คำสอนหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
โลกเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมัน
ตามสภาพที่แท้จริงของจิต *ย่อมส่งออกนอก*
เพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง
ก็แต่ว่า ถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว..
*จิตเกิดหวั่นไหว*... หรือ*เกิดกระเพื่อม*ไปตามอารมณ์นั้น.. #เป็นสมุทัย
*ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหว* หรือ *กระเพื่อม*ไปตามอารมณ์นั้นๆ #เป็นทุกข์
ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว แต่*ไม่หวั่นไหว*
หรือ*ไม่กระเพื่อม*ไปตามอารมณ์นั้นๆ *มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์* #เป็นมรรค
ผลอันเกิดจาก*จิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม* เพราะ*มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์*
#เป็นนิโรธ
พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
#เป็นวิหารธรรม
จบอริยสัจ ๔
โลกนี้เป็นของพอดี แต่เรามีความโลภ ทะเยอทะยาน ไปเอง ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักภาษาของโลก
ไม่รู้จักความหมายของโลก ว่ามันเปลี่ยนแปลงอยู่ตามธรรมชาติของมัน อยู่ทุกวินาที
ว่าเมื่อมันเกิดแล้วมันก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เมื่อเจ็บแล้วมันก็ตาย
ท่านจึงให้พิจารณาโลก มีปัญญารู้เท่าตามความเป็นจริงของโลก
โลกเป็นอย่างใด ก็ให้รู้เท่าตามเป็นจริงมันซะ ถ้าเรารู้จักปัญหาของโลกแล้ว
ก็เหมือนกันกับเรารู้จักธรรมะ รู้บรรลุธรรมะ เมื่อรู้จักธรรมะแล้วมันก็รู้แจ้งโลก
เมื่อรู้แจ้งโลกก็ไม่ติดในโลก เป็น..โลกวิทู รู้แจ้งโลก
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลฯ
เมื่อเรามีสติ จิตเราย่อมไม่ไหลไปตามสิ่งที่มากระทบ
ทําให้เราเห็นความจริงเรียกว่าปัญญาหรือวิปัสสนาญาณ
ความจริงที่เห็นเรียกว่าวิชชา เมื่อเราเห็นความจริงลึกไปเรื่อยๆ
เราจะรู้ว่าสิ่งที่เราไปรู้นั้นยึดถืออะไรไม่ได้เลย
ตราบใดที่มีถูกย่อมยังมีผิด ตราบใดที่มีดี ย่อมยังมีเลว
เมื่อเรารู้มาถึงตรงจุดนี้ เราจะค่อยๆปล่อยจากสิ่งที่เรารู้
เพราะรู้นั้นก็ยังเป็น อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา
ปฏิบัติจิต
ในทางปฏิบัติที่ว่า ปฏิบัติจิต ปฏิบัติใจ โดยให้ใจอยู่กับใจนี้ ก็คือให้มีสติกํากับใจให้เป็นสติถาวร ไม่ใช่เป็นสติคล้ายๆ หลอดไฟที่จวนจะขาด เดี๋ยวก็สว่างวาบ เดี๋ยวก็ดับ เดี๋ยวก็สว่าง แต่ให้มันสว่างติดต่อกันไปตลอดเวลา เมื่อสติมันติดต่อกันไปอย่างนี้แล้ว ใจมันก็มีสติควบคุมอยู่ตลอดเวลา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อยู่กับตัวรู้ตลอดเวลา" ตัวรู้ก็คือ "สติ" นั่นเอง
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
" เมื่อ...ถูกอารมณ์ที่ ไม่ชอบใจ มากระทบ
มัน ก็เกิดเป็นอาการ ขึ้นกับใจเรา
เรา ติดไหม ?
เรา วางได้ไหม อาการที่ไม่ชอบใจนั้น ?
เกิดขึ้นมา เรารู้แล้ว
*ผู้รู้* เอาความไม่ชอบไว้ในใจ หรือเปล่า ?
หรือว่า เห็นแล้ววาง ?
ถ้าเห็นสิ่งที่ไม่ชอบใจแล้ว
ยังเอาไว้ในใจ ของเรา
ให้เรียนใหม่
เพราะ...ยังผิดอยู่ ยังไม่ยิ่ง
ถ้ามันยิ่งแล้ว...
มันวาง...
ให้ดู...อย่างนี้."
______________________________________
(หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง)
" ถ้า...
การปฏบัติ ของเรา
ยังเลือก...
การพอใจ
ไม่พอใจ
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ...อยู่
ก็แสดงว่า...การปฏิบัติ ของเรา
ยังไม่ได้เริ่มต้น."
__________________________________
(หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง)
#พระธรรมคำสอน "สมเด็จองค์ปฐม"
#ถ้าหากปรารถนาพระนิพพานในชาติปัจจุบัน
ก็จงเพียรปฏิบัติให้มาก และจงทำเดี๋ยวนี้
เพราะอารมณ์ปัจจุบันนั่นแหละ คือตัวจริง
ของการปฏิบัติ จงอย่าไปมุ่งหมายว่าพรุ่งนี้
แล้วจึงจักทำ
จงจำไว้ว่าตัวปฏิบัติไม่มีอดีต-ไม่มีอนาคต
มีแต่ปัจจุบัน จงทำเดี๋ยวนี้ให้ดี
ระวังอารมณ์กิเลสในขณะจิตนี้ให้ดี
อย่าไปพอใจหรือไม่พอใจกับอะไรในโลกทั้งหมด
ภาระที่มีอยู่
ให้ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น จงระวังเอาไว้เสมอว่า
ชีวิตมันสั้นเข้ามาทุกที อย่าคิดว่าจักทำงาน
ทางโลกจนเสร็จสิ้นหมดทุกอย่าง จงรีบมุ่ง
ปฏิบัติทางธรรมให้เสร็จก่อนจักตายดีกว่า
พิจารณาตามนี้ให้มากๆ แล้วจักได้ไม่ประมาทในชีวิต
จากหนังสือธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
"..ปล่อยวางทั้งอดีต
อนาคต และปัจจุบัน
อยู่กับความไม่มี ไม่เป็น
ว่าง สว่าง บริสุทธิ์
หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา
หยุดกิริยาจิต ไม่มีอะไรเลย
ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง
พระอริยเจ้า..
มีจิตไม่ส่งออกนอก
จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
มีสติอย่างสมบูรณ์ เป็นวิหารธรรม
มีสติอย่างสมบูรณ์ เป็นเครื่องอยู่.."
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล