#จิตนี้คืออะไร?
จิตมันก็ไม่คืออะไร มันถูกสมมุติว่า คือ ความรู้สึก ผู้ที่รู้สึกอารมณ์ ผู้ที่รับรู้อารมณ์ทั้งหลาย ในที่นี้เรียกว่า..จิต
ใครเป็นผู้รับรู้ ผู้รับรู้นั้นถูกเขาเรียกว่า "จิต" รับรู้อารมณ์ที่สุขบ้าง อารมณ์ที่ทุกข์บ้าง อารมณ์ดีใจบ้าง อารมณ์เสียใจบ้าง ใครมีภาวะที่จะรับรู้อารมณ์เหล่านี้ ท่านเรียกว่า..จิต
อย่างเช่นอาตมาพูดให้ฟังขณะนี้ จิตเรายังมี จิตรับรู้ว่าพูดอะไร อย่างไร มันเข้าไปทางหู รู้ว่าพูดอะไร เป็นอย่างไร ก็รู้จัก ผู้รับรู้นี้เรียกว่า..จิต
จิตไม่มีตัว จิตไม่มีตน จิตไม่มีรูป
#จิตเป็นผู้รับรู้อารมณ์เท่านั้นไม่ใช่อื่น ถ้าหากว่าเราสั่งสอนจิตอันนี้ให้มีความเห็นที่ถูกต้องดีแล้ว จิตนี้ก็จะไม่มีปัญหา จิตก็จะสบาย จิตก็เป็นจิต อารมณ์ก็เป็นอารมณ์ อารมณ์ไม่เป็นจิต จิตไม่เป็นอารมณ์
เราพิจารณาจิตกับอารมณ์นี้ให้เห็นชัด #จิตเป็นผู้รับรู้อารมณ์ที่จรเข้ามา จิตกับอารมณ์สองอย่างนี้มากระทบกันเข้า ก็เกิดความรู้สึกทางจิต ดีบ้าง ชั่วบ้าง ร้อนบ้าง เย็นบ้าง สารพัดอย่าง ทีนี้เมื่อเราไม่มีปัญญาแก้ไข ปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ก็ทำจิตของเราให้ยุ่ง..
หลวงพ่อชา สุภัทโท
ฐีติจิต...คือ จิตดั้งเดิม...ท่านเปรียบว่า อัปปนาสมาธิ อัปปนาจิต และ ฐีติจิต ต่างอยู่ในฐานเดียวกันแต่มีชื่อต่างกัน
อัปปนาสมาธิ เป็นจิตที่แน่วแน่ ลงไปจนถึงจิตเดิม อัปปนาจิตก็เหมือนกัน
ฐีติจิตก็เหมือนกัน
ฐีติจิต..เป็น..จิต..ที่ว่าง..ไม่มีอารมณ์ เป็นจิตเดิม เป็นจิตที่ท่านเรียกว่า "ประภัสสร" แจ้งสว่าง
อัปปนาสมาธิ นี้ จิตนั้นไม่มีเศร้า ไม่มีหมอง ไม่มีมืด ไม่มีมัว
เหมือนพระอาทิตย์ท่านส่องสว่างอยู่
แต่ที่พระอาทิตย์จะมืด จะมัวเศร้าหมอง
เพราะ ขี้เมฆเข้ามาบดบังพระอาทิตย์
ไม่ใช่พระอาทิตย์เลื่อนเข้าไปหาขี้เมฆ นี่ท่านเปรียบไว้นัยหนึ่ง
ธรรมชาติของจิต มันเป็นของใสบริสุทธิ์...
หากแต่มีกิเลสเข้ามาหมักหมมบดบัง จึงได้ฝ้าฟางไป...
ถ้าใช้สติปัญญาชำระให้ดี ๆ แล้วมันก็จะลงสู่สภาพบริสุทธิ์...
อีกนัยหนึ่งท่านเปรียบ ขี้เมฆ นั่นแหละ เปรียบเหมือน...
อุปกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลง ได้แก่...
โลกธรรมที่ไหลเข้ามาทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายทางใจ เลยให้มัวเมา จิตก็เลยมืด แสงสว่างก็ถูกบดบัง
ฐีติจิตนี้ถ้าขาดสติปัญญาแล้วถอนขึ้นมาไม่มีสติปัญญานะ
เมื่อขาดสติปัญญาพลั้งเผลอถอนขึ้นมาปล่อยถอนขึ้นมาเฉย ๆ...ประสบอารมณ์อะไรเป็นกิเลสไปเลย...
นี่มันจะหยุดไม่ได้...มันเผลอสติของเราไม่ดี... ท่านว่า...จิต...เป็นของพิสดารมากมาย.
แต่ว่าถ้า ฐีติจิตตัวนี้ได้รับการอบรมด้วย
สติ ปัญญาดีแน่ชัดแล้ว ก็ลงสู่สภาพเดิมอันใสบริสุทธิ์
หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ
วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จริต (อ่านว่า จะหริด) จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถานที่จิตชอบท่องเที่ยว หรืออารมณ์ที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ มี 6 ประการ หมายถึง ความประพฤติ คือกิริยาอาการที่แสดงออกมาให้เห็น มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า จริย จริยา หรือ จรรยา โดยทั่วไปจะใช้หมายถึงกิริยาอาการที่ไม่ดี เช่น เสียจริต วิกลจริต ดัดจริต จริตจะก้าน แต่ในทางพุทธศาสนา หมายถึง ความประพฤติ, พื้นเพ นิสัย มี 6 อย่างคือ
ราคจริต หนักไปทางรักสวยรักงามคือ พอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนิ่มนวล ชอบการมีระเบียบ สะอาด ประณีต พูดจาอ่อนหวาน เกลียดความเลอะเทอะ
โทสจริต หนักไปทางเจ้าอารมณ์มักโกรธ เป็นคนขี้โมโหโทโส พูดเสียงดัง เดินแรง ทำงานหยาบ แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว ชอบจับผิด จึงมองข้อตลกของคนได้ดี จึงมักเป็นคนที่พูดจาได้ตลกและสนุกสนาน
โมหจริต หนักไปทางเขลา ง่วงซึม ไม่ค่อยชอบคิดมาก และขี้เกียจ
สัทธาจริต หนักไปทางเชื่อถือจริงใจ น้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ เกิดปีติเลื่อมใสได้ง่ายเมื่อเจอบุคคลน่านับถือ เชื่อตามที่บอกต่อกันมา ขาดการพิจารณา
พุทธิจริตหรือญาณจริต หนักไปทางใช้ปัญญา เจ้าปัญญาเจ้าความคิด มีความฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ การคิดการอ่าน ความทรงจำดี ชอบสั่งสอนคนอื่น
วิตกจริต หนักไปทางชอบคิดมาก ถ้าขี้ขลาดจะวิตก กังวล ฟุ้งซ่านชอบคิด ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่กล้าตัดสินใจ คิดอย่างไม่มีเหตุผล เกินจริง
โดยแยกเป็นสองกลุ่ม คือ ตัณหาจริต และ ทิฏฐิจริต ราคจริต โทสจริต โมหจริต จัดเป็นตัณหาจริต สัทธาจริต พุทธิจริต วิตกจริต จัดเป็นทิฏฐิจริต
โมหจริต เหมาะกับ อานาปานสติ
วิตกจริต เหมาะกับ อานาปานสติ กสินทั้ง 6 คือ ปฐวีกสิน อาโปกสิน เตโชกสิน วาโยกสิน อาโลกกสิน อากาสกสิน
สัทธาจริต เหมาะกับ อนุสสติ 6 คือพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ ศีลานุสสติ เทวตานุสสติ
พุทธิจริต เหมาะแก่การบอกไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้เกิดความเลื่อมใส พิจารณาธาตุ 4 อาหาเรปฏิกูลสัญญา มรณานุสสติ อุปสมานุสสติ
อานาปานสติเหมาะสมกับทุกจริต
อารมณ์ที่กล่าวมา 6 ประการนี้ บางคนมีอารมณ์ทั้ง 6 อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มีมากน้อยกว่ากันตามอำนาจวาสนาบารมีที่อบรมมาในชาติอดีต อารมณ์ที่มีอยู่คล้ายคลึงกัน แต่ความเข้มข้นรุนแรงไม่เสมอกันนั้น เพราะบารมีที่อบรมมาไม่เสมอกัน
ศาสดา
จุดมุ่งหมาย
หลักปฏิบัติ
คัมภีร์
พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก
หลักธรรม
ไตรลักษณ์ · อริยสัจ 4 · มรรค 8 · ปฏิจจสมุปบาท · มงคล 38
นิกาย
สังคม
ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน
การจาริกแสวงบุญ
ดูเพิ่มเติม
ส่วนหนึ่งของ
ปฐมฌาน มีองค์ญาน๕คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ทุติยฌานมีองค์ญาน๔คือ วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌานมีองค์ญาน๓คือ ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌานมีองค์ญาน๒คือ สุข เอกัคคตา
ปัญจมฌานมีองค์ญาน๒คือ อุเบกขา เอกัคคตา
รวมเป็น กุศล ๕ กุศลเช่นไร กิริยา และวิบากเป็นเช่นนั้น รวมเป็น๑๕
อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ
อากิญนัญจายตนะ
เนวสัญญานาสัญญายตนะ
รวมเป็น กุศล ๔ กุศลเช่นไร กิริยา และวิบากเป็นเช่นนั้น รวมเป็น๑๒