เหตุคือเพราะ "วางความยึดมั่นถือมั่น" จึงมีผล คือ ความดับทุกข์
อวิชชา (เป็นเหตุ) ให้เกิดสังขาร
สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
ท่านว่าให้ดับความโง่อันเดียวเท่านั้น ผลดับหมด
เพราะธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ ธรรมทั้งหลาย ดีก็ดี ชั่วก็ดี ไหลมาแต่เหตุ คือความโง่ ความไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นตัวเป็นตน ก็ได้รับผลเป็นสุข เป็นทุกข์สืบไป
ท่านเรียกว่า วั ฏ ฏ ะ การวน วนไม่มีที่สิ้นสุด
หลวงปู่ขาว อนาลโย
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงบอกว่า อัตตาหิ อัตโน นาโถ
ทำไมต้องบอกว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนอื่นใครจะพึ่งได้ ทำไมพูดอย่างนี้ แล้ว ตน คือใคร? ตน ก็คือจิตที่เราฝึกนี่ไง ตนเป็นที่พึ่งของตน ก็คือจิตนี่แหละ เมื่อผู้ใดตามรักษาจิต ผู้นั้นชื่อว่ารักษาตน
ผู้ใดรักษาตน ผู้นั้นย่อมพ้นจากบ่วงของมารได้
"มองโลกในแง่ดี ก็หลอกตัวเอง
มองโลกในแง่ร้าย ก็หลอกตัวเอง
มองโลกด้วยใจเป็นกลาง จึงเห็น โลกอันแท้จริง
แท้จริงโลกไม่มีความดีและความเลว โดยตัวมันเอง
ความดีและความเลวของสิ่งใด ๆ อยู่ที่ใจ ไปแยกแยะกำหนด
นิยามตามความนิยม แล้วสร้างความอยาก ยึดถือใว้
โลกกลาง ๆ เลยถูกเหมาเอาเป็นโลก น่าพอใจบ้าง
ไม่น่าพอใจบ้าง โดยที่มันไม่ได้รู้เรื่องใด ๆ ด้วยเลย
เมื่อใดที่ "จิตว่าง" มันจึงจะเห็นโลกทั้งหลาย
ไร้ความหมายด้วยประการทั้งปวง.. "
พระอาจารย์ธัมมทีโป