แสงเทียนส่องสองพันปีที่พ่อจุด..ใกล้สิ้นสุดดับลงแล้วหนา...หากพวกเรายังโง่เขลาเบาปัญญา...อีกไม่ช้าเทียนคงดับทับคัมภีร์...
แสงทียนสอ่งสองพันปีคัมภีร์เปิด...ตื่นเสียเถิดฟังพระธรรมคำสั่งสอน...พุทธองค์ทรงตรัสสรรพสัตว์ไม่แน่นอน...ละนิวรณ์ ภาวนาว่าพุทโธ...พุท- โธ...พุท-โธ....
..จิตชุ่มร่มเย็นด้วยมีองค์ธรรมพระรัตนตรัย ดวงแก้ว ใส สว่าง สงบ 3 ประการ...ด้วยจิต พระพุทธะ มีพุท-โธ ผู้ รู้ ผู้ ตื่น ผู้ เบิกบาน
สถานธรรม " ธรรมนคร " คือ นครของพระพุทธเจ้า
เข้าอยู่ในสายธรรม " สัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ "
เป็นสายธรรมซึ่งเป็นพลังจากองค์พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน จนถึงองค์ปฐม
หรือว่า องค์ปฐม จนถึงองค์ปัจจุบัน
หมายถึง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หนุนในสายธรรม ที่พระยาธรรมิกราชนำมาเผยแผ่
เสนาพระยาธรรม ทำหน้าที่ช่วยพระยาแห่งธรรม ในกึ่งศาสนา นี้
ด้วยการ กระจายข่าวการประกาศธรรม การเผยแผ่ธรรม
ของพระยาธรรมิกราช ให้ก้องโลก
ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้เป็นที่พึ่งในกึ่งศาสนานี้ โดยยึดหลัก
1. ช่วยให้ตนรู้แจ้ง ยึดหลัก “ รักษาศีล ฟังธรรม ทำสมาธิ เติมปัญญา ”
2. ช่วยให้ผู้อื่นรู้แจ้งตาม คือ
2.1 ช่วยให้มีการรักษาศีล
2.2 ช่วยให้มีการฟังธรรม
2.3 ช่วยให้มีการทำสมาธิ
2.4 ช่วยให้มีการเติมปัญญา
พระยาธรรมเอย.. ส่วนอานิสงส์ผลบุญ ที่ทุกคนหรือว่าโยมเกียรติ จะได้รับ
ในการช่วยแชร์คลิปธรรมะ ช่วยเผยแผ่ต่อๆกันไปนั้น
ก็จะส่งผลให้ถึงนิพพาน โดยเร็วในชาตินี้
** นี่คือ อานิสงส์บุญที่แรงที่สุด ที่จะช่วยได้ **
แต่ถ้าใครที่มีต้นทุนมาไม่มากเท่าไร ก็จะช่วยให้บุคคลคนนั้นพบนิพพานโดยเร็ว
ในภพต่อไป ในอนาคตอันใกล้นี้…
พระยาธรรมเอ๋ย.. เพราะนี่คือ ** ธรรมที่มาจากองค์พระพุทธเจ้า **
* เป็นธรรมที่เป็นแก่นธรรมอย่างแท้จริง *
* เป็นธรรมที่ทำให้คนที่ประพฤติ ปฏิบัติ ด้วยความตั้งใจจะหลุดพ้นนั้น
เข้าใจในหลักธรรมได้เป็นอย่างดี
ฉะนั้น ลูกเอ๋ย.. จึงเป็นธรรมดา
** ที่อานิสงส์ผลบุญจะส่งอย่างแรงกล้า ให้พบนิพพานโดยเร็ว **
เราฟัง เราก็ได้มากแล้ว ให้คนอื่นฟัง เขาก็ได้มากอีก เขาก็เผยแผ่ต่อไป…
** นั่นแหละลูก.. อานิสงส์ผลบุญจะส่งผลให้ลูกทั้งหลาย พบหนทางโดยเร็ว **
พุทธธรรมกฎแห่งกรรม วันที่ 1 ธันวาคม 2562
ตอนที่ 122 **ละเอียดซ้อนละเอียด**
+ +
ในเช้าของวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ณ สวนธรรมิกราช
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้โอกาสนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น.. จึงได้นอบน้อมเฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
เพราะอะไรหรือเจ้าคะ.. ลูกจึงรู้สึกว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ มันละเอียด ซับซ้อน และมันก็มีสิ่งที่ละเอียดซ้อนความละเอียดเข้าไปอีก ?
หลายครั้ง ที่ลูกรู้สึกว่า ลูกรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้แจ้งโลก เข้าใจในทุกอย่างแล้ว แต่ว่า พอกาลเวลาผ่านไป มันก็ยังมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ ที่ละเอียดอ่อน และลึกเกินกว่าสิ่งที่เราเคยรู้มาอีก ความละเอียดอ่อนมันปรากฏขึ้นทุกวัน ความรู้แล้วของเรา – จึงยังไม่รู้แล้วเสียที.. ก็เลยเกิดให้ลูกมีข้อสงสัยขึ้นมาในใจว่า ที่สิ้นสุดของการเรียนรู้ ความละเอียดอ่อนต่างๆนั้น มันอยู่ที่ตรงไหน และมันมีความละเอียดอ่อนมากเพียงใด เช่นนี้น่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิด พระพุทธเจ้าค่ะ...”
- - - -
ดีแล้วละ พระยาธรรมเอย.. ถ้าอย่างนั้น ลูกก็จงพิจารณาตามนี้เถิด
พระยาธรรมเอ๋ย.. เราควรที่จะรู้เช่นนี้ก่อน ลูก ว่าการเรียนรู้ การเรียนจบของแต่ละคนนั้น - แตกต่างกัน..
บางคนก็จบที่ตัวของตนเอง รู้เฉพาะตน เข้าถึงเฉพาะตน - แล้วก็จบที่ตน
บางคนก็ต้องเรียนรู้ให้กว้างขึ้น เพราะว่าตนจะต้องเป็นผู้ที่ชี้ทางบอกทางแก่ผู้อื่นด้วย
-- นั่นแสดงว่า ตนจะต้องรู้ถึงทางของผู้อื่นด้วย
จึงเป็นการเรียนที่กว้างขึ้น
จึงเป็นการเดินทางที่ทั้งกว้าง และยาวไกลกว่า
เราจะต้องสอนดวงจิตให้หลุดพ้นตาม มากเพียงใด
-- เราก็จะต้องเรียนรู้ และก็ทำในสิ่งที่บุคคลเหล่านั้น เขาควรที่ได้รับการเรียนรู้ จากประสบการณ์ที่เรานั้นเผชิญผ่านพ้น
... จำเป็นจะต้องดำเนินไป เรียนรู้ ฝึกฝนไป ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า ยาวนานกว่า ในการสั่งสมบารมีในการเรียนรู้
พระยาธรรมเอย.. ฉะนั้น การเรียนจบ - ทุกคนละลูก จะจบตรงที่สำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว
ทุกคนจะจบตรงที่บรรลุธรรม รู้แจ้งโลก ถึงจุดที่ตนนั้นดับกิเลสตัณหาของตนได้ จนหมดแล้ว
แต่การถึงซึ่งการเป็นองค์พระอรหันต์ของแต่ละคน - มันแตกต่างกัน *
เพราะบางคนรู้ได้เฉพาะตน เข้าถึงเฉพาะตน
บางคนต้องฉุดช่วยดวงจิตอื่นด้วย ในระดับหนึ่ง ในกลุ่มหนึ่ง
บางคน ก็จะต้องฉุดช่วยดวงจิตในกลุ่มมาก
… จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ กว้างกว่า ยาวกว่า ละเอียดซับซ้อนมากกว่า ..
เช่นนั้นละ.. พระยาธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น กว่าจะถึงซึ่งการละกิเลสได้ทั้งปวง ก็ต้องเรียนรู้กว้างยิ่งกว่าองค์พระอรหันต์สาวก
พระยาธรรมเอย.. และลูกเอง ก็เกิดขึ้นเพื่อแทนธรรม แทนดวงธรรมทั้งปวง ที่จะก่อเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะได้รู้ เข้าใจ รู้สภาวธรรมของผู้อื่น เพื่อช่วยเขาเหล่านั้นด้วย เรียกว่า เรียน”วิชาครู”
จึงมีสิ่งที่ละเอียดอ่อน ซับซ้อนมากมาย ซ่อนความละเอีดอยู่ในเส้นทางของการเรียนรู้ เป็นธรรมดา
แต่พระยาธรรมเอย.. ลูกก็สามารถที่จะค่อยๆเรียนรู้ ตามขั้นตามตอน ตามเหตุของสิ่งที่ได้ทำไป..
- ก็ถือว่าเรียนได้ตามรอบ ตามกำหนดของเวลาที่ระบุเอาไว้ให้..ได้ดีอยู่
... ก็จงตั้งใจศึกษาเรียนรู้สิ่งที่ละเอียดอ่อน ต่อไปอีกเรื่อยๆ...
พระยาธรรมเอย.. และตราบใดก็ตาม ที่ถ้าดวงจิตของเรานั้น ยังไม่สำเร็จบรรลุเป็นองค์พระอรหันต์
- ตราบนั้น แสดงว่าความรู้ของเรายังไม่จบสิ้น
เราอย่าเพิ่งเผลอหลงไปว่า.. เรารู้มากแล้ว เข้าใจมากแล้ว ดีแล้ว
อย่าเพิ่งเผลอหลงไปยึดเช่นนั้นกัน.. พระยาธรรม
เหตุที่ลูกเรียนรู้ลึกเข้าไป ละเอียดเข้าไป มีสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความลึก ในความละเอียด ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เพราะว่า.. ลูกจะได้สอนกับดวงจิตอื่นว่า ความรู้- ต่อให้จะรู้มากเพียงใด ถ้าไม่ได้รู้จนสำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว.. ความรู้ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น - ยังต้องขุดให้ลึก ขุดให้ละเอียด ละเอียดลึกเข้าไปๆอีก..
ฉะนั้น พระยาธรรมเอย.. คนที่ติดอยู่ในความรู้แล้ว คิดว่ารู้แล้ว ดีแล้ว.. จึงไปต่อไม่ได้
คนที่ยังคงรู้สึกว่า ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ.. จึงไปต่อได้เรื่อยๆ
ฉะนั้น ลูกเอ๋ย.. ก็เป็นเหตุหนึ่ง ที่ให้ลองตรวจเช็คสภาวธรรมของแต่ละคนว่า บัดนี้ตอนนี้ ตนได้สำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์แล้วหรือยัง ?
- ถ้ายังไม่สำเร็จ แสดงว่าการเรียนรู้ยังมีอีกมาก ละเอียดอ่อน ซับซ้อน ลึกเข้าไป ซ่อนความละเอียดอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ให้ค้นหา
แต่พระยาธรรมเอย.. ถึงแม้จะลึกลับ และละเอียดอ่อนมากเพียงใด - มันก็จะไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมาย และไม่ใช่สิ่งที่เราจะหาไม่เจอ
หากบุคคลผู้นั้นได้พิจารณา ค้นหาถูกที่ถูกทาง
เช่น การตรึกตรองเฉพาะในตน ค้นหาคำตอบด้วยเส้นทางชีวิตของตน
- ฝึกฝนไป เรียนรู้ไป ค้นหาไป ดำเนินไป..
ทำเช่นนี้อย่างนี้ ไปเรื่อยๆ.. ลูกก็จะหาเจอ ลูกก็จะเข้าใจ
แต่บุคคลผู้หาไม่ถูกที่ ถูกทาง หาภายนอก หาในวงที่กว้าง หาในที่ที่ไม่มี
... หาไปก็สับสนวุ่นวาย.. ลูกเอ๋ย
ฉะนั้น พระยาธรรมเอย.. การเรียนจบของคนเราแต่ละคนนั้น มีจุดมุ่งหมายที่กว้าง-ยาว ที่แคบและสั้น แตกต่างกันตามแต่ละดวงจิต
แต่ที่ที่สิ้นสุด คือการสิ้นสุด - ด้วยการสำเร็จบรรลุเป็นองค์พระอรหันต์
การเรียนรู้ทุกอย่างก็จะจบลง ..ลูกเอ๋ย
การหลงเพลิดเพลิน นึกว่าตนดีแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ไปไม่ถึงซึ่งความหลุดพ้น *
การแสวงหาในที่ที่ไม่มี หรือเป็นธรรมภายนอกนั้น – ย่อมเป็นที่ที่แสวงหาไม่เจอความสิ้นสุด เพราะกว้างยิ่งนัก
การเข้าไปแสวงหาภายในจิตใจของตน ภายในตัวในตน บนเส้นทางชีวิตของตน แม้จะละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง ซับซ้อน สับสนเพียงใด - ตนก็สามารถรู้และเข้าใจได้ แล้วก็ยังสามารถที่จะเรียนรู้ไปๆ
จนกว่าตนนั้น จะสามารถที่จะสำเร็จบรรลุธรรมเป็นองค์พระอรหันต์ได้ ในที่สุด
เช่นนี้ละ.. พระยาธรรมเอย
และเส้นทางที่ลูกเดินอยู่ คือเส้นทางแห่งอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าโน้น จึงเป็นเส้นทางที่ละเอียด และซับซ้อน
ลูกก็ใช้ใจที่ตั้งมั่นดีแล้ว ค่อยๆคิดพิจารณา ตรึกตรองทบทวน แสวงหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ ซ้อนอยู่ในความละเอียดเหล่านั้น ให้รู้ ให้ได้คำตอบ ให้แตกฉานในทุกสิ่ง
... แล้วทุกอย่างก็จะดำเนินไปๆ นั่นละ.. พระยาธรรมเอย
เช่นนี้ละลูก.. พอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยังเล่า จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด.. พระยาธรรมเอย
++
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้ว พระพุทธเจ้าค่ะ ว่าการที่เรานั้นยังเรียนรู้แล้ว เรียนรู้อีก แสดงว่า ยังไม่ถึงที่สูงสุดแห่งเส้นชัยที่เราจะเดินไป
การที่คนเราจะเรียนจบ ก็ต่อเมื่อสำเร็จบรรลุเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว
แต่ละคนมีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน..
- เราก็เรียนรู้ในรูปแบบของเราไป..
ถึงเวลา ทุกอย่างก็จะปรากฏชัดเจนขึ้นมากับตัวเราเอง บนเส้นทางชีวิตของเรา
ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่ดูเหมือนจะยุ่งยาก ละเอียดซับซ้อนมาก
- แต่ถ้าเราเลือกที่จะเรียนรู้ที่ใจเรา ใช้ใจในการค้นหาที่ตัวของเรา.. เราก็จะได้คำตอบ และถึงซึ่งการรู้แจ้งอย่างแท้จริง
การเรียนรู้แล้วในระดับหนึ่ง ถ้าเรายังไม่ถึงซึ่งความเป็นองค์พระอรหันต์ ยังไงความรู้แล้วนั้น - ก็ยังไม่สิ้นสุดแห่งการรู้
.. ลูกพอจะเข้าใจเช่นนี้แล้ว พระพุทธเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตา แสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟัง นะเจ้าคะ...
สาธุ
พุทธธรรมวาระพิเศษ วันที่ 10 ตุลาคม 2560
**อานิสงส์การเผยแผ่ธรรม**
+ +
ในเช้าของ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรม
เมื่อข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อพระพุทธองค์ท่านแล้ว จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกมีข้อสงสัยว่า การที่ลูกนั้นแสดงธรรม แต่ละคลิป แต่ละตอน ที่พระพุทธองค์ทรงถ่ายทอดคำสอน - แต่ละคลิปนั้น มีอำนาจ พลังอานิสงส์ผลบุญอย่างไรล่ะเจ้าคะ เราจะได้น้อมบุญตรงนั้นไปแผ่เมตตาให้คนอื่นด้วย น่ะเจ้าค่ะ ? ”
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. ในธรรมะแต่ละคลิปที่ลูกได้น้อมบันทึกเอาไว้ และแสดงธรรมนั้นไปอย่างถูกต้อง
ก็ถือว่า ลูกได้ชี้ทางให้กับดวงจิต ที่เขานั้นต้องการที่จะไปสู่พระนิพพาน 1 ย่างก้าว
การที่ลูกนั้นได้บอกทาง ชี้ทางแก่เขาอย่างถูกต้อง ไปตามทางที่ถูก และถึงจุดมุ่งหมายอย่างแท้จริง โดยไม่ผิดหลักธรรมใดเลย
ทำให้เขาได้รู้ ได้เข้าใจ ในการประพฤติ ปฏิบัติ ทำความดี..
-- อานิสงส์ผลบุญนั้น ก็ย่อมก่อเกิดแก่ตัวของลูก คือ การได้เลื่อนระดับจิตของตน ไปหนึ่งระดับ
-- ได้เข้าถึงความรู้ ความเข้าใจในธรรมด้วย ในอีกระดับหนึ่ง
ลูกให้ทางออกแก่ผู้อื่น.. กรรมที่ลูกได้ทำใน”กรรมดี”นั้น ก็ย่อมส่งผลกลับมาค้ำหนุน ค้ำชู ให้ลูกนั้นมีทางออก ในการกระทำของลูก- ที่เป็นการกระทำที่ดี ..
เช่น ถ้าลูกจะเผยแผ่ธรรม ลูกนั้นจะทำการสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ดี เป็นบุญ เป็นกุศล
บารมีบุญจากการแสดงธรรม ชี้ทาง บอกทาง ให้ผู้อื่นให้เข้าถึงความดีนั้น -- ก็ย่อมส่งผลกลับมา ปูทางให้ลูกสามารถที่จะทำในสิ่งนั้นๆได้ และสำเร็จไงลูก
การให้ผู้อื่นรู้แจ้ง - เราก็ได้รับอานิสงส์กลับคืนมา คือ ผู้มีปัญญา ผู้รู้แจ้ง
การให้ผู้อื่นได้เห็นทาง - อานิสงส์ผลบุญนั้น ก็ช่วยให้เรา เป็นผู้เห็นทาง
การที่เราได้ชี้ทาง บอกทางแก่ผู้อื่น เราก็จะมีผู้ชี้ทาง บอกทางแก่เรา
หรือปัญญาของเราก็แจ่มแจ้งพอ ที่จะรู้ทางที่เราจะไป โดยไม่ผิด ไม่พลาดไม่เพี้ยน
-- เราก็จะสามารถเดินตามหลักธรรมที่ถูกต้อง ไปเรื่อยๆ...
พระยาธรรมเอ๋ย.. อานิสงส์ผลบุญ จากที่การที่ลูกนำธรรมที่ตนได้ฟังไปเผยแผ่ ก็ก่อเกิดแก่ลูก เช่นนี้อย่างนี้ละ
ฉะนั้น.. ถ้าเกิดว่าจะน้อมบุญที่ลูกได้แสดงธรรม ที่ก่อเกิดเป็นบุญ เป็นความดีที่ลูกได้ทำนั้น - แผ่ให้กับผู้อื่น.. ลูกก็จะแผ่ให้ดวงจิตทั้งหลายได้น้อมบุญร่วมกับลูก คือการ
* ได้ให้ปัญญาผู้อื่น - ก่อเกิดปัญญาแก่ตน
* ให้แสงสว่างผู้อื่น - เกิดแสงสว่างแก่ตน
* บอกทางผู้อื่น - ตนก็รู้หนทาง ไม่มีทางตัน
** และที่สำคัญคือ ลูกนั้นก็จะเดินเข้าถึงพระนิพพานได้ - หากลูกชี้ทางบอกทางผู้อื่น จนเข้าถึงพระนิพพาน ++
ทุกคนเขาก็จะได้น้อมรับบุญตรงนี้ กับลูกไปด้วย นั่นละ..
การคิดดี ทำดี การประพฤติ ปฏิบัติธรรมของดวงจิตต่างๆ ที่ลูกแผ่อานิสงส์ผลบุญให้เขา
-- เขาก็จะได้เข้าถึงความดีที่ลูกได้สร้าง ได้ทำดีด้วย...
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าคะ
แล้วถ้าเกิดว่าเราแผ่เมตตาให้เขาไปแล้ว สิ่งใดหรือเจ้าคะ? ที่จะก่อเกิดกลับมาที่เราอีก ในการแผ่เมตตาในแต่ละวันที่เราได้แสดงธรรม น่ะเจ้าค่ะ
พระยาธรรมเอ๋ย.. เมื่อเราได้เป็นผู้ให้ - เราให้สิ่งใดไป.. สิ่งนั้นก็จะกลับมาก่อเกิดแก่เรา
เหมือนเราเกี่ยวข้าวขึ้นมาแล้ว เราก็เก็บเอาเมล็ดของข้าวนั้น - กลับไปหว่าน ไปปลูกต่อ..
... ย่อมออกดอกออกผล เป็นธรรมดา
เราให้ความสุข ความเจริญ ความสว่างรุ่งเรือง เผื่อแผ่แก่ผู้อื่น - เราก็ย่อมได้รับการเผื่อแผ่ หรือว่า การเจริญเติบโตในสิ่งที่ดีนั้น กลับมาสู่ตัวของเรา อย่างนั้นละ..พระยาธรรม
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
แล้วถ้าอย่างนั้น คนที่เขาช่วยเผยแผ่ธรรมล่ะเจ้าคะ คนที่เขา หมายถึงว่า เขาได้ยินธรรมนี้แล้ว เอาไปเผยแผ่ในแต่ละคลิป ให้คนได้ฟังด้วย น่ะเจ้าค่ะ
พระยาธรรมเอย.. อานิสงส์ผลบุญ ก็คล้ายกันละลูก
รู้หนทาง เลยบอกหนทางแก่ผู้อื่น ซึ่งย่อมแน่นอนว่า..
// เราก็จะเป็นผู้รู้แจ้ง มีปัญญาดี
// เข้าใจในสรรพสิ่งที่ซ่อนอยู่ ในวัฏสงสารนี้
// สามารถมีปัญญารู้แจ้ง และอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธรรมที่รับมาจากองค์พระพุทธเจ้า ที่ลูกได้แสดงไปทุกวันนั้น..
** เป็นธรรมที่ถูกต้องตามหลักธรรมที่แท้จริง** คือ ทางที่จะพบพระนิพพานอย่างแท้จริง ++
การลงทุนในที่ที่ดี ย่อมก่อเกิดผลที่ดีตามมา.. ++
บุคคลผู้เผยแผ่ จะไม่มีการขาดทุนเลย - หากเผยแผ่ตามคำสอนนี้โดยถูกต้อง / เผยแผ่ตามหลักธรรมอย่างแท้จริง
เขาก็จะไม่หลงทาง เพราะไม่ทำให้ผู้อื่นหลงทาง
เขาย่อมได้รับ ได้พบแสงสว่าง เป็นสุข ในดวงจิตของเขา ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
ความดีที่ทำมากเท่าไร - ความดีที่ทำนั้น ก็จะค้ำหนุนตนได้มากเท่านั้น !
บุคคลผู้แสดงธรรม - ก็ได้อานิสงส์บุญ ของการแสดง
บุคคลผู้นำไปเผยแผ่ - ก็ได้อานิสงส์ผลบุญจากการเผยแผ่
ไม่ว่าเราจะเกิดในภพไหน ชาติไหน เราก็จะเจอกับผู้มีปัญญา ผู้รู้แจ้ง
เราก็จะเป็นผู้มีปัญญา ผู้รู้แจ้ง เข้าใจในธรรม
ฟังธรรมรู้เรื่อง สามารถประพฤติ ปฏิบัติ เข้าสู่นิพพานได้ ไม่พลาดไปจากความดี
.. เช่นนี้ อย่างนี้ละ.. พระยาธรรม
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
ถ้าอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นการลงทุน ที่เราลงทุนด้วยการให้ความรู้แก่ผู้อื่น
...โดยที่ไม่ต้องลงทุนด้วยปัจจัย คือ เงินทอง ข้าวของต่างๆ..
เราแค่ให้ปัญญา ให้ความรู้แจ้ง ให้สิ่งที่เราเข้าใจ แล้วก็ถูกต้อง ที่องค์พระพุทธเจ้าสอน
ปลูกสิ่งเหล่านั้นให้เป็นบุญ เป็นสะพานนิพพาน ให้กับเรา
-- เราก็จะสามารถที่จะอาศัยความดีนี้ เข้าถึงนิพพานได้ด้วย.. อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?
พระพุทธองค์ :: ก็เป็นเช่นนั้นแหละ พระยาธรรม
เราคิดดี ทำดี พูดดี ด้วยกาย วาจา ใจ
ใช้สติและปัญญาอันรู้แจ้ง ในการสร้างสั่งสมบารมี
...ลูกนั้นก็ย่อมถึงซึ่ง พระนิพพาน ...
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
ลูกเข้าใจแล้วว่า การแสดงธรรมทุกวัน / การที่น้อมธรรมจากองค์พระพุทธเจ้าเป็นคลิปธรรมะ และเผยแผ่ไปทุกวันนั้น.. มันมีความหมายมากเพียงใด ..
และมันสามารถช่วยให้ลูก ถึงพระนิพพานได้ด้วย **
ลูกเข้าใจอานิสงส์แห่งบุญแล้วเจ้าค่ะ และลูกก็เข้าใจแล้วว่า เรานั้นได้ทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์มากมาย ทั้งที่ถ้าเกิดว่าเรามองผ่านๆ คงเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร..
แต่พอลูกได้ฟัง ได้ทำความเข้าใจแล้ว -- ก็ทำให้เข้าใจถึงการเผยแผ่ธรรม ในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ลูกเข้าใจ และจะรักษาคุณค่าของมันเอาไว้ให้เป็นอย่างดี
ลูกจะประพฤติ ปฏิบัติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และจะตั้งใจนำธรรมเหล่านี้ไปแสดง
... เพื่อจะได้ก่อเกิดสะพานนิพพานให้กับลูก ในแต่ละย่างก้าว
ลูกไม่อยากอยู่ในวัฏสงสารแล้วเจ้าค่ะ มันเป็นทุกข์ยิ่งนัก ลูกอยากจะออกไปจากที่นี่แล้ว..
ขอผลบุญที่ลูกได้สร้างได้ทำ จงปูทางให้ลูกและดวงจิตทั้งหลาย.. ได้ก้าวออกจากวัฏสงสาร
ออกไปทีละย่างก้าว ตามคลิปธรรมะ
จนกว่าจิตของลูกทั้งหลาย..จะเข้าสู่พระนิพพานได้นะเจ้าคะ..
พระพุทธองค์ :: ดีแล้วละ.. พระยาธรรม
การทำความดีนะลูก ทำไปเถิด
ทุกการกระทำของการทำความดี ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ /ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น
จงทำไปเถิดลูก ความดีจะปูทางให้ลูกถึงนิพพาน เป็นแน่แท้ !
เมื่อลูกถึงนิพพานแล้ว คนที่ฟังธรรม / เผยแผ่ธรรม / คนที่ช่วยกันสร้างความดีทุกคน
ทุกดวงจิต เยอะแยะมากมาย ก็จะถึงนิพพาน เช่นเดียวกันนะลูก.. จงตั้งใจเถิด
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา.. แล้วคนที่เขาได้ฟังธรรมทุกวัน ล่ะเจ้าคะ
.. เขาจะก่อเกิดอานิสงส์ผลบุญเช่นไรล่ะเจ้าคะ ?
พระยาธรรมเอ๋ย.. คนที่ได้มีโอกาสฟังธรรม ก็เหมือนได้มีโอกาสให้คนชี้ทาง บอกทางนิพพานแก่เรา แต่จะได้หรือไม่นั้น.. ขึ้นอยู่กับเรา จะปฏิบัติตามหรือเปล่า ?
++ ถ้าฟังเฉยๆ ไม่ได้นำไปประพฤติ ปฏิบัติตามนั้น ผลที่จะได้รับ สิ่งที่จะก่อเกิดที่ดีแก่ตนนั้น ย่อมไม่มีผลอะไร...
-- กลับเสียเวลา เสียดายธรรม ที่ได้ยินได้ฟังอีกด้วยซ้ำไป..
แต่ถ้าเกิดว่าเราฟัง / เราน้อมเข้าไปสู่จิตสู่ใจ / น้อมประพฤติ ปฏิบัติตาม
-- ผลที่จะตามมาดีๆมากมาย ย่อมก่อเกิดขึ้น เพราะธรรมทั้งหลายที่แสดงไปนั้น.. ล้วนแล้วแต่ ชี้บอกเหตุที่เป็นทุกข์ และชี้บอกทางที่พ้นทุกข์ อย่างชัดเจน ++
ฉะนั้น ลูกทั้งหลาย.. ผู้ฟังธรรม แล้วน้อมปฏิบัติตาม -- ย่อมได้ผลมากมาย
และผลสูงสุด คือ “เข้าถึงพระนิพพาน” ได้ลูก
.. เพราะเป็นหนทางที่ชี้บอก ที่เดินเข้าสู่นิพพานโดยตรง ไม่อ้อมค้อม
ทำความเข้าใจได้ง่าย -- ขอเพียงแค่ปฏิบัติตาม !
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา.. แต่ว่าธรรมะที่ลูกแสดง หรือว่า น้อมจากพระพุทธองค์ไปแสดงนั้น เป็นธรรมะที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก
มีหลายครั้งที่ฟังผ่านๆแล้ว ก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่า ถ้าเกิดว่าเราตั้งใจ นั่งหลับตาเลย แล้วก็เอาจิตใจของเราเข้าไปสู่โลกแห่งธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดง คือ น้อมจิตตามพระยาธรรม แล้วก็น้อมฟังตามคำสอนของพระพุทธองค์ ด้วยสมาธิอย่างแท้จริง.. จะทำให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของคำสอนนั้นๆเลย น่ะเจ้าค่ะ
การที่เราฟังธรรม เราต้องทำอย่างนี้หรือเปล่าเจ้าคะ ? เราถึงจะเข้าใจ
เพราะว่าธรรมของพระพุทธองค์ทรงสอนสั่งนั้น.. เป็นธรรมที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน น่ะเจ้าค่ะ
พระยาธรรมเอ๋ย.. ธรรมะจากองค์พระพุทธเจ้า ล้วนแล้วแต่..
* เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ลูก
* เป็นสิ่งที่ต้องใช้จิตใช้ใจ เข้าไปสัมผัส ค้นหา เรียนรู้..
-- ถึงจะเข้าถึง และเข้าใจได้ ลูก !
ฉะนั้น.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากระทำความดี คือ การฟังธรรมก็ดี / การสวดมนต์ก็ดี / การพิจารณาธรรม ตามเสียงที่ได้ยินต่างๆทั้งหลาย.. เรื่องอะไรก็ตาม ลูก
-- เราต้องใช้จิตใช้ใจ น้อมเข้าไปในเรื่องนั้นๆด้วย -- เราจึงจะเข้าถึง สัมผัสได้ รู้แจ้งธรรมที่ชี้บอกนั้น ลูก
เราต้องตั้งใจนั่นแหละ ดีแล้ว พระยาธรรม..
ฟังแล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจ เอาจิตเอาใจเข้าไปสัมผัส ในความรู้สึกของธรรมเหล่านั้นด้วย
.. อย่างที่ลูกบอกมานั่นละ - จึงจะเกิดผลแก่ตัวของเรา **
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา.. แล้วดวงจิตที่เขานั้น ฟังธรรมไม่ค่อยจะรู้เรื่องล่ะเจ้าคะ แม้จะตั้งใจ ก็ไม่รู้เรื่องแบบนี้น่ะเจ้าค่ะ
.. ดวงจิตเหล่านั้น เขาจะต้องทำแบบไหน ยังไง เขาถึงจะรู้เรื่องในธรรมมากขึ้นล่ะเจ้าคะ ?
พระยาธรรมเอย.. ธรรมนั้นมีหลายระดับ ลูก
ถ้าเราฟังระดับนี้ไม่สามารถเข้าใจ -- เราก็ไปฝึกฝนฟังธรรมในระดับอื่น ที่เราพอจะเข้าใจ
...ตามระดับภูมิจิตของเรา และค่อยๆพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
ขอเพียงแค่ตั้งใจศึกษา ทำความดีอย่างแท้จริง สั่งสมความดีไปเรื่อยๆ ภูมิจิตเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ
-- แล้วลูกก็จะเข้าใจถึงธรรมที่ละเอียด ได้เอง ++
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาอธิบายสิ่งที่ลูกคาใจ ข้องใจต่างๆ ตอบเป็นธรรมให้ลูก ได้เข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตานะเจ้าคะ วันนี้ลูกกราบขอลาก่อน พระพุทธเจ้าค่ะ…
สาธุ