พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เชื่อมพลังทิพย์เหนือทิพย์ หลวงปู่เทพโลกอุดร ตอนที่ ๒
------------------------
หลวงปู่ใหญ่อธิษฐานจิตเชื่อมพลังทิพย์เหนือทิพย์กับพระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า นั้น มีต้นเหตุที่มา คือ....
หลวงปู่ใหญ่ท่านมีเมตตามุ่งหมายจะช่วยเหลือลูกหลานในยามที่มนุษย์โลกโดยเฉพาะถิ่นแผ่นดินสยามขณะนี้ประสบทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บเกิดใหม่ ยังไม่มียารักษาอย่างชัดเจน อีกทั้งโรคร้ายแรงเกิดใหม่มากขึ้นในยุคนี้ สะท้อนว่าจิตใจมนุษย์ทั้งหลายอ่อนแอ อาสวกิเลสมีกำลังมากขึ้น ท่านจึงตั้งฌานเพ่งอธิษฐานไปถึงพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ด้านการปราบมารที่สำแดงความร้ายกาจออกมาเป็นโรคภัย ทำร้ายมนุษย์และสรรพสัตว์.. นั่นก็คือ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา"
ความหมายแห่ง พลังทิพย์เหนือทิพย์ของพระนามพระองค์ มีดังนี้...
ไภษัชย แปลว่า ยารักษาโรค,
คุรุ แปลว่าครู, ผู้เชี่ยวชาญ
ไวฑูรยประภา แปลว่าแสงรัศมีประดุจดั่งแก้วไวฑูรย์
ความหมายโดยรวมคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรค ผู้มีแสงรัศมีดั่งอัญมณีแก้วไวฑูรย์
อันที่จริงในสมัยของประเทศสยามรัชกาลที่ ๕ เคยมีการสร้างพระกริ่งขึ้นที่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
กริ่งรุ่นแรกนั้นมีนามว่า "กริ่งปวเรศ"
พระกริ่งที่สร้างขึ้นในยุคนั้น และนิยมสร้างต่อ ๆ มา อีกหลายที่หลายแห่ง ก็คือ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" นั่นเอง
"พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" นั้นมีอานุภาพยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ เป็นเพราะพระองค์ท่านมีมหาปณิธานยิ่งใหญ่มากจนถึงมากที่สุด
ในพระสูตรของมหายาน เรียบเรียงโดย พระถังซำจั๋ง กล่าวไว้ว่า....
พระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (ที่ยกมานี้เพียงโดยย่อ) ดังนี้...
.
๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และ อสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์ (แสดงถึงว่ามนุษย์โลกทั้งปวงจะวิวัฒน์ไปถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)
๒. จะทรงฉายรัศมีประภาส สุกสว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมาย คือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังถิ่นอันยากที่สิ่งอันดีใด ๆ จักไปถึง เช่น อบายภูมิ นรกภูมิ ให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง
๓. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในด้านทรัพย์สิน สิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้น จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๔. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนถือมั่นอยู่กับความเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดเฉพาะตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนในข่ายโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๕. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย หันมามีศีลบริบูรณ์ยิ่งขึ้น จนกระทั่งมีศีลาจารวัตร บริสุทธิ์ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๖. จะกระทำให้สรรพสัตว์ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ หายจากเสียสติ หายจากโรคร้าย ฯลฯ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๗. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค่นแค้นแค้น ให้คนยากจนมีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.
๘. จะทรงกระทำให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๙. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว
.
๑๐. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวง จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
.
๑๑. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีก จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
.
๑๒. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวง จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ...
พระสูตรดั้งเดิมข้างต้นนี้ มีอยู่พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี จารึกทั้งเล่มด้วยโลหิตมนุษย์ที่สละออกจากกาย มาเพื่อจารพระคัมภีร์เป็นพุทธบูชา แสดงให้เห็นถึงความศรัทธายิ่งใหญ่อย่างมากที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า
เมื่ออานุภาพของ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" มีมากดังพรรณนามานี้...
ยิ่ง..ผนวกพลังทิพย์เหนือทิพย์ของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรเองแล้วไซร้ ก็สมควรที่ลูกหลานทุกคนจะมีวัตถุทิพยมงคล(ตามภาพด้านล่างนี้) ไว้บูชา
เพื่อป้องกันการแอบอ้าง และให้ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ได้ของแท้ไว้บูชา ได้บุญบริสุทธิ์ในโครงการ "ต้นบุญหลวงปู่ใหญ่สืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี" ขอให้ผู้ศรัทธาติดต่อมาที่กล่องข้อความของเพจนี้เท่านั้น ทางคณะทำงานถวายหลวงปู่ใหญ่จะไม่ติดต่อใครไปก่อนเป็นอันขาด.. 🙏สาธุ🙏สาธุ🙏สาธุ จ้า
-----------------------
ข่าวสารประชาสัมพันธ์ เรียบเรียงโดย คณะทำงานถวายหลวงปู่ใหญ่ จาก เพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร.
1020 พระไภษัชยคุรุ..กับ.โรค...
คือพระพุทธเจ้าประเภทพิเศษ.ที่มีโลกธาตุของท่านเอง.คือแดนพุทธเกษตร
พระองค์ตรัสรู้แล้ว แต่ยังไม่ทรงเข้าแดนนิพพาน ยังคงสัมโภกายเพื่อโปรดผู้ที่ศรัทธาต่อพระองค์
พระพุทธองค์.ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น."พระพุทธะแห่งยา".เพราะมีปณิธานจะดูแลรักษาโรคทางกาย โรคทางใจ ของสรรพสัตว์.
การสร้างรูปลักษณ์.พระองค์ท่าน.จึงมักมีหม้อยา.อยู่ในพระหัตถ์.ที่เรารู้จักกันว่า.."พระกริ่ง"..นั่นเอง
สถานการณ์นี้..ควรขอพระบารมีของพระองค์ท่าน.ในการป้องกันรักษาโรคร้าย..ที่ระบาดตอนนี้
เราจึงควรสวดพระนามพระพุทธเจ้า คือพระไภษัชยคุรุ
พระนามเต็มของท่าน คือ..ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา.
เพียงแต่เอ่ยพระนามของท่านด้วยความเคารพศรัทธาว่า
"ลูกขอนอบน้อมแด่พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า"
หรือให้สวดธารณีว่า
"นะโม ภะคะวะเต ไภษัชยะ คุรุ ไวฑูรยะ ประภา ราชายะ ตถาคะตายะ อรหะเต สัมยักสัมพุทธายะ ตัทยะถา โอม ไภษัชเย ไภษัชเย ไภษัชยะ สะมุทคะเต สวาหา"
#.. ถ้ามีพระกริ่ง..เอาวางในขันใส่น้ำ .ท่องนะโม3 จบ..แล้วท่องพระนามของพระองค์ท่าน..ขอพรให้เป็นน้ำมนต์ทิพย์.เพื่อดื่มกินล้างหน้า.ป้องกันรักษาโรคระบาดร้ายแรง และโรคภัยทั้งหลาย
** แล้ว.นำมาดื่ม ล้างหน้า.ก่อนออกจากบ้าน.พร้อมท่องพระนามพระองค์..3 ครั้งขึ้นไป..
23.03.64
วันนี้วันดีมีพลัง ข้าพเจ้า... ได้ร่วมบุญกับอาจารย์ดิษฐ์. สร้างพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต
สวดพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต = 藥師佛灌頂真言
นะโม ภคเต ไภษัชยะคุรุไวฑูรย์ประภา ราชายะ ตถาคตายะ อรหเต สัมยักสัมพุทธายะ ตัทยถา โอม ไภษัชเย ไภษัชเย มหาไภษัชเย สมุทคเต สวาหา
ขอโรคภัยทั้งหลายทั้งปวง จงมลายหายสูญไปจากโลกนี้ ณ.บัดเดี๋ยวนี้เทอญ..
"ถ้าไม่ติดอะไร สงกรานต์นี้ จะได้ร่วมไปเบิกเนตรด้วย"
พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต (จีน: 藥師佛/薬師; พินอิน: Yàoshīfó; ญี่ปุ่น: 薬師瑠璃光如来 โรมาจิ: Yakushi หรือ Yakushirurikō nyorai) เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกายมหายาน ไม่พบในฝ่ายเถรวาท พระนามของท่านหมายถึงพระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษาโรค ผู้มีรัศมีสีน้ำเงินดังไพลิน พระนามอื่นๆของท่านคือ พระไภษัชยคุรุตถาคต พระมหาแพทย์ราชาพุทธเจ้า พระมหาไภษัชยราชพุทธเจ้า เป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีนและชาวทิเบต
บุญใดที่ฉันบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผลบุญทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์ ความสุขแก่ฉันเพียงใด ขอเธอจงโมทนาผลบุญนั้นและรับผลเช่นเดียวกับฉันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“อิทัง ปุญญะผะลัง”
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า.. ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้
ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
ข้าพเจ้า.. ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช
ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงโมทนาส่วนกุศลนี้
ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
และ ขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี
ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า...ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า...ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด
สาธุ สาธุ สาธุ นะโมพุทธายะ
พระพุทธสาส์นจากสมเด็จองค์ปฐม
คำสอนจากพระโอษฐ์พระพุทธองค์
อาจารย์ ภูดิศวร (เบิร์ด) ถอดความทิพย์
*******************************************
การนับถือสายพุทธและสายเทพพราหมณ์
ได้มีการแบ่งแยกขาดกันด้วยสมมติธรรม
มาอย่างยาวนานมากกว่า ๒,๕๐๐ ปี
ด้วยกำลังมหาบารมีของพระจักรพรรดิ
องค์ปัจจุบันซึ่งท่านเกิดแล้วมีตัวตนจริงอยู่แล้ว
ท่านได้อธิษฐานใหญ่
ด้วยกำลังจิตท่านให้สายพุทธ
และสายเทพพราหมณ์อยู่ร่วมกันได้ดี
ลดละเลิกการแบ่งแยกด้วยสมมติธรรม
และให้เห็นแจ้งความจริงด้วยปรมัตถธรรม
ว่าสายพุทธและสายเทพพราหมณ์นั้น
เป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นผืนนาผืนเดียวกันนั่นเอง
ต่อไปในวันหน้า เมืองไทยเราจะนับถือ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์เทพกันมากขึ้น
อย่างมากมาย
ในขณะที่ยังคงนับถือ
พระพุทธศาสนาเหมือนเดิม
คำว่าพระพุทธศาสนานั้น
โองการฟ้าดินท่านสร้างขึ้น
จากการประชุมเทวสภาฝ่ายเทพทั้งปวง
ซึ่งมีพระศิวะมหาเทพเป็นประทานสูงสุด
พระศิวะมหาเทพท่านมีลิขิตว่า
ต่อไปโลก จักรวาล อนันตจักรวาล
จะมีศาสนาที่สูงสุดและดีที่สุด
นำพาดวงจิตให้พ้นจากสังสารวัฏ
และพบพระนิพพาน
ได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
ที่ถูกต้องแห่งพระพุทธศาสนา
พระศิวะมหาเทพท่านมีลิขิตว่า
ต่อไปจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เกิดขึ้นแก่โลก แก่ทุกภพภูมิ แก่จักรวาล
และอนันตจักรวาล ซึ่งพระองค์มีลิขิตว่า
ต่อไปในทุกจักรวาล (ยกเว้นบางจักรวาล
ในขณะนั้นที่ตกอยู่ในสุญญกัป) จะมี
ดวงแก้วพระรัตนตรัยสถิตเรืองรอง
อันมุ่งหมายให้สรรพจิตในโลกนั้นๆ
ในจักรวาลทั้งปวง จงมีเครื่องมือวิธีการ
ในการทำให้จิตจงหลุดพ้นเสีย
จากสังสารวัฏ
และพบพระนิพพาน
คำว่าพระนิพพานเป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่ง
ที่เป็นพระศิวะเอง เพราะทุกสภาวธรรม
ธรรมชาติทั้งปวง, คือธรรมนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เบื้องบนจึงเรียกธรรมว่าพระศิวะ
ที่มนุษย์ทั้งหลายเห็นพระศิวะว่าท่าน
ปกครองศาสนาฮินดูนั้นไม่ผิด
ทว่าการเห็นเช่นนี้ยังตกอยู่ในสมมติธรรม
เพราะพระศิวะที่แท้จริงนั้น ท่านปกครอง
ศาสนาทุกศาสนาในจักรวาล
อันองค์เทพชั้นสูงทั้งหลาย
โดยมีพระศิวะเป็นประธานใหญ่
เหล่าท่านได้ร่วมกันสร้าง
พระพุทธศาสนาให้กำเนิดเกิดขึ้น
มีดวงแก้วพระรัตนตรัยเกิดครบสมบูณ์
พระพุทธเจ้าจึงมีหน้าที่อย่างพระพุทธเจ้า
องค์เทพ / พระเจ้า
จึงมีหน้าที่อย่างองค์เทพ / พระเจ้า
, บทบาทหน้าที่จึงต่างกัน
พระศิวะท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก
ท่านสามารถสอนธรรมอย่างเอกอุแตกฉาน
อย่างดีเลิศเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ท่านสามารถเนรมิตตัวท่านเองแปลงเป็น
พระพุทธเจ้าได้อย่างอัศจรรย์เพื่อสอนธรรม
แก่เวไนยให้รู้แจ้งแตกฉานอริยสัจสี่
ทว่าพระศิวะท่านเคารพต่อหน้าที่ของท่าน
ในฐานะมหาเทพสูงสุด พระเจ้าสูงสุด
ดังนั้น
ท่านจึง (แทบจะไม่ค่อย) ไม่เนรมิตตน
เป็นพระพุทธเจ้าพร่ำเพรื่อ
นอกเสียจากท่านต้องการ
จะปราบมารอหังการ์ที่ต้องการโค่นทำลาย
พระพุทธเจ้า พระธรรม รวมถึงพระสงฆ์
(ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ) เพื่อต้องการปราบ
อธรรมด้วยธรรม และดึงจิตมารให้อยู่ราบ
สยบภายใต้บรมโพธิบัลลังก์ธรรมพุทธานั่นเอง
นอกจากคำว่าพระพุทธเจ้าแล้ว
เทวสภา เบื้องบน ฝ่ายเทพ
(ตอนนั้นยังไม่มีพระพุทธเจ้า
ในจักรวาล ในอนันตจักรวาล)
ซึ่งมีพระศิวะในฐานะองค์ประธานใหญ่
ท่านได้มีดำริชอบ ให้มีพระมหาจักรพรรดิ
เกิดขึ้น และจะต้องเกิดขึ้นทุกครั้ง
ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าซึ่งลงมาตรัสรู้
ฉะนั้น อย่างพ่อเอง, สมเด็จองค์ปฐม
ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกได้
ก็ต้องเกิดเป็นพระมหาจักรพรรดิก่อน
นี่คือกฎสัจแห่งโองการฟ้าดิน
ที่วางกฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนเอาไว้
นอกจากนี้ ต้องย้ำแก่มนุษย์ทั้งหลายว่า
ระหว่างมหาเทพสูงสุดและพระพุทธเจ้า
ที่มีบารมีสูงสุด ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร
เพราะเป็นบารมีระดับอนันตะด้วยกันทั้งคู่
ฝ่ายเทพอยู่ซ้าย ฝ่ายพุทธอยู่ขวา
ถนนทั้งสองสายร่วมเดินคู่ขนานกันนิรันดร
ที่เล่ามานี้ คือธรรมะนอกตำรา
แห่งเมืองแก้วพระนิพพาน
การที่ลูกจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ไม่เป็นไร
เพราะมันเป็นอจินไตย โลกทิพย์ โลกอุดร
สุดท้ายนี้ สิ่งเตือนใจมนุษย์ที่สำคัญยิ่ง
นอกจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระอรหันต์ พระมหาจักรพรรดิ พระโพธิสัตว์แล้ว
การที่มนุษย์ไปเบียดเบียน
องค์เทพองค์ต่างๆนั้น
(ทำบาป ผ่านทางกาย วาจา ใจ ก็ดี
ด้วยเจตนาแห่งอกุศล
เลวทราม ที่มีต่อองค์เทพ)
ถือเป็นบาปขั้นอุกฤษฏ์
ย่อมตกนรกได้อย่างง่ายดาย
อย่างตรีเทพ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม
อย่างตรีเทวี พระอุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี
, แต่ละองค์มีปางต่างๆมากมาย รวมกันทั้งหมดทุกปาง
เหล่าท่านล้วนได้บรรลุธรรม
ถึงพระนิพพาน นานมาแล้ว
นับตั้งแต่กัปแรก
ที่มีกัปเกิดขึ้นในจักรวาล อนันตจักรวาล
ซึ่งเหล่าท่านเป็นพระเจ้า
องค์เทพที่มีบารมีเต็มล้นในตัว
ไม่ต่างจากพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม
อย่างหลวงปู่ทวด-ดู่
ซึ่งเหล่าท่านทุกวันนี้
มีความเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่
ยังคงช่วยเหลือเมืองแก้วพระนิพพาน
ยังคงช่วยเหลือสามแดนโลกธาตุ
ช่วยกันดูแลรักษาทั้งจักรวาล
อนันตจักรวาลให้ดำรงอยู่
สร้างสมความดีอิทธิบารมี
มิเคยหยุดหย่อน, นับจากกัปแรก
ยาวนานจนถึงกัปปัจจุบัน
มีสภาวะเป็นอมตะ พ้นเกิด พ้นตาย
ฉะนั้นแล้ว
มนุษย์อย่าไปทะลึ่งทำไม่ดีกับองค์เทพเด็ดขาด