่ไหว
อย่าฝืนตนเอง อย่ากดข่มตนเอง
แค่มีสติรู้เท่าทันว่า.. มันคิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว
คิดเพิ่มกิเลส ทำเพิ่มกิเลส พูดเพิ่มกิเลส หรือเปล่า.. แค่นั้นก็พอแล้ว
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. พอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยัง ?
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ พอจะเข้าใจบ้างแล้วละ เจ้าค่ะ
คือ ลูกคิดๆดูแล้ว ลูกคิดว่า การสำรวมนั้น.. มันอยู่ตรงไหนกันแน่ ?
เพราะบางคน เขาก็จะคอยสำรวม..
.. ถึงขนาดว่า เดิน นั่ง ยืน นอน เป็นหุ่นยนต์เลยเชียว เจ้าค่ะ
ดูแล้ว.. มันตึงเกินไป น่ะเจ้าค่ะ
ดูแล้ว.. มันไม่สบาย ในความเป็นเราเลย..
ลูกก็เลยคิดว่า การสำรวมที่แท้จริง มันเป็นแบบไหน ?
ลูกก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วละ เจ้าค่ะ
คือ สำรวม
อย่าผิดศีล ด้วยกาย วาจา ใจ
อย่าเพิ่มกิเลส ด้วยกาย วาจา ใจ
แต่เราสามารถที่จะอยู่ ดำรงชีวิต ให้มันเป็นตัวของเรา
แบบว่าเป็นอิสระ ผ่อนคลาย
ขอเพียงแค่ ให้มันอยู่ในกรอบของความดี เท่านั้น
... เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ
วันนี้ ลูกกราบขอลาก่อน นะเจ้าคะ
ไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่ ในโอกาสหน้า.. เจ้าค่ะ
สาธุ