http://phusawan.com/webboard/index.php?topic=960.0
ธรรมะจากพระพุทธเจ้า วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559
ตอนที่ 180 **พุทธโอวาทสมเด็จองค์ปฐม**
+ +
พระยาธรรมเอ๋ย.. ในโลกนี้ มีอยู่ 2 สิ่ง ที่ให้เรานี่
สิ่งที่หนึ่ง คือ *การทำคุณงามความดี*
สิ่งที่สอง คือ *การทำความชั่ว*
การทำความดี - จะทำให้จิตของเราสูงยิ่งๆขึ้นไป
การทำความชั่ว - จะทำให้จิตของเราตกต่ำลงไป ทุกวัน
การทำความดี-- แม้จะทำด้วยกาย ด้วยใจ ด้วยวาจา ด้วยสิ่งของข้าวของ ด้วยสติและปัญญา ด้วยความอดทนอดกลั้น
จะทำเล็กน้อย หรือว่าทำมากมาย -- นั่นก็สามารถที่จะสั่งสม เป็นบันไดขั้นๆ ที่จะหนุนดวงจิตของเรานั้นให้สูงยิ่งๆขึ้นไปได้
การทำความชั่ว ก็เหมือนกัน-- แม้จะทำความชั่วเพียงแค่เล็กน้อย ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ด้วยสติปัญญาของความชั่ว คือ คิดชั่วนิดหน่อย
... จะทำด้วยเหตุปัจจัยใดก็ตาม ลูกเอ๋ย.. ย่อมต้องทำให้เรานั้นตกต่ำลงไป
บุคคลผู้ที่ถูกก้อนหินก้อนเล็กๆ ทับไปทุกวันๆ วันละ1 ก้อนๆ
กาลเวลาผ่านไป-- บุคคลผู้นั้นย่อมต้องจมอยู่ใต้พื้นของก้อนหินเหล่านั้น...
การทำความดี..แม้จะเป็นความดีเพียงเล็กน้อย -- เหมือนเก็บก้อนหินเข้ามาสั่งสม ทีละก้อนๆ เพื่อต่อบันไดให้สูงยิ่งๆขึ้นไป
-- หากเราทำอย่างนั้นนานๆไป.. เราก็ย่อมที่จะได้ไปอยู่ในที่ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยการประพฤติ ปฏิบัติ ของเราเอง --
เหตุฉะนี้แหละ..ลูกเอ๋ย การกระทำของเราจึงสำคัญยิ่งนัก **สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆทั้งปวงบนโลก.. เพราะสิ่งทั้งหลาย เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา **
ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สิ่งของข้าวของ รถรา บ้านเรือน
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่สวยสง่า และงดงาม ก็ตาม.. ลูกเอ๋ย
... สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพียงสมมุติขึ้นมา ไม่ช่วยให้ลูกนั้น สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ !
... สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นแต่เพียงสิ่งที่สมมุติ ให้เรานำมาเพื่อให้เราที่จะทำดีหรือชั่ว
-- แต่มันไม่มีผลอะไรต่อตัวของเราเลย --
เราเองต่างหากที่เป็นผู้คิด ผู้ทำ
เราเองต่างหากที่เป็นผลของการกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่าง
ฉะนั้น ลูกเอ๋ย.. การกระทำเท่านั้น ที่จะส่งผลให้เราสูงขึ้น หรือตกต่ำลงไปได้
**สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่การกระทำ**
เหตุฉะนี้แหละ ลูกเอ๋ย.. เราอย่าเอาสิ่งของภายนอก คือ ทรัพย์สิน สมบัติ รูปร่างหน้าตา
เอาสิ่งภายนอกนั้น มาเป็นตัววัดว่า บัดนี้เราสูง - หรือเราต่ำ
เราสามารถทำให้สูง - หรือต่ำได้ เพราะเรามีของเหล่านั้นหรือไม่ ?
ลูกเอ๋ย..
** เราจะสูงได้ ก็ต่อเมื่อเราทำความดี
** เราจะต่ำได้ ก็ต่อเมื่อเราทำความชั่ว
... ไม่ได้อยู่ใน *สิ่งสมมุติ* ทั้งหลายเหล่านั้นเลย…
เทวดาบางองค์ ก็มาเกิดอยู่ในกายของสัตว์ เช่น เกิดเป็นนกตัวหนึ่ง ด้วยว่ากรรมเก่าเล็กน้อย.. จึงส่งผลมาเกิดเป็นนกแสนสวยตัวหนึ่ง ซึ่งมันมีความเป็นอิสระ สามารถบินไปได้ ทุกที่ ทุกแห่งหน.. ตามใจของมัน
มันนั้นมาดำรงชีวิตตามยถาชีวิตของมัน ช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง
แต่มนุษย์เราบางคน มองว่าสัตว์ตัวนั้นมีค่าไม่เท่าตน.. เพราะมันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน
มนุษย์ผู้นั้น จึงเบียดเบียนต่อนกตัวนั้น เพราะมองเห็นว่าเขาเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน
.. แต่ความเป็นจริงแล้ว นกตัวนั้นมีบุญบารมีมากกว่า ดวงจิตที่อยู่ในกายของมนุษย์เสียอีก…
.. แต่มนุษย์คิดไปเองว่า ตนสูงศักดิ์กว่า ด้วยกายมนุษย์
แต่ลูกเอ๋ย.. ในความเป็นจริงนั้น ระหว่างนกตัวนั้นกับมนุษย์ ...
นกตัวนั้นสบายกว่ามนุษย์ตั้งเยอะ
นกตัวนั้นมีความสุขมากกว่ามนุษย์ผู้นั้น..มากมาย
ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงแปลได้ว่า เรานั้นคิดเอง สมมุติเอง ว่าเราสำคัญกว่า ว่าเราเลิศเลอ และดีกว่า
... เพราะว่าเราเอาสิ่งภายนอกมาตัดสิน ว่าเราสูงกว่านก หรือว่านกต่ำกว่ามนุษย์ // เราอยู่ในภูมิที่สูงกว่า นกอยู่ในภูมิที่ต่ำกว่า เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ลูกเอ๋ย.. ในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย…
ในความเป็นจริง **ขึ้นอยู่กับการประพฤติ ปฏิบัติของตัวเราเองต่างหาก**
การกระทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นสิ่งที่ชี้ชัด บอกได้ว่า เราสูงหรือต่ำ.. ด้วยการกระทำของเราเอง ++
ไม่ว่าบุคคลผู้นั้น จะเป็นหญิง จะเป็นชาย // จะเป็นคนจน หรือว่าคนรวย // จะเป็นคนธรรมดา หรือว่าเป็นกษัตริย์
หากประพฤติชั่วแล้วนั้น - ย่อมต้องอยู่ในจุดที่ต่ำ
หากประพฤติดีแล้วนั้น - ย่อมต้องอยู่ในจุดที่สูง
... ด้วยการกระทำของตน สำคัญเป็นอย่าง**
ฉะนั้น ลูกเอ๋ย.. เราจงประพฤติดี ปฏิบัติดี คิดดี ทำดี สั่งสมความดี ด้วยกาย วาจา และใจ
นำเอาสิ่งสมมุติทั้งหลาย มาทำให้ก่อเกิดเป็นความดีที่แท้จริงให้ได้ **
ลูกเอ๋ย.. สิ่งสมมุติในความดีนั้น สามารถสร้างสั่งสมต่อบันไดคุณงามความดีนั้น ทอดข้ามให้เราพ้นวัฏสงสาร
เมื่อเราพ้นวัฏสงสารแล้ว ให้ปล่อยวางความดีทั้งหลายเหล่านั้นเอาไว้ แล้วลูกจึงจะ..
- พบกับความสุขที่แท้จริง
- พบกับสิ่งที่ไม่มีวันดับกลับคืนไปอีก
- สุขก็สุขเที่ยงแท้ ไม่มีทุกข์ใดปนเปื้อน
จงประพฤติตนในสิ่งที่ดี ถึงแม้จะเป็นการสมมุติดีก็ตาม !
จงทำไปเถิด สั่งสมไปเถิด-- จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่สิ่งสมมุติดีเหล่านั้นเต็มแล้ว
และสิ่งสมมุติดีเหล่านั้น สามารถยกลูกนั้นข้ามพ้นวัฏสงสาร
> แล้วค่อยปล่อยสิ่งสมมุติดีเหล่านั้นทิ้งไป-- ลูกจึงจะสามารถเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง คือ *พระนิพพาน*
วันนี้การทำความดีของลูกทั้งหลาย.. ได้บังเกิดผลแล้วที่จิตใจ
-- เพราะการทำความดีย่อมยกระดับจิตของลูกให้สูงยิ่งๆขึ้นไป เป็นแน่แท้ --
// ไม่มีบุคคลผู้ใด ยัดเยียดความชั่วให้กับใครได้ ถ้าเราไม่ทำเอง
// ไม่มีบุคคลใด ทำความดีแทนใครได้ ถ้าเราไม่ทำเอง.. ลูกเอ๋ย
< ความดีทั้งหลาย เราจึงควรเป็นผู้กระทำเอง >
เมื่อวันนี้ได้กระทำเองแล้ว เราก็ย่อมต้องได้รับคุณงามความดีนั้น ด้วยตัวของเรา
จงจำไว้เสมอเถิดว่า ..
* การทำความชั่วนั้น คือ "ลบ"
* การทำความดีนั้น คือ "บวก"
หากวันนี้เราทำความชั่ว 1 ครั้ง แปลว่า เรานั้นได้ลบตนลงไป 1 แต้ม ++
ถ้าเกิดว่า เราทำความดี 1 ครั้ง แปลว่า เรานั้นได้บวกความดี / ยกระดับจิตของตนให้สูงขึ้นอีก 1 แต้ม ++
... เราจงเลือกเองเถิดว่า เราจะประพฤติดี กระทำดี เพื่อให้สูงยิ่งๆขึ้นไป // หรือจะทำชั่ว ให้ตกต่ำลงไป
ชีวิตของคนเรานั้น ส่วนใหญ่แล้ว ก็ล้วนแล้วแต่ปรารถนาความดีทั้งนั้น …
ฉะนั้น ลูกเอ๋ย..
เมื่อเราปรารถนาความดี เราก็จง "ทำดี"
เมื่อเราปรารถนาความชั่ว เราถึงจะทำ "ความชั่ว"
ก่อนที่จะทำสิ่งใดไป จึงควรพิจารณาดูตนให้ดีว่า เรานี้ต้องการสิ่งใดหนอ
เราต้องการความหวาน แต่เราดันไปกินของขม แล้วจะหวานได้อย่างไรเล่า ?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตน เป็นสิ่ง *สำคัญที่สุด*
ลูกเอ๋ย.. พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เลือกประพฤติดี ปฏิบัติดี // เลือกสิ่งที่ดีให้แก่ตน
-- บัดนี้ทุกๆพระองค์ จึงสำเร็จในคุณงามความดีแล้ว --
องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือองค์พระอรหันต์ก็เหมือนกัน -- เลือกที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับตน.. จนสำเร็จแล้ว
และดวงจิตทุกดวงที่สำเร็จเป็นองค์พระพุทธเจ้า / สำเร็จเป็นองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า / สำเร็จเป็นองค์พระอรหันตเจ้า .. ดวงจิตทั้งหลายเหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่เคยเป็นดวงจิตธรรมดา อย่างลูกทั้งหลายนั่นแหละ
** เพียงแต่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการทำดี ในการประพฤติดี แสวงหาสิ่งที่ดีให้กับตน **
-- บัดนี้ จึงได้สำเร็จด้วยความดีนั้น --
ลูกเอ๋ย.. จงเดินตามมาเถิด เดินตามมาทางนี้ คือ การทำความดี ละเว้นต่อการทำชั่ว ++
เมื่อเราจะไปในที่หนึ่ง เราเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ เดินไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว สักวันหนึ่งเราต้องไปถึง
ขอเพียงอย่าเดินก้าวหนึ่ง ถอย 2 ก้าว แค่นั้นก็พอ.. ลูกเอ๋ย
// ความดีนั้น ย่อมอยู่ที่เรา
// ความดีนั้น ย่อมอยู่ด้านหน้า รอเราอยู่เสมอ
... ขอเพียงแค่ให้เราเดินเข้าหาความดี.. อย่าเดินเข้าหาความชั่วก็พอ
ลูกเอ๋ย.. สิ่งสมมุติทั้งหลายนั้น..
อาจมีคนหนึ่ง ยกให้คนหนึ่ง
อาจมีคนหนึ่งยัดเยียดให้คนหนึ่งได้
> แต่การประพฤติ ปฏิบัติ กระทำนั้น.. เราต้องทำเอง เราต้องประพฤติเอง กระทำเอง น้อมจิตน้อมใจ ด้วยตัวของเราเอง.. เราจึงจะสามารถเข้าถึงคุณงามความดีได้ในที่สุด
การทำความดีนั้นเป็นธรรมดาที่จะมีการท้อใจบ้าง แต่ว่าเราเอาความท้อใจนั้นมาเป็นบทเรียน มาเป็นครูสอน เป็นสิ่งที่ทดสอบตัวของเรา เรียนรู้กับมัน เพื่อเราจะได้เดินก้าวต่อไปเท่านั้น.. ลูกเอ๋ย
-- แล้วชีวิตของลูกนั้น ก็จะพบกับความพ้นทุกข์ --
สาธุ สาธุ สาธุ