วิธีดึงดูดพลังจากยันต์เกราะเพชรคุ้มครองตนและครอบครัว จากไวรัสโควิด19
สำหรับผู้ที่มีพลังจิตและสวดมนต์ นั่งสมาธิประจำ สามารถเพ่งที่รูปยันต์เกราะเพชร จนรับรู้พลังได้ แล้วค่อยดึงเข้าสู่จิตตน พลังจะไหลเข้ากลางกระหม่อม รับรู้พลังที่ไหลเข้าได้
สำหรับบุคคลทั่วไป ให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้ากำกับ ขณะสวดให้หายใจออก จบก็หายใจเข้ายาว ช่วงหายใจเข้าให้เพ่งจิตไปที่รูปยันต์เกราะเพชรพร้อมดึงพลังจากรูปเข้าสู่จิตและร่างกาย หายใจเข้าลึกสุดแล้ว ก็หายใจออกพร้อมสวดพรคาถา ทำให้ครบ 3 รอบ จบ เสร็จพิธี
ข้อแนะนำ ให้ดีควรทำตอนทสวดมนต์ให้ครบบทสวดประจำวัน เมื่อเสร็จพิธี ก็แผ่เมตตาตามปกติ ขอให้สำเร็จทุกๆ ท่านเทอญ สาธุ
ให้ตั้งนะโม3จบ
พร้อมกับนึกถึงครูบาเจ้าขาวปี
คำไหว้ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี
“สาธุ อะหังนะมามิ พระอภิชัยยาชนะ ภิกขุ เสตะเถระ ศีละวันตา นะวะโล กุตตะระ ธัมมะ บัณฑิตตัง กะตา ปุณยัง นานา ประฏิ สะขาระ วะระพุทธ ศาสนัง อะระหัตตะ โพธิสัตโต คุณโณ เมนาโถ สิระสา นะมามิ”
คาถาห้ามยักษ์ ห้ามมาร🐿️
“อะสะยักษ์ขัง กุเลพุทโธ
อะสะยักษ์ขัง กุเลธัมโม
อะสะยักษ์ขัง กุเลสังโฆ
อะสะ เมตตายะ สุเล สวาหาย”
คาถานี้นอกจากห้ามยักษ์ อมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ มารังครวญ แล้ว ยังห้ามบาปเคราะห์กรรมได้ ให้บาปเคราะห์กรรมเบาลง และยังกันคุณไสยเวทย์ได้อีกด้วย ระลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี
ครูบาชัยยะวงศ์ อธิษฐานว่า ขอเคราะห์กรรม ทั้งหลายจงอย่าตามเราทัน ทำเป็นน้ำมนต์อาบด้วยก็ได้
แล้วก็อธิษฐานเหมือนกัน ต่อด้วยว่า ขอความเป็นอัปมงคลทั้งหลาย จงถูกล้างไป ไม่เกินกฎแห่งกรรม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
#คาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ
อะหังวันทามิธาตุโย
ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุทั้งหลายที่สถิตอยู่ในจักรวาลทั้งหลาย ทั้งพรหมโลกและดาวดึงส์
อะหังวันทามิสัพพะโส ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอ วังธาตุโย จัตตารี สะ สะ มาทันตา เกสา โลมา นะขา ขีจะ อะหังวันทามิธาตุโย
พระคาถาบูชาพระธาตุ
อะหังวันทามิธาตุโย
ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายที่ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
อะหังวันทามิสัพพะโส
ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ด้วยประการทั้งปวง
คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 ครั้ง)
อะหัง วันทามิ อิธะ ปะติฏฐิตา พุทธะธาตุโย
ตัสสานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม.
ข้าพเจ้าขอนมัสการกราบไหว้ พระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประดิษฐานอยู่ ณ ที่นี้ ด้วยอานุภาพแห่งกุศลผลบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความสุขสวัสดี ตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ
บทบูชาพระธาตุ
บทสวดเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และ/หรือ พระธาตุนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายบท มีทั้งบทบาลี บทภาษาไทย หรือ ทั้งบาลีและแปลควบคู่กันไป แต่ละที่ก็แตกต่างกัน เท่าที่พอจะรวบรวมและพิมพ์ได้มีดังนี้
คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 ครั้ง)
อิติปิ โส ภะคะวา, นะมามิหัง ตัง ภะคะวันตัง, ปะระมะสารีริกธาตุยา สัทธิง, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุคะโต, โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ, สุตถา เทวะ มะนุสสานัง, พุทโธ, ภะคะวาติ.
บทสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
อุกาสะ วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะฐาเน สุปะติฏฐิตัง
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ดังข้าพเจ้าขอถือโอกาส ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระเจดีย์ทั้งหมดอันตั้งไว้ดีแล้วในที่ทั้งปวง
พุทธะสารีรังคะธาตุง มะหาโพธิง พุทธะรูปัง คันธะกุฏิง จะตุราสีติสะหัสเส ธัมมักขันเธ
คือซึ่งพระสารีรังคะธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งพระพุทธรูป ซึ่งพระคันธุกุฏิของพระพุทธเจ้า และซึ่งพระธรรมขันธ์ทั้งหลาย มีแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
สัพเพตัง ปาทะเจติยัง สักการัตถัง
เพื่อสักการะซึ่งพระเจดีย์ คือรอยพระบาทเหล่านั้นทั้งหมดทั้งสิ้น
อะหังวันทามิธาตุโย
ข้าพเจ้าขอไหว้พระธาตุทั้งหลาย
อะหังวันทามิสัพพะโส
ข้าพเจ้าขอไหว้โดยประการทั้งปวง
อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา
ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระรัตนตรัยเหล่านั้นในกาลทุกเมื่อ ด้วยอาการดังนี้แลฯ
วันทาหลวง(ย่อ)
วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธา-ตุ มหาโพธิง
พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเกพรัหมะโลเก ชัมพูทีเปลังกาทีเป
สะรีระธา-ตุ โย เกสา ธา-ตุ โย อะระหันตะ ธา-ตุ โย เจติยัง คันธะกุฏิง
จะตุราสี ติสสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ
คำบูชาพระธาตุแบบไม่จำเพาะเจาะจง
อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
ถ้าประสงค์จะบูชาพระธาตุแบบเจาะจงให้นำฉายาของท่านวางหน้าคำว่า"ธาตุโย"เช่น
คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
อะหัง วันทามิ สารีริกะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
คำบูชาพระธาตุพระสิวลี
อะหัง วันทามิ สิวลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
คำบูชาพระธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อะหัง วันทามิ ภูริทัตตะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
ปูชิตา นะระเทเวหิ, สัพพัฏฐาเน ปะติฎฐิตา,
สิระสา อาทะเรเนวะ, อะหัง วันทามิ ธาตุโย,
โย โทโส โมหะจิตเตนะ, วัตถุตตะเย กะโต มะยา,
โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต, สัพพะปาปัง วินัสสะตุ,
ธาตุโย วันทะมาเนนะ*, ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสาฯ
(* ถ้าผู้สวดเป็นหญิง เปลี่ยนคำว่า วันทะมาเนนะ เป็น วันทะมานายะ)
ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้านมัสการ พระบรมสารีริกธาตุ แห่งองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประดิษฐานในที่ทุกสถาน ด้วยเศียรเกล้า
แม้บาปทั้งปวง ที่เคยล่วงเกินด้วยใหลหลง ข้าพระองค์ขอขมาโทษได้ทรงโปรดงดโทษนั้นให้มีอันวินาศสิ้นสูญไป
ด้วยเดชะกุศลผลบุญ ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้น้อมเกล้านมัสการพระบรมสารีริกธาตุในกาลครั้งนี้ แม้สรรพอันตรายทั้งปวง จงอย่างได้บังเกิดแก่ข้าพระพุทธเจ้าในกาลทุกเมื่อ เทอญ.
คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 ครั้ง)
อะหัง วันทามิ อิธะ ปะติฏฐิตา พุทธะธาตุโย
ตัสสานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม.
ข้าพเจ้าขอนมัสการกราบไหว้ พระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประดิษฐานอยู่ ณ ที่นี้ ด้วยอานุภาพแห่งกุศลผลบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความสุขสวัสดี ตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ
คำไหว้พระธาตุ
ยาปาตุภูตา อะตุลา
นุภาวาจีรัง ปะติฏฐา
สัมภะกัปปะ ปุเรเทเวนะ
ตุตตา อุตตะราภีทับยานะมานิ
หันตัง วะระชินะธาตุง
บทกล่าวอัญเชิญและบูชาพระธาตุ แบบต่างๆ
คำกล่าวอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แบบยาว
อะเน กะกัปเป กุสะเล จินิตตะวา โลกานุกัมปายะ มะ เนกะทุกขัง อุสสาหะยิตตะวา จะ สุจีระการัง พุทธัตตะภาวัง สะกะลัง อะคัญฉิ เอวัญจะ กัตตะวา ภะคะวา ทะยาลุ ทุกขา ปะโมเจถะ ขิเล จะอัมเห ทัสเสถะ โน ปาฏิหิรัง สุวิมหัง เฉทายะ กังขัง สะกะลัง ชะนัสสะ กาเกนะ รัญญา กะถิตันตุ ยังยัง ตังตัง อะขีลัง วิตะถัง ตะถัง เจ พุทธานะกะถา วิตะถา ตะถา เจ ทัสเสถะ วิมหัง นะยะนัสสะ โนปิ อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต อัสสามิ มะหันตา ภินนะมุคคา จะมัชฌิมา ภินนะฑัณฑุลา ขุททุกะ สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเส เม ปะตันตุฯ
คำกล่าวอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แบบทั่วไป
อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต
คำแปลบทอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แบบทั่วไป
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตราบเท่าชีวิต ข้าฯขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ขออัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุที่สถิตอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ขนาดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วหัก แก้วมุกดา ขนาดกลางเท่าเมล็ดข้าวสารหัก และขนาดเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด จงเสด็จตกลงเบื้องบนประดิษฐาน เหนือเศียรเกล้าของข้าฯในที่ทุกสถาน เทอญฯ
คำแปลบทอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แบบย่อ
นับตั้งแต่นี้ จนสิ้นชีวิต พลีชีพอุทิศ พระรัตนตรัย ขอพระบรมธาตุ สถิตทั่งไกล คุ้มครองผองภัย สู่เศียรข้าฯเทอญฯ
พระคาถาอัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ
อิ ติ ปิ โส วิ เส เส อิ
อิ เส เส พุทธ นา เม อิ
อิ เม นา พุทธ ตัง โส อิ
อิ โส ตัง พุทธ ปิ ติ อิ
#พระผงจักรพรรดิ #🙏
# เขาเล่าว่า...เลยนำมาให้อ่านเพื่อเป็นประโยชน์ #🙏
# ความรู้เกี่ยวกับพระผงจักรพรรดิและวิธีการใช้ในรูปแบบต่างๆ #
# เรื่องราวดีๆที่เรามีให้แก่กันด้วยความปรารถนาดีต่อกัน ใต้เงาวิริยธโร #♥️
...ตอนนี้คนสับสนกันเยอะเรื่องพระผงจักรพรรดิ...อดทนรอสักนิดนะคะ
หลวงตากำลังให้ทำเป็นมาตรฐาน เพื่อความชัดเจน ตอนนี้กำลังเรียบเรียง
รายละเอียดพร้อมทั้งรูปที่ชัดเจน ที่มาจาก หลวงตาโดยตรง
ไม่มีนิทาน เรื่องเล่า หรือเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์นะคะ
หลวงตาบอกว่าพระสร้างมาเพื่อแจกเพื่อให้คนสวดมนต์ภาวนา
ท่านที่สนใจสะสม ..กรุณาใช้สติและพิจารณา...
หมายเหตุ ภาพที่ใช้ประกอบเป็นวัตถุมงคลส่วนตัวที่สะสมไว้นะคะ เป็นส่วนหนึ่งที่เก็บไว้....กรุณาอย่า copy นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ส่วนบุคคล
นำเสนอเพื่อเพื่อเป็น ความรู้และประโยชน์ในการสะสมต่อไปในอนาคต
🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
การที่หลวงปู่ดู่สร้างหรืออนุญาตให้สร้างพระเครื่องพระบูชา ก็เพราะเห็นว่า ยังมีบุคคลจำนวนมากที่ขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และเนื่องเพราะศิษย์หรือบุคคลนั้นมีจิตใจทั้งที่ใฝ่ธรรมล้วนๆ กับที่ยังต้องอิงกับวัตถุมงคลอยู่ ท่านเคยพูดว่า "ติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าที่จะไปติดวัตถุอัปมงคล" อย่างน้อยก็ดึงให้ใจเขาติดอยู่กับพระเครื่อง ให้เห็นพระทุกวัน ก็เป็นพุทธานุสติ ใจเขาก็เป็นบุญ ดีกว่าปล่อยให้ใจเขาไปติดอยู่กับเหล้ายา กิเลสสิ่งที่ไม่ดีอื่นๆ
คุณลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งในวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า นั่นคือการเกิดพระธรรมธาตุขึ้นที่องค์พระ ยิ่งผู้บูชานำพระผงไปกำขณะทำสมาธิ ที่องค์พระก็ยิ่งเกิดพระธรรมธาตุเสด็จมาเกาะมากมาย จนบางครั้งทำให้ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดความคมชัดขององค์พระได้เลย พระธรรมธาตุที่เสด็จมานี้ บ้างก็เป็นเกศาเสด็จ บ้างก็เป็นพระธาตุเสด็จ พระธาตุนี้เมื่อแรกเสด็จมาจะมีขนาดเม็ดเล็กๆ หลังจากนั้นขนาดของเม็ดพระธาตุจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
และเป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกศิษย์ว่าพระของหลวงปู่หลวงตา ดิ้นได้ ยิ้มได้ พูดได้ทุกองค์ ทั้งนี้เป็นเพราะ เวลาที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ท่านจะอาราธนารวมกำลังบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ พระโพธิสัตว์ทั้งปวง เทพพรหมทั่วสามแดนโลกธาตุ ตลอดถึงบุญบารมีของท่าน ทั้งหมดนี้ให้มารวมกำลังกันเป็นกระแสพลังเหนือพลัง ผ่านพระคาถามหาจักรพรรดิลงสู่พระเครื่องทุกองค์ นอกจากนี้ ยังได้รับการอธิฐานจิตปลุกเสกด้วยวิชา "ภูติพระพุทธเจ้า" ซึ่งเป็นวิชาพิเศษในสายหลวงปู่ดู่นั่นเอง
หลายคนมีความสงสัยว่า ทำไมพระที่หลวงปู่ดู่และหลวงตาม้าสร้าง บังเกิดความอัศจรรย์อย่างนี้ หลวงตาบอกว่า อยู่ที่วิธีการปลุกเสก และกำลังที่อัญเชิญมา พุทธคุณขององค์พระนี้ ท่าน บอกว่าเป็นกำลังของพระรัตนตรัย รวมกับพระจักรพรรดิ และพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีกำลังบารมี รวมของหลวงปู่ทวด ของหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด
จึงมีพุทธคุณ และกำลังบารมี 10 เข้มข้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านกุศลได้ทุกประการตามแต่จะอธิษฐาน หากนำไปบูชาก็จะทำให้ภพภูมิเทวดา ผีสาง สัมภเวสีที่ผ่านไปมาได้รับกระแสนี้เข้าไปปรับให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
หลวงปู่ดู่เคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าใช้พระเป็น ถึงนิพพานได้เลย"
พระผงกรรมฐานเป็นพระใช้ มิใช่เป็นพระเก็บหรือสะสมไว้เฉยๆ และไม่มีกำหนดว่ารุ่นใดเป็นรุ่นใดเป็นรุ่นหนึ่งรุ่นสอง เพราะหลวงตาสร้างพระอยู่เรื่อยๆ การเก็บพระผงกรรมฐานเอาไว้เฉยๆ ไม่คล้องคอติดตัว ไม่แช่ถังน้ำในบ้านเพื่อทำน้ำมนตร์ ไม่ใช้เพื่อการปรับภพภูมิส่งวิญญาณ ถือว่าเสียประโยชน์เปล่า
วิธีการใช้พระผงกรรมฐานควบคู่ไปกับการสวดมนต์
การใช้พระผงกรรมฐานควบคู่ไปกับการสวดมนตร์ โดยกำพระผงนี้ไว้ขณะสวดมนตร์ ไม่ว่าจะเป็นบทระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ก็ดี บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิก็ดี หรือบทสัพเพฯก็ดี เป็นการทำให้จิตเรามีกำลังเป็นอย่างยิ่ง อานิสงส์ที่เกิดจากการที่เราแผ่บุญออกไปนี้จะคลุมไปทั่วจักรวาล หากสามารถทำได้ ก็ควรกำพระผงนี้ ทำใจให้สบาย สวดพระคาถามหาจักรพรรดิไปเรื่อยๆ เป็นการน้อมพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเข้าสู่จิต เพื่อยกระดับจิตใจให้ละเอียดยิ่งขึ้นตามไปด้วย
วิธีการใช้พระผงกรรมฐานควบคู่ไปกับการภาวนา
การฝึกปฏิบัติภาวนาด้วยการกำพระผงกรรมฐานนี้ จะช่วยทำให้ผู้ที่กำองค์พระรวมจิตเป็นสมาธิได้เร็วกว่าการฝึกด้วยตนเองมากนัก เพราะได้กำลังจากองค์พระมาเสริมที่ดวงจิตด้วย โดยการกำพระผงกรรมฐานแล้วสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ สวดอาราธนาศีล สวดบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ สวดขอขมาพระรัตนตรัย แล้วต่อด้วยการสวดบทพระคาถาพระมหาจักรพรรดิ จากนั้นจึงทำสมาธิภาวนาในอิริยาบทที่เราถนัด กำองค์พระไว้ในมือ น้อมนึกอาราธนากำลังจากองค์พระมาที่จิต เป็นการเพิ่มกำลังจิตในการภาวนา แล้วน้อมพลังงานนี้มายังฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิตามที่ถนัด เช่นอานาปาสติเป็นต้น
ขอแนะนำให้สวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ และกำหนดนิมิตเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ หลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่ก็ได้ กำหนดนิมิตนี้เบาๆ พร้อมกับกานภาวนาคำบริกรรม เมื่อทำได้คืบหน้าแล้วจะรู้ที่จิตเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้สามารถสัมผัสโลกทิพย์ อันจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้เราเข้าใจความจริงของธรรมชาติได้ และหากจิตเราสบายๆ องค์พระในมือจะดิ้นได้
การใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค
นำพระที่เลี่ยมแล้วหรือยังไม่เลี่ยมก็ได้ มากำสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ แล้วอธิษฐานว่า "....ขออาราธนาอัญเชิญบารมีรวมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม บารมีรวมพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิด...." จากนั้นค่อยๆจุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ สวดบทสัพเพฯ อัญเชิญพระเข้าตัว บทอธิษฐาน
เราสามารถแช่พระผงกรรมฐานนี้ไว้ในภาชนะใส่น้ำได้ตลอด โดยไม่ต้องกังวลว่าพระจะเปื่อยหรือละลายไป(หลวงตาม้ารับรองว่า พระจักรพรรดิยิ่งแช่น้ำยิ่งแข็งแกร่ง)
(ในช่วงเกิดภัยพิบัติจะเกิดโรคระบาดติดต่ออย่างร้ายแรง ติดง่าย ตายเร็ว น้ำมนต์รักษาโรคนี้จะช่วยได้)
การอธิษฐานครอบดวงแก้วให้แก่บ้าน เพื่อป้องกันรังสี
พระผงจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้างขึ้น และพระผงจักรพรรดิที่สร้างขึ้นตามสูตรของหลวงปู่ดู่นั้น สามารถนำมาอธิษฐานเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสีนิวเคลียร์ได้ทุกองค์ กับผู้ที่บูชาคล้องคอติดตัว และกับบ้านพักที่อาศัย แต่ถ้าต้องการให้คุ้มครองบ้านพักอาศัยด้วยนั้น ต้องอัญเชิญพระผงจักรพรรดิไว้ที่บ้าน 1 องค์ โดยให้อัญเชิญพระผงจักรพรรดิมาอธิษฐานทำน้ำมนต์ ในเวลา 20.30 น. เพราะต้องอาศัยกำลังใหญ่(ช่วงเวลาดังกล่าว หลวงตาม้า จะนำเทพ พรหม ร่วมสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ) โดยนำพระผงจักรพรรดิแช่ในภาชนะที่เหมาะสม เช่น ขันน้ำมนต์ และให้แช่ไว้อย่างนั้นตลอด เพื่อจะได้เป็นหัวเชื้อน้ำมนต์สำหรับใช้ในการอื่นๆ ได้ แล้วให้ตั้งจิตน้อมระลึกถึง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ท่านได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการป้องกัน ขจัดทำลายรังสีและพลังงานอันไม่ดีทั้งปวง ที่เข้ามาในอาณาบริเวณเขตน้ำมนต์แห่งนี้ให้เกิดเป็นปราการแก้ว 7 ชั้น คุ้มครองทั้ง 6 ทิศ คือ เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ให้กระแสเย็นแห่งน้ำมนต์นี้จงเปล่งออกไปเป็นรัศมีเรืองรอง คุ้มครองป้องกันและครอบคลุมบ้านทั้งหลังของข้าพเจ้านี้ ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้จงร่มเย็น ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด” จากนั้นให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้นำน้ำมนต์ไปรดรอบๆ บ้าน แล้วตั้งภาชนะใส่น้ำมนต์ที่มีพระผงจักรพรรดิแช่อยู่ไว้ในที่อันควร หมั่นเติมน้ำอย่าให้แห้ง น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกินและอาบ
การครอบวิมาน
เป็นการส่งกำลังบุญไปยัง มนุษย์ หรือสัตว์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้เขามีจิตใจดีขึ้นและป้องกันภัยที่มองไม่เห็นต่างๆ และถ้าใช้กับคนหรือสัตว์ที่กำลังจะสิ้นลมนั้นในยามที่จิตออกจากร่างนั้น ก็จะเห็นวิมาน และบารมีพระท่านจะเกิดนิมิตเป็นแสงสว่างนำทางผู้นั้นไปสู่สุคติภูมิตามกำลังบุญที่ได้ทำไว้ การครอบวิมานนี้ สามารถครอบให้ได้กับตนเอง และผู้อื่น โดยการครอบให้กับตนเองนั้นก็ด้วยวิธีการสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ ส่วนการครอบให้ผู้อื่นนั้นทำได้โดยการอธิษฐานขอบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด แล้วให้นิมิตภาพหลวงปู่ดู่ซ้อนไปยังบุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มคน โดยในขณะที่กำลังอธิษฐานจิตอยู่นั้น ผู้อธิษฐานต้องมีจิตเมตตากรุณาจึงจะเกิดผลอย่างสูงสุด
#มนต์เป็นของสูง พุทธบารมีอยู่ที่ไหน ที่นั่นย่อมสว่างไสวทั้งมิติโลก มิติจิต โลกนี้ไม่ใช่ของใคร เป็นของมนุษย์ทุกคน สิ่งที่มองไม่เห็น...ไม่ใช่จะไม่มี!!!เรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง
#วันนี้วันดี้ดี เสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 วันธงไชย วันแห่งการทรงพลังในการทำความดีอีกวัน พลังงานแรง !!!.รวมพลังรวมมหากุศลร่วมกัน สร้างวาสนาบารมีมิ่งมงคล...สวดมนต์ภาวนาเป็นหนึ่งเดียว..เว้นระยะห่างกาย รวมพลังจิตสวดมนต์อยู่บ้านช่วยชาติ.. lock down กิเลส ปิดมิติโลกชั่วคราว เปิดมิติจิตเข้าหาธรรม หางานกายสิทธิ์ให้จิตทำ...งานทางจิตหนักกว่างานทางโลก ภาพคือสื่อพลังงาน..ผู้มีบุญคือผู้ที่เข้าใจในการบันทึกบุญ
#อยู่บ้านสวดมนต์เพิ่มพลังคุ้มโควิท พิชิตโรคภัย เบรคกรรมไม่ดี บทสวดแต่ละบทก็มี "พลังงาน"ไม่เหมือนกัน ทุกวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ถือกันว่าเป็นวันแรงเหมาะสำหรับปลุกเสกพระเครื่องโดยเฉพาะถ้าเป็นเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ถือว่าดีมากที่วัดท่าซุงและอีกหลายวัด มักจัดงานกันทั่วไป
#ในสมัยหลวงพ่อปานวัดบางนมโคอยุธยาท่านจะเป็นต้นตำรับในการเป่ายันต์เกราะเพชรยุคหลังต่อๆมาวัดท่าซุง อุทัยธานี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นผู้ทำพิธีมีผู้คนไปมากมายเคยมีคนที่ได้รับการเป่ายันต์เมื่อเสียชีวิตบางคนที่กะโหลกส่วนหน้าผาก ยังมียังติดอยู่ อุปเท่ห์ของการเป่ายันต์ เพื่อคุ้มครองและกันคุณไสย วิธีการเป่ายันต์ของวัดท่าซุง ท่านจะให้ไหว้พระสมาทานศีลแล้วภาวนาพุทโธไปเรื่อยๆ หลวงพ่อจะเป็นผู้อธิฐานจิตถ้าคนที่ได้รับมีความรู้สึกตึงที่หน้าผากถือว่าใช้ได้บางปีเห็นว่ามีถึงหลายรอบเพราะคนมาก
#แตะลิงค์น้อมรับคำสอนหลวงปู่ฤษีลิงดำอย่างตั้งใจ
นาทีที่ 5.50
#มีอยู่ปีนึงอาจารย์ ศุภรัตน์พร้อมคณะ ได้ไปที่วัดสะแกตรงกับวันเสาร์ ๕ ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้เรียนถามท่านว่า ถ้าเสาร์ แรม ๕ ค่ำทำได้ไหม ท่านบอกว่าเขาว่าเป็นเสาร์ตัวเมียทำได้เหมือนกันไม่เป็นไร อาจารย์เลยบอกว่าวันนี้ขึ้น ๕ ค่ำ เป็นเสาร์ตัวผู้ ขอให้หลวงปู่เป่ายันต์ให้ได้ไหมเพราะที่วัดท่าซุง คนมากท่านนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วบอกว่า “ ข้าเป่าไม่เป็นไม่ได้เรียนนมา” เมื่อโดนคะยั้นคะยอ ท่านเลยบอกว่า “ ข้าไม่เป้าหรอกข้าครอบเลย โดยให้พระพุทธเจ้าครอบวิมานแก้ว “
#หลวงปู่ให้ทุกคนภาวนาไตรสรณคมน์ไปเรื่อยๆ คู่หนึ่งท่านจึงให้ทุกคนอธิฐานถึงหลวงพ่อปานโดยบอกว่านึกถึงท่านเพราะท่านเป็นเจ้าตำรับให้ท่านเป่าให้ข้าจะขอบารมีพระพุทธเจ้าครอบวิมานแก้วให้พวกแกเอง
อ้าวเรียบร้อยแล้วสว่างแล้วเมื่อเสร็จพิธีท่านบอกว่าจริงๆเขาเรียกว่ายันกรอบเพชร เมื่อถามถึงคาถาที่ใช้ หลวงปู่บอกว่า “อิติปิโส เกราะเพชรร้อยแปดชั้น ป้องกัน อันตราย “
#พระคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ (คาถายันต์เกราะเพ็ชร
สมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์
ตั้งนะโม ๓ จบ
๑. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ( ឥ រ ចា គ ត្ត រ សា )
บทนี้ชื่อ กระทู้ ๗ แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก)
บทที่ 1 เสกเป่าแก้พิษสัตว์กัด ต่อยได้
๒. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ( តិ ហំ ច តោ រោ ថិ នំ )
บทนี้ชื่อว่า ฝนแสนห่า ประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้)
#บทที่ 2 เสกทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย ผีเจ้าเข้าทรง
๓. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท ( បិ ស្ម័ រ លោ បុ ស្ត័ ពុ )บทนี้ชื่อ นารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ (ทิศใต้)
บทที่ 3 เสกภาวนากันภูตผีปีศาจ เป่าพิษบาดแผล
๔. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ ( សោ មា ណ ក រិ ថា ទ្ធោ )
บทนี้ชื่อ นารายณ์ถอดจักร์ ประจำอยู่ทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้)
#บทที่ 4 เสกจดครบ 108 จบ ทำน้ำมนต์ ไล่ผีหรือ ให้คนท้องกิน จะคลอดลูกง่าย
๕. ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ( ភ ស្ម័ ស្ម័ វិ ស ទេ ភ )
บทนี้ชื่อ นารายณ์ขว้างจักร์ตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม (ทิศตะวันตก)
#บทที่ 5 เสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูตผีปีศาจร้าย ดีนัก
๖. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ ( គ ពុ ប្ន័ ទូ ទ្ម វ គ )
บทนี้ชื่อ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ)
#บทที่ 6 เสกทำน้ำมนต์ ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงัดนัก
๗. วา โธ โน อะ มะ มะ วา ( វា ទ្ធោ នោ អ ម ម វា )
บทนี้ชื่อ ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร (ทิศเหนือ)
#บทที่ 7 เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผีบ้าน ผีป่าเวลาเดินทางดีนัก
๘. อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ ( អ វិ សុ នុ សា នុ តិ )
#บทนี้ชื่อ นารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
#บทที่ 8 เสกเป่าตัวเองป้องกันตัวเองเวลาเดินทางออกจากบ้าน แคล้วคลาดได้
#ที่มา facebook kuntana
กลุ่ม หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์
#ศรัทธาปัญญาเสมอ แล้วเจอกัน
#จงศรัทธาในสิ่งที่ทำ เพราะปาฎิหารย์ทุกครั้งมาจากศรัทธาเสมอ
#ศรัทธามิอาจหาซื้อได้ ต้องสร้างเอง
#ศรัทธาจะมั่งคง..เมื่อลงมือปฎิบัติ
#จงใช้คาถาปรับภพภูมิให้เจ้ากรรมนายเวร ตลอดระยะเวลา เม.ย.-พ.ค. เพื่อปรับภพภูมิ
คาถามหาจักรพรรดิ เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และถือว่ามีพลังครอบจักรวาล ทั้งทำให้ชะตาชีวิตดีขึ้น ปฏิบัติธรรมได้เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง ทั้งยังเคล็ดในการปรับภพภูมิให้ผู้ที่ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวร คาถามหาจักรพรรดิ เป็นพระคาถาที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ชมพูปติสูตร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพื่อกำราบทิฐิพญา ชมพูบดีพระมหากษัตริย์ผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ โดยผู้ที่รจนาพระคาถาบทนี้ขึ้นมาก็คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา
พระผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์แก้วที่แผ่กิ่งก้านใบบุญบารมีมอบความร่มเย็นเป็นสุข ให้แก่ลูกศิษย์ทั่วทุกชนชั้นอย่างไม่มีประมาณตามแนวทางแห่งพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์และหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งพระคาถานี้เป็นพระคาถาหลักที่หลวงปู่ดู่ใช้ในการรวมบารมีแผ่เมตตาช่วย เหลือภพภูมิทั้งหลายทั่วสามแดนโลกธาตุ และใช้ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องทุกชนิดของท่าน โดยท่านได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหลาย รวมทั้งพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ไว้ให้แก่ลูกศิษย์ผู้เป็นหน่อโพธิ์แก้วต้นใหม่ที่จะทำหน้าที่สร้างความร่ม เย็นเป็นสุขให้แก่ลูกศิษย์ในรุ่นหลังต่อไปก็คือ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ นั่นเอง
คาถาพระจักรพรรดิ นั้นเป็นคาถาที่รวมพุทธคุณครอบจักรวาลที่มีพลานุภาพมาก ช่วยปรับในเรื่องต่างๆ จากร้ายให้กลับกลายมาเป็นดี หรือจากเรื่องที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เป็นการสวดแผ่เมตตาให้ดวงจิตวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อปรับภพภูมิต่างๆ ให้เขาสูงขึ้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในบริเวณบ้าน ตามถนน ตลาด หรือที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆก็สามารถทำให้เขาเหล่านั้นได้ทั้งสิ้น
วิธีการสวดมหาจักรพรรดิเพื่อปรับภพภูมิ
***สำหรับท่านที่ไม่มีพระผงจักรพรรดิ ขอให้ทำจิตน้อมรำลึกถึงพระพุทธรูปปางพระจักรพรรดิหรือพระพุทธรูปทรงเครื่องและเริ่มสวดคาถา
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ 3 จบ
(กราบ 3 ครั้ง แล้วสวดคาถามหาจักรพรรดิตามกำลังของผู้ที่เกิดในแต่ละวันดังนี้ คือ อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17 พฤหัส 19 ศุกร์ 21 และเสาร์ 10)
คาถามหาจักรพรรดิ
นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
ขอสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐาน จงศักดิ์สิทธิ์สำเร็จเป็นจริงโดยฉับพลันทันใจทุกประการ
อิมัง สัจจะวานัง อธิษฐามิ พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
หลังจากนั้นก็ให้เชิญพระเข้าตัว แผ่บุญปรับภพภูมิส่งวิญญาณด้วย บทสวดว่า
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส (ว่า 5 จบ)
แล้วกล่าวว่า พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ ให้อธิษฐานจิตแผ่เมตตาออกไปให้กับดวงจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จะระบุสถานที่ด้วยก็ได้
ปู่จอม!!
พระคาถากันฟ้าผ่า
" อากาเสจะ พุทธทีปังกะโร นะโมพุทธายะ "
คาถากันไฟไหม้ และคาถากันฟ้าผ่านี้ ท่านพิมพ์เป็นใบปลิวแจกในขณะที่อยู่วัดสะพาน ท่านพิมพ์ไว้ว่า คาถานี้ของหลวงพ่อปาน ท่านให้บูชาไว้ทุกวันๆ ละ ๓-๕-๗-๙ จบ ท่องทุกเช้าค่ำ จะปลอดภัยจากไฟไหม้และฟ้าผ่า
ต่อมาเมื่อหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดท่าซุงแล้ว ท่านให้ใช้เฉพาะ
“ โส นามะ ยักโข ”
เท่านั้น โดยกล่าวว่า “ ให้เขียนเป็นภาษาไทยไว้บนหัวนอน สวดมนต์กราบไหว้อยู่เสมอ ไฟไม่ไหม้ ฟ้าไม่ผ่า และกันนิวเคลียร์นิวตรอนได้ด้วย....”
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
< พุทธคุณ ๙ >
คุณของพระพุทธเจ้ามี ๙ ประการคือ
๑. อรหํ เป็นพระอรหันต์
๒. สมฺมาสมฺพุทโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
๔. สุคโต เสด็จไปดีแล้ว
๕. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว
๙. ภควา เป็นผู้มีโชค
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑) อรหํ เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส
๒) สมฺมาสมฺพุทฺโธ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง
๓) วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ
๔) สุคโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา
๕) โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตวโลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้
พระองค์รู้แจ้งโลกทั้ง 3
โลก แปลว่า สิ่งที่ย่อยยับแตกดับในที่สุด หมายถึงโลก และสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลกทั้งหมด มี 3 ประเภท คือ
1) สังขารโลก คือ สภาพของสังขารที่ไม่มีวิญญาณครองทั้งหมด หรือ กรรมที่ปรุงแต่งสัตวโลกให้เจริญขึ้นหรือเลวลง
2) สัตวโลก โลกคือหมู่สัตว์ คือ สภาพของสังขารที่มีวิญญาณครองทั้งหมด
3) โอกาสโลก โลกคือแผ่นดิน คือ พื้นผิวภูมิประเทศของโลกที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตวโลกทั้งที่มีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ
อีกนัยหนึ่งหมายถึง โลกที่เป็นสถานที่อยู่ของมนุษย์ เทวดา และพรหม
1) มนุษยโลก
2) เทวโลก
3) พรหมโลก
๖) อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า
๗) สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘) พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว คือ ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ถือกันมาผิด ๆ ด้วย ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่ง เพราะไม่ติด ไม่หลง ไม่ห่วงกังวลในสิ่งใด ๆ มีการคำนึงประโยชน์ส่วนตน เป็นต้น จึงมีพระทัยเบิกบาน บำเพ็ญพุทธกิจได้ถูกต้องบริบูรณ์ โดยถือธรรมเป็นประมาณ การที่ทรงพระคุณสมบูรณ์เช่นนี้ และทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้เรียบร้อยบริบูรณ์เช่นนี้ ย่อมอาศัยเหตุคือความเป็นผู้ตื่นและย่อมให้เกิดผลคือทำให้ทรงเบิกบานด้วย
๙) ภควา ทรงเป็นผู้มีโชค คือ จะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ หรือ เป็นผู้จำแนกแจกธรรม
พุทธคุณ ๙ นี้ เรียกอีกอย่างว่า นวารหาทิคุณ สรุปย่อในพุทธคุณ ๓ ได้แก่
– พระปัญญาคุณ
– พระวิสุทธิคุณ
– พระกรุณาคุณ
อ้างอิง:
" เวลาเราสวดมนต์ ญาติที่เสียชีวิตไป
แล้วเขาจะมาสวดพร้อมกับเรา เพราะ
เขาไม่มีธาตุ เขาไม่มีรูป เขามีแต่นาม
เพราะฉะนั้น...เขาอาศัยรูปนามจากเรา
เวลาเราสวดมนต์..ญาติที่เสียชีวิตไป
แล้วเขาจะสวดตาม
ช่วงเวลาที่สวดพลังงานมาที่เรา เรา
เป็นตัวดึงมาพร้อมกับเขา พอเราหยุด
สวดเขาก็ได้ เราก็ได้เหมือนกัน...!
อาจจะเข้าใจยาก...แต่ถ้าสวดมนต์บ่อยๆ จะเข้าใจเรื่องพวกนี้
เวลาสวดมนต์ เรานึกถึงพระ พอเรา
นึกเราสวด พลังงานมาที่เรา มาที่นามเข้าหารูป..เราจะมีความรู้สึก !
เวลาสวดไปเรื่อยๆ พลังงานมันมา โลกของโอปปาติกะแถวนั้นที่เราอนุญาต เขาก็จะมาสวดกับเราด้วย...มันพิสูจน์ได้ !
ทุกครั้งที่สวดมนต์ ให้นึกถึงญาติและโลกวิญญาณแถวนั้นมาสวดมนต์กับเรา มารับบุญกับเราตลอดชีวิตโดยไม่ต้องบอก
หรืออธิษฐานเวลาเราไปไหนก็ช่าง ทำบุญที่ไหนก็ช่าง ให้เขามารับบุญกับเรา
เราไปไหน กราบพระที่ไหน เราจะมีความรู้สึกว่าเรามีเพื่อน อยู่คนเดียวในห้องเราก็จะมีเพื่อน เราจะมีความรู้สึกว่าเขามาสวดกับเรา
อย่าไปกลัวนะ...!
โลกวิญญาณอย่ากลัว เพราะนั่นน่ะ
เขาจะดูแลรักษาเราอย่างดีเลย...!! "
คำสอนหลวงตาม้า วิริยธโร
.กรวดน้ำ.
โอม วัชระ ธัมมะ หะรี
โอม มณีเปเมฮง โอม คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิสวาหะ
.ให้หยาดน้ำลงดิน.
คาถาพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์
(นะโม๓จบ
..นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ
/กันภัยพิบัติ/
.ส่งวิญญาน.
พุทโธอะระหัง อะระหังพุทโธ ท้าวเวสสุวัณโณ พุทโธอะระหัง กัมมะโตเมตัง กัมมะพันธะนัง ชิวิตัง
ดวงวิญญานจงจุติไปผุดเกิด
ความกลัว เป็นพลังงานทางลบ จะดึงดูดคลื่นลบเข้ามา.
กลัวผีมากมักจะเจอผี.กลัวไม่มีใครรัก...จึงโหยหารัก
ความกลัวทุกอย่าง*เป็นสักกายทิฏฐิ
เช้าวันนี้.. องค์หลวงปู่ลี
เพิ่นเมตตาเขียนข้อธรรมขึ้นว่า
. . . " ทิ ต ทิ ร า ทั น
มั น ท ะ โ ล ก สิ ลา " . . .
#เมื่อโลกมืดด้วยทิฏฐิ #จงเป็นผู้มีสติ
~เชื่อกันว่า พบในจารึกของพระเชตวัน บันทึกโดยพระอานนท์ เป็นคาถา ใช้สำหรับสยบหายนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุเภทภัยอันตรายใดๆ เรียกสั้นๆว่า "พุทธคาถาวันโลกดับ"
~แต่สำหรับนักปฏิบัติภาวนานั้น.. น้อมลงที่ใจ เปนอุบายในการพิจารณาให้เห็นความจริงตามความเปนจริง ด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยความสงบ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่างๆ
#คาถาพระมหาอุปคุตนี้ นอกจากใช้ภาวนาแก้อุปสรรคต่างๆ แล้ว ยังป้องกันภูตผีปีศาจ และอุปัทวอันตรายต่างๆ ได้ด้วยครับ
🙏 สวด 3-7 คาบ หรือจนกว่ามีสมาธิ.
พระอุปคุตอยู่ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านมีอิทธิฤทธิ์ และอภิญญาญาณสูง
สามารถปราบพญามาร (ท้าววสวัตตี*) ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ๆ โดยเนรมิตหมาเน่า และใช้สายประคตผูกคล้องคอพญามารไว้ ไม่มีใครสามารถช่วยเอาออกได้
กล่าวกันว่าการตกระกำลำบากทำให้พญามารสิ้นพยศ จนภายหลังจิตอ่อนน้อม หมดสิ้นความริษยา และตั้งใจบำเพ็ญบารมีเพื่อพุทธภูมิต่อไป
*ท้าววสวัตตี ครองทิพยสมบัติอยู่ที่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ปรารถนาพุทธภูมิและได้รับพุทธยากรณ์แล้วว่าจะได้ตรัสรู้ในอนาคต
แต่กิเลสเหตุยังเป็นปุถุชนจึงเกิดจิตคิดแข่งดี คอยขัดขวางการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (แต่มิได้ล่วงเกินทำบาปหนัก)
เพราะมีความเห็นว่าพระองค์จะเผยแผ่พุทธศาสนาทำให้คนสำเร็จมรรคผลกันหมด กลัวว่าจะไม่เหลือวิญญาณขึ้นสวรรค์ จึงยกทัพมากำหราบ แต่ถูกน้ำจากมวยผมของพระแม่ธรณีพัดไปจนยอมแพ้
พระองค์ไม่ได้ทรมานพญามาร เพราะไม่ใช่คู่ปรับกัน (คู่ปรับต้องทำให้แพ้แล้วเลื่อมใสกลับเป็นคนดี พระพุทธเจ้าท่านจะปราบก็ได้ แต่ไม่สามารถทำให้เป็นคนดีได้)
ก่อนจะนิพพานท่านจึงบอกไว้ว่า พญามารนี้มีคู่ทรมานเป็นพระอรหันต์เบื้องหลังเมื่อเรานิพพานไปแล้ว 200 ปี มีนามว่า “อุปคุต”
ยะเปิดกรรมดี.ธาเปิดงานดี.พุธเปิดโชคดี.โมเปิดลาภดี.นะเปิดอำนาจดี.เปิดสิ่งดีๆเข้ามา.สู่ตัวข้าพเจ้า.ด้วย ยะธาพุทโมนะ
พุทโธกันโฑหัง ธัมโมกันโฑหัง สังโฆกันโฑหัง นะโมพุทธายะ นี้เป็นพระคาถาที่ใช้กับพระอุปคุตปราบมารรวยล้นฟ้านะครับผม ก็คือตัวยันต์ที่อยู่บนเหรียญนะครับ เวลาสวดมนต์ให้ ขึ้นด้วย นะโม 3 จบ แล้วตามด้วยพระคาถาพระอุปคุต 108 จบ ใหม่ๆก็สัก 9 จบ เเล้วค่อยๆเพิ่มไปจนครบพันจบนะครับ ขอบพระคุณพี่โยด้วยนะครับที่ปรึกษาเรื่องพระเวทย์และอาคมต่างๆสาธุ
พระอุปคุต
ผู้ใด ได้ใส่บาตรให้แก่ “พระอุปคุต” หรือบูชาท่านอย่างสม่ำเสมอ ก็จะพบกับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว”
การตั้งบูชา โดยมีวิธีการบูชา ด้วยการอัญเชิญพระอุปคุต ตั้งบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ อันเป็นการจำลองในการที่ท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร พร้อมด้วยดอกมะลิหอมลอยอยู่ เพื่อเป็นเครื่องสักการบูชา แต่ที่สำคัญ ในตำแหน่งการจัดวางขององค์ท่าน ต้องตั้งต่ำกว่าพระพุทธรูป เพราะพระอุปคุตท่านเป็นพระอรหันต์ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เคล็ดวิธีบูชาพระอุปคุต
1. ถวายน้ำสะอาดวันละ 1 แก้วที่สะอาด จุดธูปหอม 3 ดอก (หรือจะธูปไฟฟ้าสมัยใหม่ก็ได้) 2. ดอกมะลิหรือดอกบัวขาว ลอยอยู่ในภาชนะที่ใส่น้ำ
3. ถวายข้าว, กล้วย, ขนม ทุกเช้า หรือในทุกวันพระ แต่ห้ามถวายประเภทสิ่งมีชีวิต เพราะท่านไม่โปรดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ซึ่งเป็นกรรมที่ผูกพัน
คำบูชา เพื่อขอโชคลาภจากพระอุปคุต
เริ่มต้นด้วยการจุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในบ้าน ในร้านค้า หรืออาคารสำนักงาน จากนั้นอธิษฐาน ขอให้กลิ่นควันธูปเทียน โดนลมพัดไปทางไหน ของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น ร่ำรวย และมีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม 1 จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต 1 จบ (หากจะให้เกิดผลเร็วให้สวด 5 จบทุกเช้าเย็นและเวลาที่ว่าง) ดังต่อไปนี้ -ตั้งนะโม 3 จบ -คำบูชาขอลาภพระอุปคุต
มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ ฯ
(ในบางแห่งใช้คาถาบทนี้ “ อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ “)
*รวมทรัพย์*
นะโม3จบ
อิติสัมมา สัมพุทธัสสะ อะหานัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา อริยทรัพย์มา โภคทรัพย์มา
วิหาระติ.อัมหากัง.หิตายะ สุขายะ (9จบ)
มโนธาตุ โพธิญาณ
Have a wonderful Wednesday.
Blessing you and your family have a nice day.
Send light love and peace to you.
มหัศจรรย์วันพุธที่ สดใส เปิดจิต เปิดใจ รับพลังงานแห่งความรัก พลังแห่งความสุข ให้เต็มที่นะคะ
ขอพลังอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาล อนันต์จักรวาล ดลบันดาลให้กัลยาณมิตร และครอบครัว ทุกท่านทุกคน ทุกดวงพลังงาน มีสุข สุขกายสุขใจ สุขภาพแข็งแรง มั่งคั่งมั่งมีร่ำรวย มากมีโภคทรัพย์ มากมีบารมี เจริญทั้งในทางโลก และทางธรรม
ส่งแสง ความรักและสนติสุขแด่ท่าน.
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาและยินดี ต่อทุกภารกิจหน้าที่ ของสรรพสัญญาณพลังงาน ที่มีอยู่ในโลกจักรวาล
ขออนุโมทนาและยินดี รับเอาสรรพพลังงาน ของสรรพหน้าที่ สรรพสิ่ง สรรพชีวิต สรรพจิตวิญญาณ ผู้มีหน้าที่สร้าง พลังงานอันยิ่งใหญ่ สู่โลกจักรวาลทั้งหมด จงหลั่งรินสู่จิตวิญญาณ ของข้าพเจ้า พัฒนากาย วาจา ใจ ให้สมบูรณ์ บริบูรณ์ เปี่ยมล้น ทรงพลัง รัศมี กำลังฤทธิ์ สิทธิอำนาจ เฉียบขาด ฉับพลัน เข้มแข็ง กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว อดทน ให้รู้แจ้งในความรู้ทั้งปวง ให้อยู่เหนือพลังงาน ดี เลว สุข ทุกข์ บวก ลบ เพื่อการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สู่โลกจักรวาล พร้อมความมั่งคั่ง ร่ำรวย สวยงาม สำเร็จ สมหวัง สมปรารถนา สงบ สันติสุข สามัคคี จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าฉับพลันทันทีด้วยเทอญฯ
นะเปิดบุญ โมเปิดบารมี พุทเปิดวาสนา ธาเปิดจิต ยะเปิดธรรม เปิดโลกเปิดจิตครอบจักรวาล ด้วยนะโมพุทธายะ
ยะเปิดกรรมดี ธาเปิดงานดี พุทเปิดโชคดี โมเปิดลาภดี นะเปิดอำนาจดี
เปิดสิ่งดีๆทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้าด้วยยะธาพุทโมนะ
👸 ManeeRatana
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ
"คำเตือนสำหรับท่านผู้อ่าน"
การนำคาถาและพิธีกรรมต่างๆมาประมวลไว้ณที่นี่ ก็เพื่อประโยชน์ของบรรดาศิษย์ยานุศิษย์ และสาธุชนทั้งหลายที่มีศรัทธาเลื่อมใส ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมญาณ ( พระมหาวีระ ถาวโร ) โดยเฉพาะถ้าท่านไม่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ และบังเอิญมาอ่านพบเข้า ขอให้ทำใจเป็นอุเบกขา หรือให้ข้ามไปเสียอย่าอ่าน ถ้าท่านอยากอ่านและ เมื่อได้อ่านแล้วก็ไม่เชื่อไม่เลื่อมใส ก็ขอให้วางใจเป็นกลาง อย่าได้ประมาทปรามาสล่วงเกินเข้าจะเป็นโทษ
........พระพุทธคาถา......
"สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ"
ท่านให้บูชาพระคือสวดมนต์ทุกคืน คืนละ 7 จบ หลวงพ่อบันทึกไว้ในสมุดบันทึกของท่านว่าดังนี้ ท้าวมหาราชทั้ง 4 นำมามอบให้วันที่ 21 สิงหาคม 2509 เวลา 9 น. ณ สำนักพญายม
ท่านพระยายมบอกให้ทราบว่าท้าวมหาราชทั้ง 4 จะมาคุยด้วย แล้วท้าวมหาราชทั้ง 4 ก็มา ท่านท้าวธตรฐมาก่อนแล้วท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวเวสสุวรรณมา ตามลำดับ
ท่านเอาคาถามาให้ดูบอกว่า พระอินทร์ให้นำมาถวาย โดยกล่าวว่าพระอินทร์ รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เอามาให้ ท่านว่าคณะท่านทั้ง 4 และเทวดาจะตามรักษาคาถานี้ ให้เป็นไปตามนั้น
อานุภาพคาถามีดังนี้
1 ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย
2 จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา
3 จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ
และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น
4 เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพจักขุญาณและเรียนไปปรโลกได้มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส
จากหนังสือ.. คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 48 หน้าที่ 2
ที่มาของ "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ"
1. ณ แดนหิมวันตประเทศ มีเทือกเขาชื่อว่า สาตาคิรี เป็นที่ร่มรื่น รมณียสถาน เป็นที่อยู่ของพวกยักษ์ที่เป็นภุมมเทพยดา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรียักษ์
มีหน้าที่เฝ้าทางเข้าป่าหิมวันต์ ทางทิศเหนือ เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ สาตาคิรียักษ์ได้มีโอกาสสดับพระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคำยกย่องบูชาด้วยคำว่า
"นะโม" หมายถึง ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ
2. กล่าวฝ่ายอสุรินทราหู เมื่อได้สดับพระกิตติศัพท์ของพระบรมศาสดา ก็มีจิตปรารถนา ที่จะได้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาบ้าง แต่ด้วยกายของตนใหญ่โตเท่ากับโลก จึงคิดดูแคลนพระบรมศาสดาว่า มีพระวรกายเล็กดังมด จึงอดใจรั้งรออยู่ พอนานวันเข้า พระเกียรติคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ยิ่งขจรขจายไปทั้งสามโลก จนทำให้อสุรินทราหูอดรนทนอยู่มิได้ จึงเหาะมาในอากาศ ตั้งใจว่าจะร่ายเวทย่อกาย เพื่อเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอฟังธรรม แต่พอมาถึงที่ประทับ อสุรินทราหู กลับต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า เพื่อจะได้ทัศนาพระพักตร์พระบรมศาสดา
พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงพระสัทธรรม ชำระจิตอันหยาบกระด้าง ของอสุรินทราหู ให้มีความเลื่อมใสศรัทธา แสดงตนเป็นอุบาสกผู้ถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แล้วกล่าวสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า
"ตัสสะ" แปลว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงเป็นใหญ่กว่า มนุษย์ เทพยดา พราหมณ์ มาร ยักษ์ และสัตว์ทั้งปวง
3. เมื่อครั้งที่ท้าวจาตุมหาราช ทั้ง ๔ ผู้ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นแรก มีชื่อเรียกว่า ชั้น กามาวจร มีหน้าที่ปกครองดูแลประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ พร้อมบริวาร ได้พากันเข้ามาเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหา พระบรมศาสดา ทรงแสดงธรรมตอบปัญหา แก่มหาราชทั้งสี่พร้อมบริวาร จนยังให้เกิดธรรมจักษุแก่มหาราชทั้งสี่ และบริวาร ท่านทั้ง ๔ นั้น จึงเปล่งคำบูชาสาธุขึ้นว่า
"ภะคะวะโต" แปลว่า พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมอันยิ่ง อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
4. ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์ เจ้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ชั้นที่ ๒ ท่านสถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกเทวราชได้ทูลถามปัญหาแด่พระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์ทรงตรัสปริยายธรรม และ ทรงตอบปัญหา จนทำให้ท้าวสักกเทวราช ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาปัตติผล จึงเปล่งอุทานคำบูชาขึ้นว่า
"อะระหะโต" แปลเป็นใจความว่า อรหันต์ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ไกลจากเครื่องข้องทั้งปวง
5. "สัมมาสัมพุทธัสสะ" เป็นคำกล่าวยกย่องสรรเสริญ ของท้าวมหาพรหม หลังจากได้ฟังธรรม จนบังเกิดธรรมจักษุ จึงเปล่งคำสาธุการ
"สัมมาสัมพุทธัสสะ" หมายถึง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ดังนั้น การตั้งนะโมจึงเป็นการไหว้ครู สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระบรมครูของสามโลก จึงขอนำคาถาฎีกานะโมมาไว้ให้ท่านทั้งหลายได้สวดท่องป้องกันภัยในทุกทิศ ประสิทธิทุกศาสตร์ ดังคำกล่าวที่ว่า "ท่องนะโมโตเต็มโลก"
นะโม สาตาคิริยักโข ตัสสะ อะสุรินโท ปะวุจจะติ
ภะคะวะโต จาตุมมะหาราชา อะระหะโต สักโก ตะถา
สัมมาสัมพุทธัสสาติ มะหาพรัหเมหิ ปะวุจจะติ ฯ
การเปล่งวาจาว่าบทนมัสการ ต้องว่า ๓ จบเสมอ มีเหตุผลดังนี้
จบที่ ๑ เพื่อนมัสการพระวิริยาธิกพุทธเจ้า ระยะกาลบำเพ็ญพระบารมี ๑๖ อสงไขย ๑ แสนกัป
จบที่ ๒ เพื่อนมัสการพระสัทธาธิกพุทธเจ้า ระยะกาลบำเพ็ญพระบารมี ๘ อสงไขย ๑ แสนกัป
จบที่ ๓ เพื่อนมัสการพระปัญญาธิกพุทธเจ้า ระยะกาลบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขย ๑ แสนกัป
อีกมติหนึ่งให้เหตุผลว่า.-
จบที่ ๑ เป็นบริกรรม
จบที่ ๒ เป็นอุปจาร
จบที่ ๓ เป็นอัปปนา.....
#นักเลงข้างถนน
จงนำคาถาบทนี้ไปใช้ ณ.เวลานี้
✨ #เสด็จพ่อ ร.๕ ยังสวดบูชา ✨
ทรัพย์ใดเล่า จะเลิศเท่ามีปัญญาดี ...
พระสุนทรีย์วาณี เทพสตรีแห่งปัญญา
สืบความมาได้ว่า "คาถาสุนทรีวาณี" นี้ ได้มีพระผู้ใหญ่ ท่องสืบต่อกันมาตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ก็มาเป็นเรื่องฮือฮาขึ้น เมื่อ สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฺฑฒโน) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดสุทัศน์ฯ ได้ภาวนาโดยใช้คาถานี้จนเกิดเป็นนิมิต จึงให้จิตรกรหลวงเขียนภาพนิมิตนั้นแล้วตั้งบูชาที่หัวนอน
คาถานี้ ขลังไม่ขลัง คงไม่ต้องบรรยาย เพราะขนาดพระพุทธเจ้าหลวง ท่านทรงนำไปภาวนาตามที่สมเด็จฯ ท่านทูลแนะนำ ก็ปรากฏว่าถึงกับตรัสยกย่อง ว่าดีจริง และทรงขอยืมรูปวาดจากนิมิตนั้นไปบูชา
สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้อธิบายว่า “รูปสุนทรีวาณี” นั้น หมายถึง พระธรรม ”ดอกบัว” นั้น หมายถึง พระโอษฐ์พระพุทธเจ้า ตามที่มาในพระคาถานี้ เป็นหลัก
✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ
วาณี หมายถึง นางฟ้า คือ พระไตรปิฎก มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี มีรูปอันงดงาม เกิดแต่ท้องแห่งดอกบัว คือ พระโอษฐ์แห่งพระพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมแห่งนักปราชญ์ทั้งหลาย ปาณีนัง สะระณัง เป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ผู้มีปรารถนาทั้งหลาย มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง จงยังใจแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินดี
สมเด็จพระวันรัต (แดง) กล่าวว่า อาจารย์ของท่านทั้งทางคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ สอนให้บริกรรมคาถานี้ ก่อนจะเริ่มเรียนพระปริยัติ และเข้าที่ภาวนาทุกคราวไป ท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายมีสมเด็จพระสังฆราช (วัดราชสิทธาราม) เป็นต้น ล้วนนับถือคาถานี้อยู่ทั่วกัน จนกระทั้งอาราธนากัมมัฏฐานก็ใช้ถาคานี้ ท่านจึงคิดเอาคาถานี้อยู่ทั่วไป จนถึงอาราธนาธรรมก็ใช้คาถานี้
และ ใช้เป็น , พระคาถาเรียกธรรมพระคาถาบารมี 10 ทัศน์, พระคาถาหัวใจอาการวัตตาสูตรหรือ คาถาหัวใจอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นคาถาประจำพระองค์ ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ที่ทรงสอนให้พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ให้ภาวนาก่อนที่จะนั่งเข้าที่ภาวนา หรือก่อนเรียนพระปริยัติทุกคราวไป เพื่อกันบาปธรรม หรือ มารในใจ
นอกจากนี้ อ.ทิพย์วารี ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงานว่า ทางด้านฝั่งตรงข้ามกับวัดสุทัศน์ เป็นพื้นที่ของ โรงเรียนที่ตั้งคู่กัน2โรงเรียน คือ รร.เบญจมวิทยาลัย และ โรงเรียนภารตวิทยาลัย
ทางฟากฝั่งของเบญจมราชาลัยนั้น นักเรียนหญิงมักนิยมมาไหว้พระสวดมนต์ ที่วัดสุทัศน์ และขอพรพระสุนทรีวาณี
ส่วนนักเรียนชาวฮินดูเอง ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่หน้าโรงเรียน คือ พระสุรัสวดี (ซึ่งมีบารมี ทางด้านปัญญา การเรียนรู้ การจดจำ รวมถึงการเรียนพระเวทย์ต่างๆ) เรียกว่าตรงพื้นที่ตรงนี้ มีพลังปัญญาบารมี ของเทพสตรีอย่างเข้มข้นมาก
อีกทั้งยังเป็นจุดศูนย์รวมทั้งเรื่องของปัญญา เชื้อชาติ วัฒนธรรม ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนทีเดียว
ดังนั้น ใครก็ตาม ที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณนี้ อยากจะมาสักการะสขอพร ก็จงขอให้ถูกเรื่อง กับบารมีของเทพเทวา ตรงสถานที่นี้
อาทิ ขอให้ได้ทรัพย์มาจากปัญญา ให้มีปัญญาหาทรัพย์ได้ไม่สิ้นสุด
และจะดีอย่างยิ่ง หากใครที่อยู่ระหว่างการสอบไล่ สอบแข่งขัน ก็ให้มาขอพร ให้อ่านหนังสือแล้ว จำแม่น จำง่าย สติไม่เลอะเลือน ได้ปรีชาญาณ ไหวพริบปฏิภาณที่ดี
ใครผ่านไปผ่านมา จะนำดอกไม้มาลัยมาสักการะ เทพสตรีทั้งสองฟากฝั่งถนนตรงนี้ ก็จะเป็นมงคลเกิดแก่ชีวิตไม่น้อยเลยทีเดียว
กำพระสวดมนต์_ไม่ใช่ธรรมดา🙏
☀ปรับธาตุ เพิ่มกำลัง ครอบวิมาน☀
#วิธีการแผ่บุญ ปรับภพภูมิ
1. กำพระผงกรรมฐานไว้ในมือ ทำใจสบาย กายสบาย สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 5 จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( 3 ครั้ง)
นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
2.กล่าวคำอธิษฐาน
ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีรวมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ พระมหาจักรพรรดิทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทุกพระองค์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต บารมีรวมหลวงตาม้า บารมีรวมหลวงปู่ดู่ เป็นที่สุด
ขอหลวงปู่ดู่ ได้โปรดรวมกำลังทั้งหมดทั้งมวลนี้ แผ่บุญปรับภพปรับภูมิดวงวิญญาณของ……(ชื่อ – นามสกุล)……….. และขอให้ทุกท่านโปรดจงร่วมอนุโมทนาบุญกับหลวงปู่ดู่ ด้วยเถิด
( เรียกขานชื่อ-นามสกุล หรือคิดถึงหน้าตาเป้าหมาย หรือแผ่ให้เป็นกลุ่มบุคคล เป็นหมู่คณะก็ได้....
จากนั้นกล่าวคำอัญเชิญพระเข้าตัว
บทเชิญพระเข้าตัว
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อะระหันตานัญ
จะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส
( สวด 5 จบ)
ขณะที่สวดบทสัพเพ ฯ ให้กำหนดเป็นภาพพลังงานบุญแผ่ออกจากกายหลวงปู่ดู่ ส่งผ่านมาที่ตัวเรา
แล้วให้น้อมจิตแผ่บุญนั้น ออกไปยังเป้าหมายที่กำหนด
พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
(ให้อธิษฐานจิตน้อมนำพลังงานแผ่ออกไป )
( สวด 5 จบ)
ขณะที่สวดบทสัพเพ ฯ ให้กำหนดเป็นภาพพลังงานบุญแผ่ออกจากกายหลวงปู่ดู่ ส่งผ่านมาที่ตัวเรา
แล้วให้น้อมจิตแผ่บุญนั้น ออกไปยังเป้าหมายที่กำหนด
พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
(ให้อธิษฐานจิตน้อมนำพลังงานแผ่ออกไป )
พุทธังเปิดโลก.ธัมมังเปิดโลก.สังฆังเปิดโลก.
นะเปิดบุญ...โมเปิดบารมี...พุธเปิดวาสนา...
ธาเปิดจิต....ยะเปิดธรรม
เปิดโลกครอบจักรวาลด้วย นะ โม พุธ ธา ยะ
มโนธาตุ โพธิญาณ