พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561
ตอนที่ 285 **ผู้มีชัยชนะอย่างแท้จริง**
+ +
ในเช้าของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรมแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
ลูกมีความปรารถนาที่จะเฝ้าทูลถามธรรม ว่า.. บุคคลผู้มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น ..เขาจะมีความรู้แจ้งในการเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง ยังไงบ้างล่ะเจ้าคะ ?
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิดเจ้าค่ะ “
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. น้อมจิตน้อมใจของตน รวมพลังเอาไว้ที่ศูนย์กลางกาย
ทำจิตของตนให้ตั้งมั่น น้อมพลังที่เย็นเข้าสู่กายแห่งตน
ปรับจิตให้สงบ แล้วจึงค่อยพิจารณาทำตามเถิด
ลูกเอ๋ย.. บุคคลที่จะสามารถ มีชัยชนะได้อย่างแท้จริง**
ต้องเป็นบุคคลที่..
* เลิกเป็นทาส ของทุกสิ่งทุกอย่าง
* เลิกเป็นทาส แห่งกิเลสและตัณหา
* เลิกเป็นทาส ในวัฏสงสารนี้
จึงถือว่าเป็น “บุคคลผู้ที่มีชัยชนะแล้ว” อย่างแท้จริง
ฉะนั้น.. บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น.. เขาก็ย่อมรู้ว่า เขาสามารถเอาชนะสิ่งเหล่านี้ ได้แล้วหรือยัง ?
หากว่า เขาสามารถเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว.. คือ สามารถ
/ ดับเชื้อแห่งกิเลสและตัณหา
/ ดับตัวดับตน ออกจากวัฏสงสาร ได้แล้ว
.. เขาจึงถือว่าตน “เป็นผู้มีชัยชนะอย่างแท้จริง”
แต่ตราบใดที่เขานั้น ยังพ่ายแพ้ต่อเชื้อเหล่านี้ ..
ตราบใดที่เขานั้น ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจแห่งกิเลส และตัณหานั้น
... เขาจะยังไม่ถือว่า เขา “เป็นผู้มีชัยชนะอย่างแท้จริง” ++
แต่พระยาธรรมเอย.. ชัยชนะนั้นก็มีหลายระดับ
แต่ที่ได้กล่าวมานั้น คือ *ชัยชนะอันสูงสุด*
และเป็นชัยชนะ ที่บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น.. เขาถือว่า “เป็นชัยชนะที่แท้จริง”
ทีนี้เรามาดูกันว่า ชัยชนะในแต่ละระดับ - มันมีความละเอียด ในเรื่องของอะไรบ้าง ?
พระยาธรรมเอ๋ย.. สิ่งที่กระทบผ่านหูผ่านตา / สิ่งที่ถูกใจ หรือว่าไม่ถูกใจ
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น.. ในแต่ละวัน เราก็ต้องเผชิญผ่านพ้นมากมาย..
แต่ถ้าเกิดว่าเรา สามารถที่จะหยุดนิ่งๆ
ไม่รู้สึกพอใจ หรือไม่พอใจ
สักว่าเห็นเหตุที่มันเกิด มันดับ - เป็นธรรมดา
และแก้ไขไปตามเหตุ โดยไม่สุข ไม่ทุกข์
ควบคุมตนเองไว้ได้เช่นนี้ได้เมื่อไร
-- ถือว่ามีชัยชนะ++
ชัยชนะอาจจะเป็นชัยชนะเล็กน้อย แต่มันจะเริ่มเก็บเกี่ยวแต้มคะแนนแห่งชัยชนะไปเรื่อยๆ ++
จงฝึกฝนตน ให้รู้จักเอาชนะความพอใจ / ความไม่พอใจ - กับสิ่งที่มันผ่านหูผ่านตาเหล่านั้น..
พระยาธรรมเอย.. การที่เราดำรงชีวิตอยู่ ในแต่ละรอบ แต่ละวัน..
มันก็จะมีปัญหาเยอะแยะมากมาย ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน - เข้ามาทดสอบเรา ++
แต่เราจงรู้ให้ทันในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยจิตที่ตั้งมั่น
/ อยู่ในกรอบของศีล
/ อยู่ในกรอบของความดี
.. เราก็จะสามารถที่จะเอาชนะ สิ่งทดสอบต่างๆได้
พระยาธรรมเอ๋ย.. เมื่อเรานั้น ต้องเจอกับวิบากกรรมใด
เราก็จงเชื่อ และศรัทธาใน *กฎแห่งกรรม*
โดยการพิจารณามองให้เห็น *กฎแห่งกรรม*.. อย่างเที่ยงแท้
.. ก็จะช่วยให้เรารู้แจ้ง และสามารถเอาชนะวิบากกรรม ที่เข้ามาทดสอบเราเหล่านั้นได้ ++
ในแต่ละวัน.. มันจะมีเรื่องราวมากมาย เข้ามาทดสอบเรา ลูกเอ๋ย..
แต่สิ่งละเอียดเล็กน้อย สิ่งที่มันแบ่งเป็นปลีกย่อยออกไปเหล่านี้
ทั้งที่ได้กล่าว และหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง
และทั้งที่ไม่ได้กล่าว และหยิบยกมาเป็นตัวอย่างนั้น..
-- มันก็รวมมาอยู่ใน “ความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ” เท่านั้นแหละลูก !
ในแต่ละวัน มันก็จะมีสิ่งที่มาทดสอบเราเยอะแยะมากมาย - อธิบายไม่หมด ไม่จบ
แต่ถ้าเราดับที่เราเสียแล้ว รู้ว่า..
แม้แต่เรา ก็ไม่ใช่ตัวใช่ตนของเรา
แม้แต่เรา ก็คือ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมา..
- เพื่อชดใช้ ชำระล้างวิบากแห่งตน
- เพื่อเอาเรานี้ให้ผ่าน และสร้างความดีให้ได้
ฉะนั้น.. สิ่งที่มันผ่านเข้ามา คือ การเข้ามาให้เราชำระกรรม
และเอาการชำระกรรมนั้น มาเป็นแรงผลักดันให้เราได้ทดสอบตนเอง ให้เข้มแข็งในความดี
ให้เอาความดีที่เราทำนั้น.. ไปหนุนกำลังขึ้นเรื่อยๆ
จนเราชนะความมีตัวมีตนของเรา / ชนะความหลงในเรา
-- อย่างนี้ละลูก ให้รู้ให้ทันในสิ่งที่เข้ามา ทดสอบอัตตาตัวตนของเรา ++
เมื่อเรายังหลงในเรา - เราก็ย่อมพ่ายแพ้ต่อทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาทดสอบ
เมื่อเราเลิกหลงในเรา - สิ่งทั้งหลายที่ผ่านเข้ามา.. มันก็จะทำอะไรเราไม่ได้ !
พระยาธรรมเอย.. บุคคลผู้ที่เอาชนะความหลงในตัวของตนได้ ตัวเดียวเท่านั้นแหละลูก **
-- ก็จะสามารถชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ ++
แต่ในการดำรงชีวิต.. มันก็จะมีสิ่งละเอียดอ่อนลึกเข้าไปอีกมากมาย
.. เข้ามาสอบเล็กสอบน้อย จุกจิก ปัญหามากมาย..
ขอเพียงแค่ให้ลูกนั้น.. มีสติตั้งมั่นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น
- มันคือ บททดสอบ
- มันคือ สิ่งที่หลอกล่อให้ลุ่มหลง เคลิ้มหลง เคลิ้มรัก เคลิ้มโลภ เคลิ้มโกรธ ไปกับเขาเท่านั้นเอง !
หากลูกรู้เท่าทัน ไม่เคลิ้มหลงกับเขาไป / หลงกับเราไป
... ลูกก็จะสามารถชนะในสิ่งทั้งหลาย.. ที่เข้าทดสอบลูก ++
ไม่ว่า มันจะเป็นการทดสอบ..
ด้วยคำพูด
ด้วยสิ่งของ
ด้วยตัวบุคคล
ด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ ลาภสักการะต่างๆ
-- มันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรลูกได้เลย ++
หากว่าลูกนั้น รู้แจ้งในเชื้อราคะ เชื้อเหตุความรัก รู้เหตุของทุกข์ที่ซ่อนอยู่ในมัน
และรู้ว่ามันนั้น.. เป็นแค่สิ่งที่มาหลอกมาล่อให้เราลุ่มหลง และจมอยู่ในเชื้อแห่งความรัก
ลูกเห็นว่า.. มันเป็นยาพิษ
-- ลูกก็ย่อมสามารถ เอาชนะเชื้อแห่งความรัก ความใคร่นั้นไปได้ ++
เมื่อลูกนั้น.. มองเห็นเชื้อแห่งความหลง โลภ
ลูกมองเห็นว่าสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแท้
หลอกให้เราลุ่มหลง และยึดติด พัวพัน มัวเมา ดิ้นรนขวนขวาย.. เพื่อที่จะได้มา
เมื่อลูกได้มาแล้ว.. กาลเวลาก็จะทำให้มันดับไป แม้แต่ตัวของลูก
ลูกก็จะสามารถที่จะถอดถอนตนเอง.. ให้อยู่เหนือความโลภ
ไม่ว่าเขาจะเอาอะไรมาทดสอบ.. มันจะทำอะไรลูกไม่ได้เลย !
-- ชัยชนะของลูก ย่อมมีอยู่ ++
เมื่อลูกหลงโกรธ แต่ลูกมองเห็นความโกรธแล้วว่า.. มัน
คือ ไฟ
คือ สิ่งที่จะแผดเผา ทำลายตัวของลูก และบุคคลผู้อื่นด้วย
เป็นสิ่งที่จะสร้างเวรสร้างกรรมต่อไปมากมาย
ฉะนั้น.. ลูกจะไม่หลงโกรธ..
เอาสติ เอาปัญญา เอาสมาธิ - เข้าไประงับความโกรธ
อย่าให้มันเผลอโกรธ
แค่นั้นละลูก.. ลูกก็จะสามารถมีชัยชนะ - ชนะทุกสิ่งที่เข้ามาทดสอบ
พระยาธรรมเอ๋ย.. คนเรานั้น จะมีเรื่องละเอียดอ่อนมากมาย.. มาทดสอบเรา
แต่เราจะเป็นผู้มีชัยชนะ ก็ต่อเมื่อเรานั้น.. ดูจิตของเรา
ไม่ให้หลงไป ไม่ให้รักไป ไม่ให้โลภไป ไม่ให้โกรธไป..
แค่นั้นละลูก **เราก็จะเป็นผู้ที่มีชัยชนะอย่างแท้จริง**
เพราะบุคคลผู้ที่เอาชนะด้วยความหลง เอาชนะด้วยความรัก เอาชนะด้วยความโลภ และความโกรธ
แท้ที่จริงแล้ว.. บุคคลเหล่านั้น เขายังไม่ชนะอย่างแท้จริงหรอกลูก !
เขาชนะอย่างหลอกๆ - ชนะอย่างปลอมๆ
เพราะชนะไปแค่แป๊บเดียว ความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธเหล่านั้น.. ก็ตีกลับมา
/ ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้
/ ทำให้เขานั้น ก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์อยู่ดี..
และเขานั้น.. ก็ยังต้องตกอยู่ใต้อำนาจแห่งเชื้อเหล่านั้นอยู่ดี
มันจึงเป็นชัยชนะที่ชนะอยู่ในใต้อำนาจแห่งความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ
มันจึงเป็นชัยชนะของกิเลสตัณหา -- แต่ไม่ใช่ชัยชนะของเรา ++
ลูกทั้งหลาย.. บุคคลผู้มีปัญญาธรรม เขาคิดเช่นนี้ รู้เช่นนี้ ละลูก
เขาจึงเอาชนะด้วยการ ชนะความหลง ชนะ ความรัก ชนะ ความโลภ และความโกรธ
เอาชนะสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ในตัวของเขานะลูก
ไม่ใช่ไปเอาชนะความหลงของผู้อื่น ความรัก ความโลภ และความโกรธ *ของผู้อื่น* ไม่ใช่อย่างนั้นลูก
เราต้องเอาชนะความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ *ในตัวของเรา* ให้ได้ !
บุคคลผู้ที่ชนะกิเลสตัณหาในตนได้แล้ว ย่อมอยู่เหนือวัฏสงสารนี้ เหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย
เป็นผู้มีอิสระ เลิกเป็นทาสแห่งกิเลสตัณหา..
จะไม่มีสิ่งใด มาสั่ง..
// สั่งให้ทุกข์ ให้ดิ้นรนขวนขวาย
// สั่งให้เกิด ให้แก่ ให้เจ็บ และให้ตาย
// สั่งให้พลัดพรากจากอะไร
จะไม่มีใครมาเป็น *กฎแห่งกรรม* ที่จะต้องมาคุมให้คอยระมัดระวัง อย่าเผลอไปทำอะไร
จะไม่มีกฎอะไรที่จะมาคุมตนไว้ใน *กฎของความไม่เที่ยงแท้ *
-- ตนจะเป็นผู้มีอิสระ จิตนั้นจะบริสุทธิ์.. พ้นจากทุกข์ทั้งปวง ++
เช่นนี้ละ พระยาธรรม.. ที่บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น.. เขามองเห็นว่าเป็นชัยชนะ
และเขานั้น จึงเอาชัยชนะนี้ มาให้กับตนให้ได้ !
คือ
// ชนะใน ความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ
/ ชนะอย่างผู้รู้ตื่น รู้แจ้ง..
/ ถอดถอนตัวตนของตน ที่สมมุติเป็นตัวตนในวัฏสงสาร- ทิ้งกลับคืนสู่วัฏสงสาร
/ ปลดปล่อยความเป็นทาสแห่งตน
/ อยู่เหนืออำนาจกิเลสและตัณหา
/ อยู่เหนืออำนาจของ*กฎแห่งกรรม* และ *กฎของความไม่เที่ยงแท้*
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. คือ ผู้ที่มีชัยชนะ อย่างแท้จริง **
ฉะนั้น.. ตราบใดก็ตามลูกเอ๋ย.. ที่ลูกทั้งหลาย.. ยังอยู่ในวัฏสงสารนั้น
ก็จงอย่าพลั้งเผลอ เผลอคิดว่าตน เป็นผู้ชนะ
/ เพราะเก่งกว่า รวยกว่า
/ เพราะดูว่า จะดีกว่า
อย่าหลงคิดว่าตนนั้น.. เป็นผู้แพ้ - แพ้เพราะว่าตนนั้นต้อยต่ำกว่า จนกว่า โง่กว่า มีชีวิตที่แย่กว่า..
อย่าหลงไปคิดเช่นนั้นลูก.. เพราะความชนะ หรือพ่ายแพ้ เช่นนั้น..
* มันเป็นของปลอม
* มันเป็นของกิเลสตัณหา
* มันคือเรื่องของวัฏสงสาร
-- มันเป็นชัยชนะ และเป็นความพ่ายแพ้ ที่อยู่ใน “ความไม่เที่ยงแท้” ลูกเอ๋ย
จงหันกลับมาดูตนเถิด วันนี้ตนเอาชนะความหลง ได้ระดับใดแล้ว ?
ถ้ามีอะไรมาทดสอบ ในเรื่องเล็กเรื่องน้อย..
ตนสามารถเก็บเกี่ยวคะแนนเล็กน้อยเหล่านั้น..
- ไปสั่งสมให้เป็นการถอดถอน หรือเอาชนะความหลง ได้อย่างแท้จริงหรือเปล่า ?
วันนี้ตนโดนทดสอบเรื่องความรัก ตนนั้นสามารถมีปัญญาอยู่เหนือความรักหรือเปล่า
หรือว่า..
- ยังหลงใหลเพลิดเพลิน ไปกับมัน
- ยังเป็นสุขเป็นทุกข์ ไปกับมัน
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น.. กำลังพยายามที่จะเอาชนะสิ่งเหล่านั้นอยู่หรือเปล่า ?
และได้ในระดับไหนแล้ว - ในเชื้อแห่งความรักนั้น ?
ถ้าเกิดว่าลูกนั้น.. เจอกับบททดสอบแห่ง ความโลภ หรือความโกรธ
ลูกก็แค่ พิจารณาตนเองว่า.. วันนี้ลูกได้ เก็บเกี่ยวแต้มคะแนนแห่งการที่จะเอาชัยชนะ ในความโลภ ความโกรธ เหล่านั้น..
- ได้บ้างแล้วหรือยัง ?
- ได้ในระดับใดแล้ว ?
- ได้สั่งสมคะแนนเหล่านี้เอาไว้ หรือเปล่า ?
มาดูที่เรานี้ละลูก ชนะความหลง ความรัก ความโลภ และความโกรธ ได้ระดับใดแล้ว ?
สิ่งนั้นแหละลูก คือ สิ่งที่ลูกกำลังมองหา “ชัยชนะที่แท้จริง” ให้กับตัวของลูก
ที่เป็น..
ชัยชนะของ บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรม
ชัยชนะอันสูงสุด ที่ลูกกำลังสั่งสมเอาไว้
และเป็นชัยชนะอย่างแท้จริง ++
... จะได้ไม่ต้องกลับไปแพ้อีก อย่างนั้นไงลูก..
จงประพฤติ ปฏิบัติ เช่นนี้เถิด.. พระยาธรรมเอย
แล้วลูกทั้งหลาย.. ก็จะค่อยๆสั่งสมคะแนนขึ้นมา.. สู่ผู้ที่มีชัยชนะอย่างแท้จริง คือ..
ผู้มีปัญญาธรรม
* ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
* ผู้อยู่เหนือโลก เหนือวัฏสงสาร
* ผู้ไม่เวียน ไม่ว่าย ไม่ตาย ไม่เกิด
* ผู้ไม่ทุกข์อีกต่อไป.. ลูก
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟัง.. นำไปพิจารณา
ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วละเจ้าค่ะ ว่า..บุคคลผู้ที่มีชัยชนะอย่างแท้จริง..
ต้องเป็นผู้ที่ ไม่มีวันกลับไปแพ้อีก
ต้องเป็นผู้ที่ ไม่อยู่ใต้อำนาจของสิ่งใด อีกต่อไป
ตนนั้น.. ต้องเป็นผู้ที่เป็นอิสระ ++
ฉะนั้น.. ถ้าเกิดว่าเราหลงชนะในโลก - ก็เป็นแค่ความชนะแบบกิเลส แบบตัณหา
ไม่พ้นโลกอันจอมปลอม
- มันเป็นชัยชนะที่ชนะแบบสมมุติ **
เดี๋ยวมันก็กลับไปแพ้อยู่ดี.. แล้วมันก็แพ้อยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว
... เพียงแต่เราหลงไปเฉยๆ
ฉะนั้น.. จากวันนี้ไป พวกลูกทั้งหลาย.. ก็จะตั้งใจทำชัยชนะที่แท้จริง
คือ ชนะกิเลสตัณหาแห่งตน ให้ได้
และเพื่อดับการเกิดแห่งตนให้ได้ เจ้าค่ะ
วันนี้ ลูกกราบขอลาก่อนนะเจ้าค่ะ
ไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่.. เจ้าค่ะ
สาธุ