ในเช้าของวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ณ วัดหลวงปู่บุญรอด
พระยาธรรมิกราช ได้ขึ้นเข้าเฝ้าฟังธรรม จากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงได้ทูลพระพุทธองค์ให้ทรงทราบ ดังนี้ว่า
ฯ ล ฯ
วันหนึ่ง ลูกทำสมาธิไปเจอกับ*หลวงปู่ชาฯ*
หลวงปู่ชา ท่านทรงปรากฏกายให้ลูกได้เห็น รูปลักษณะเหมือนกันกับตอนที่ท่านเป็นมนุษย์อยู่
ลูกเกิดความสงสัย จึงได้เฝ้าทูลถามว่า เหตุใดหลวงปู่นิพพานแล้ว จึงปรากฏกายเช่นนี้
ให้ลูกได้เห็น
หลวงปู่ท่านทรงกล่าวว่า เหตุที่ต้องการให้เห็น เพราะว่าต้องการที่จะเป็นกำลังใจให้ผู้ประพฤติดีปฏิบัติดี
การที่ดวงจิตดวงหนึ่ง ทรง*สังฆานุสติ* ทรงอารมณ์เช่นนี้ไว้
ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เป็นกำลังใจในการทำความดี และย่อมถึงซึ่งนิพพานได้
เปรียบเสมือน การที่หลวงปู่ท่าน เอารูปกายของท่าน มาต่อดวงจิตของลูก
ให้เชื่อมต่อสู่พระนิพพาน เพราะหลวงปู่ท่านทรงอยู่ในนิพพาน ย่อมเป็นการดี
และดวงจิตที่จะได้เห็น ก็จะต้องเป็นดวงจิตที่ละเอียดแล้วเท่านั้น
ลูกจึงเข้าใจในสภาวธรรมนี้ด้วย และยังมีธรรมะอีกมากมายเลย พระพุทธเจ้าค่ะ
ฯ ล ฯ
(ราบละเอียดปรากฏในคลิป พุทธธรรมกฎแห่งกรรม วันที่ 18 ธันวาคม 2562 ตอนที่ 138 ข้ามฝั่งทะเลทุกข์ มีความยาวมาก จึงไม่นำมาเสนอทั้งหมด )
*สังฆานุสติ* เป็นอย่างไร ลองพิจารณาดูครับ
พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 9 กันยายน 2560
ตอนที่ 171 สังฆานุสติ แบบที่ ๑
พุทธธรรมสำหรับนักบวช ในเย็นของวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560 ณ .พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรม
เมื่อข้าพระพุทธเจ้า ได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น
จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า
ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา
วันนี้ ลูกจะขอทูลถามถึงกรรมฐาน กองที่ 23
คือ การทรงอารมณ์ไว้กับ *พระสงฆ์* เพื่อเข้าสู่ฌานสมาธิ หน่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงชี้ทางสว่าง ในกรรมฐานกองที่ 23 แบบที่ 1
การทรงอารมณ์ไว้กับพระสงฆ์ ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้าฯ
พระยาธรรมเอย... แล้วลูกนั้นคิดว่า อะไรคือ สิ่งแทนพระสงฆ์
จะสามารถพิจารณา หรือว่าน้อมนึกถึงพระสงฆ์อย่างไรเล่า จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด
พระยาธรรม : สาธุเจ้าข้าฯ
ลูกคิดว่า *พระสงฆ์* ก็คือ ผู้ที่สืบทอดพระศาสนา รุ่นสู่รุ่น ยุคสู่ยุค
ที่เป็นผู้ประพฤติ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนสั่งของพระพุทธองค์ ตามศีลบัญญัติ
ประพฤติดี ปฏิบัติดี ที่ยังคงรักษาแนวทางเอาไว้อยู่ หน่ะเจ้าข้าฯ
และพระสงฆ์ ก็คือ...* ศีล* ...คือ *การปฏิบัติดี*... คือ *การชำระกิเลส เพื่อดับการเกิด*
สิ่งเหล่านี้ ก็คือ *พระสงฆ์*
ถ้าใครที่มีสิ่งเหล่านี้คลุมอยู่ ในดวงจิต หรือตัวบุคคลผู้นั้น
บุคคลผู้นั้น ก็ได้ชื่อว่า พระสงฆ์ หน่ะเจ้าข้าฯ
ฉะนั้น พระสงฆ์ คือ “ตัวบุคคล” ก็ได้ คือ “สิ่งที่ทำให้เป็นพระสงฆ์” ก็ได้เจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ก็ดีแล้วหละ พระยาธรรม... ถูกต้องตามที่เข้าใจแล้วหละลูก
พระสงฆ์นั้น จะนึกถึงเป็นตัวบุคคลก็ได้ หรือว่า จะนึกถึงศีล ที่ให้ทุกคนสมาทาน
จึงได้ขึ้นชื่อว่า *สงฆ์* คือ *สิ่งที่ทำให้เป็นพระสงฆ์*
ผู้ที่ประพฤติ ปฏิบัติตามศีล ที่สมาทานไว้แล้ว จึงเป็น พระสงฆ์
จึงเป็นได้ทั้งตัวบุคคล และศีล หรือว่า การประพฤติตามความเป็นสงฆ์นั่นหละ... พระยาธรรม
ทีนี้ ลูกคิดว่า จะน้อมนึกถึงพระสงฆ์อย่างไรเล่า จึงจะสามารถเข้าสู่ฌานได้ ถ้าหากเป็นตัวของลูกเอง
พระยาธรรม : สาธุเจ้าค่ะ หนูคิดว่าอย่างนี้เจ้าค่ะ
หนูคิดว่า จะหลับตาลง ภาวนา แล้วก็ตั้งจิตอธิษฐาน
ขอถึงพระอริยะสงฆ์เจ้า เป็นที่พึ่ง
ขอถึงพลังแห่งพระสงฆ์ สิ่งที่ทำให้ก่อเกิดสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
แล้วก็น้อมถึงพลังเหล่านั้น ให้เข้ามาสู่ศูนย์กลางกายของหนู ให้หนูมีพลังแห่งพระสงฆ์
หนูก็จะเข้าสู่การรู้ เห็น ความเป็นพระสงฆ์ในทางทิพย์ ที่หนูเจอ หน่ะเจ้าค่ะ
พระยาธรรมเอย... ถ้าทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ ต้องเป็นกับคน ที่มีสภาวะทิพย์ชัดเจนแล้ว
ต้องเป็นกับคน ที่มีพื้นฐานในระดับหนึ่งแล้ว ลูก
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พระยาธรรม... ถ้าอย่างนั้น ก็ลองฟังตามนี้ดูนะ ลองทำตามดู
จะได้ทำกันได้ทุกคน ไม่ว่าเคยฝึกมา หรือว่าไม่เคยฝึกมาก็ตาม
เคยเห็นรูปขององค์พระพุทธเจ้า ที่สวมจีวรสีเหลือง อย่างนั้นหรือเปล่า
เคยเห็นรูปของหลวงปู่ หลวงพ่อ ที่เป็นพระอริยะสงฆ์เจ้าแล้ว เป็นพระอรหันต์แล้ว
อย่างนั้นหรือเปล่า ...ถ้าเคยเห็น ก็ลองทำอย่างนี้ดู นะลูกนะ
ลองจับภาพ จำภาพนั้นให้ได้ก็แล้วกัน จำในแบบที่เป็นสงฆ์ หนะลูก
เอาละนะ เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็วางมือทั้ง 2 ข้าง แบไว้ที่หัวเข่า
ผ่อนใจ ผ่อนกายของตน ให้สว่าง ให้ว่างโล่ง ไม่ต้องนึกถึงอะไรอื่นๆ
ตอนนี้ตั้งจิตไว้เพียงแค่อย่างเดียว ว่า จะน้อมนึกถึง ภาพแห่งพระอริยะสงฆ์เจ้า
องค์ใดองค์หนึ่ง ให้ปรากฏชัดเจน อยู่ต่อหน้าของเรา
ทีนี้ ก็ให้นึกภาพหลวงปู่ หลวงพ่อ พระอาจารย์
องค์พระอริยะเจ้าองค์ใดก็ตาม ที่เราพอจะนึกออก นึกภาพนั้นขึ้นมาลูก
แล้วตั้งสมมุติว่า หลวงพ่อท่าน นั่งอยู่ตรงหน้าของเรา
อย่างเมืองไทยที่ลูกนั้นอยู่กัน ถ้าจะจำกันได้ง่าย ก็น่าจะเป็น
*หลวงปู่โต* หรือว่า *หลวงปู่มั่น*... *หลวงปู่เสาร์*
หรือว่าอาจจะเป็น *หลวงปู่ทวด* เอาแบบที่ลูกนั้น จำกันได้ติดตา นะลูก
แล้วเรา ก็นั่งดูภาพหลวงปู่ ที่เรานึกภาพขึ้นมานั้น ท่านคือ พระอริยะสงฆ์
ท่านคือ ผู้มีศีลบริสุทธิ์ ท่านคือ ผู้รักษาความเป็นสงฆ์ไว้ ได้อย่างดี
เราก็จับภาพนั้นเอาไว้ในใจของเรา อาจจะน้อมนึกถึงหลวงปู่องค์นั้น ที่เรานึกขึ้นได้ว่า
หลวงปู่เจ้าขา.. ขอหลวงปู่ส่ง*พลังทิพย์*ลงมา ให้ลูกหลานได้น้อมพลังทิพย์จากหลวงปู่
.จากพลังของการบำเพ็ญ ขอให้ลูกหลานทั้งหลาย ได้เห็นหลวงปู่อย่างชัดเจน
ได้ปรากฏพลังแห่งทางทิพย์ ให้จิต กาย และใจ ของลูกหลานนี้
ได้เข้าถึง*ความสงบสุข* ด้วยเถิดเจ้าข้าฯ เราอาจจะอธิษฐานเช่นนี้ เป็นต้น
เมื่อเรา*จำภาพ*แห่งพระอริยะเจ้าองค์นั้น ว่าอยู่ตรงหน้าของเรา
ภาพก็จะค่อยๆเปลี่ยนสี ตามกำลังฌานของเรานะลูก
จากที่เรานึก กายของท่านก็เป็นร่างกายเนื้อ เหมือนกันกับเรา
เราเห็นท่านคล้องจีวร ก็สีเหมือนพระสงฆ์ทั่วไป
แต่พอเรามองดูที่รูป ที่เราจำภาพนั้นได้ ท่านเกิดการเปลี่ยนสี
จากสีจีวรเหลือง กลายเป็นขาว
จากสีผิวของท่าน เป็นสีเนื้อ กลายเป็นขาว และสว่างไสว แวววาว
พระวรกาย หรือว่ากายของท่านนั้น กลายเป็นสีขาว สว่างไสว
ดุจดังไข่มุก ที่มีแสงสะท้อนอยู่ด้วย
และภาพของท่าน ก็อาจจะปรากฏชัดเจนแก่เรามาก
เหมือนคล้ายคลึงกันกับว่า ท่านนั้น องค์ขนาดโตกว่าเดิม อยู่ใกล้เรามาก
หรือบางคนอาจจะเห็นภาพนั้น เล็กลงๆ
เล็กลงจนภาพนั้นเล็กนิดเดียว แล้วก็ขยายใหญ่ โตขึ้นๆ
เคลื่อนไหวไปมา อย่างนั้น
บางคนเมื่อมองภาพนั้นไปเรื่อยๆ ก็จะพบ หรือว่าเห็นกับหลวงปู่
ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับมนุษย์เรา พูดได้ คุยกับเราได้
เราได้ยินเสียงท่าน เห็นท่านขยับตัว เหมือนกันกับมนุษย์เราเลย
เพียงแต่มีแสงสว่าง สว่างมาก จากตัวของท่าน
หรืออาจจะเห็นในรูปลักษณ์ รูปแบบอื่นๆ แตกต่างกันไป ตามฌานของแต่บุคคล
เราก็ตั้งจิตอยู่กับหลวงปู่ หลวงพ่อองค์นั้นไป
จนกว่าเราจะรู้สึกว่า สว่างมากๆ
กายของเรานั้น ก็เป็นแก้วใส สว่างไสวกันไปหมด
เมื่อสว่างแล้ว บางคนก็อาจจะเข้าไปสู่โลก ที่หลวงปู่ท่านอยู่ ที่ที่ท่านอาศัยอยู่
ไปรู้ไปเห็นการดำรงชีวิตอยู่ ในรูปแบบอีกแบบหนึ่งของท่าน
รู้ว่า ท่านไปนิพพานแล้ว หรือเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ดี
คอยช่วยดูแลปกปักษ์รักษา ศาสนาให้สืบทอดไป อยู่ในทางทิพย์
เราอาจจะได้ไปรู้ ไปเห็นสิ่งเหล่านั้น
หรือไม่บางที เราก็อาจจะพิจารณา ด้วยการรับพลังแสงสว่างนั้น ไปเรื่อยๆ
เห็นกายของหลวงปู่ ตั้งแต่เป็นมนุษย์
และท่านก็ละทุกอย่าง บำเพ็ญตน จนกายแห่งมนุษย์ของท่านนั้น
ก็เสื่อมสลาย ถูกเผา ถูกทำลาย พังไป
แต่ด้วยความดีที่หลวงปู่ สร้างและทำไว้
จิตของหลวงปู่จึงมีแสงสว่างมากมาย ปราศจากความทุกข์ใดๆทั้งปวง
หลวงปู่ท่านสิ้นแล้วจากโลก สิ้นแล้วจากกิเลสและตัณหา ท่านเลยมีความสุข เช่นนี้
หลวงปู่ท่าน ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันกับเรา เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
แต่เป็นเพราะว่า ท่าน * ได้ออกบวช รักษาศีล * ตามที่ตนนั้นได้สมาทานเอาไว้ เป็นอย่างดี
* ประพฤติ ปฏิบัติความดี เพื่อชำระกิเลสตัณหา* ตามรอยขององค์พระพุทธเจ้า
บัดนี้ ท่านจึงมีสภาวธรรม เป็นเช่นนี้
ถ้าคนที่*หลงอยู่ โลภอยู่ โกรธอยู่* เขาก็ตายเหมือนกัน
สิ้นจากโลก เหมือนกันกับหลวงปู่องค์นี้
แต่บัดนี้ เขาจะมีรูปลักษณ์ รูปร่าง เป็นเป็ด เป็นไก่ อาจจะอยู่ในนรก
หรือว่ากลับมาเกิดเป็นคน ก็ยังทุกข์ ดิ้นรนขวนขวายอยู่
เราจะเอาแบบหลวงปู่บ้างดีกว่า รักษาศีล ทำตนให้เป็นพระอริยเจ้า สลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมี
ที่มันสมมุติขึ้นมาว่า มี เหล่านั้น ตัด และถอดถอน *ความลุ่มหลง* ต่างๆ ทิ้งไป
อยู่แบบหลวงปู่ น่าจะมีความสุขกว่า ที่ไปจมอยู่ในกองขยะ ที่คิดว่า เป็นเพชร เป็นทองคำ
เราก็พิจาณาธรรมไป ตามความเป็นจริงไป อยู่กับหลวงปู่ไปเรื่อยๆ
อาจจะทรงสมาธิไว้ กับพระอริยะสงฆ์เจ้าองค์นั้น จนสว่างไสว
จนจิตของเรานั้น เข้าไปสู่ความสงบ ที่สงบมาก
เข้าถึงความละเอียดอ่อน ที่อยู่ในกายของหลวงปู่ ที่เห็นกายของหลวงปู่นั้น
เป็นอากาศธาตุใส หลวงปู่ท่านจะปรากฏพระวรกายให้เราเห็น ก็ได้
ตามที่ท่านนั้นจะทำ ตามเหตุปัจจัยอันสมควร
ท่านจะทำให้กายของท่าน สลายไปในอากาศ เราก็รู้ ก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น
จนจิตของเราละเอียด นิ่ง สว่าง และสงบ อยู่กับสภาวธรรมที่เป็นเช่นนั้น
กรรมฐานเช่นนี้ จะสอนให้เรานี้ รู้ถึง *การออกบวช*
รู้ถึงผลสำเร็จ ที่ถ้าตั้งใจแล้ว จะได้รับ ได้เจอกับอะไร
ได้เข้าใจถึงคำว่า *ดับการเกิด* เป็นเช่นไร
กรรมฐานเช่นนี้ จะช่วยให้ลูกนั้น มีกำลังใจขึ้นมา
จะช่วยให้ลูกนั้น ขยัน อดทน ขยันขันแข็งขึ้นมา ในการประพฤติดี ปฏิบัติดี
ดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายในชีวิต
ลูกนั้น ก็จะมีพลังแห่งจิตใจ ที่คิดไปในทางที่ดี ขวนขวายสร้างบารมีได้ ลูกเอ๋ย
ยังเกิดสติ และปัญญา รวมถึงยังนำพาให้ลูก เข้าถึงสมาธิได้ด้วย
พระยาธรรมเอย... การฝึกฝนขั้นต้นของ การระลึกนึกถึง *พระสงฆ์*
ก็ให้ระลึกถึง พระอริยะสงฆ์เจ้า องค์ใดองค์หนึ่ง เช่นนี้หละ
ให้นึกภาพของท่าน จนภาพนั้นกลายเป็นรูปแบบอื่น ที่เราไม่ได้นึกแล้ว
แล้วก็ตามสภาวธรรมนั้นไป บางทีอาจได้ฟังธรรมจากท่าน
บางที อาจได้รู้ ได้เห็น การไปแล้วจากโลกของท่าน ว่าท่านไปอยู่ยังไง
บางที อาจได้เห็น ได้รู้ ความเป็นคนธรรมดา สู่ความไม่ธรรมดาของท่าน
ความสงบ และสว่าง ก็จะก่อเกิดแก่ลูกด้วย
พระยาธรรมเอย... ลูกนั้น เมื่อฝึกฝนเช่นนี้ ก็จะพากันบังเกิดผลมากมาย อย่างนี้หละ
ลองประพฤติเช่นนี้ดู ปฏิบัติเช่นนี้ดู ก็แล้วกันนะลูก
ลองดู แล้วลูก จะรู้เองว่า ผลเป็นเช่นไร
พระยาธรรม : สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังเจ้าค่ะ
ลูกจะน้อมไปประพฤติ ปฏิบัติตาม เพื่อที่จะได้พิสูจน์ให้รู้ ให้เห็นด้วยตนเอง
แล้วลูกก็จะเผยแผ่ ให้ทุกคนได้ทำตามด้วย เจ้าค่ะ
วันนี้ ลูกกราบขอลาก่อน นะเจ้าคะ
วันพรุ่งนี้ จะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่.. เจ้าค่ะ..สาธุ
#..วิธีจับภาพหลวงปู่ดู่เป็นกสิณ..#
< ร่วมแชร์เป็นธรรมทาน เหมือนร่วมงานกับพระโพธิสัตว์ >
1. การจับภาพหลวงปู่จะใช้ภาพไหนก็ได้ เพราะฝึกไปนาน ๆ ภาพจะสลับไปสลับมาอยู่แล้ว จะใช้ภาพไหนก็ได้ เวลามองภาพหลวงปู่ มันก็จะเข้าไปที่ใจ แล้วออกที่ธาตุ เช่น เกิดปิติ แต่ถ้าภาพท่านเปลี่ยน แสดงว่าหลวงปู่เข้าไปที่ใจ
2. เราเพิ่งเริ่มต้น เราต้องจดจ่อที่ไหนที่หนึ่งไปเรื่อย ๆ เช่น นั่งดูรูปหลวงปู่ไปเรื่อย ๆ ก็ได้ พยายามทำให้ได้ก่อน จะได้ไม่ต้องไปฝึกใหม่ ต้องขยันและมีความสม่ำเสมอ เวลาตั้งใจสวด กระแสจะเข้าที่จิต แล้วเดี๋ยวมันจะออกทางธาตุ
3. จับภาพหลวงปู่ได้ ภาวนาไป แค่สิบปี รู้หมดทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ ไม่มีเรื่องใดที่ไม่รู้ มองภาพหลวงปู่แล้วเกิดศรัทธาในท่าน พลังงานของท่านก็มายังเรา แล้วเราก็สามารถแผ่ไปตามที่นึกได้
4. เวลาส่งวิญญาณก็จับภาพหลวงปู่ แล้วก็นึกภาพหลวงปู่ซ้อนไปในสิ่งที่เราจะส่ง ถ้ามีเวลาก็สัพเพ
5. ภาพท่านมีพลังงาน ภาพท่านมีชีวิต มองท่านแล้วผ่านได้ทุกภูมิ ทั้งสามแดนโลกธาตุ แค่จับภาพหลวงปู่ และสวดจักรพรรดิแค่นั้น เราเอากระแสจิตไปอยู่ที่หลวงปู่
6. บทสวดเป็นตัวเชื่อมเรากับพลังงาน ถ้าเรามีกระแสอยู่ที่หลวงปู่ อยู่ที่จักรพรรดิ กระแสเรากับกระแสท่านอยู่ด้วยกัน แค่มองรูปก็พอ ให้อธิษฐานเอา
7. แนวปฏิบัติเริ่มแรกก็ให้นึกถึงหลวงปู่ นึกถึงพระที่แจกไป ให้จิตนึกถึงพระบ่อย ๆ ในเวลาที่เราว่าง จับภาพให้ชัด มองภาพไป นึกถึงภาพ นึกถึงพลังงาน เหมือนเรียนด้วยใจ
8. จับภาพยังไงถึงเรียกว่าคล่อง เวลานึกทีไรก็มีความรู้สึกทุกที หรือถ้านึกอะไร ก็ได้ตามที่นึก ถือว่าใช้ได้ ถ้ายังทำไม่ได้ ให้ตั้งหลักสวดใหม่ หรือนึกถามอะไรที่เราไม่รู้ก็จะมีคำตอบ นี่แหล่ะความคล่องหล่ะ
9. ภาพท่านเป็นทั้งสังฆะ และพุทธะ เพราะท่านเป็นโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว ท่านก็เปรียบเหมือนพุทธะ จับภาพท่านได้ตลอดแล้ว ไม่ต้องสวดก็ได้ ที่ให้สวดเพราะเป็นพลังงานกับจิต แค่คิดก็ไปแล้ว
10. ทรงภาพท่านต้องทรงอารมณ์สบาย ๆ มีความเมตตา ภาพจะได้ชัด เน้นสบาย ๆ ทำไปเถอะ
รวบรวมข้อความจากหนังสือ
คติธรรมคำสอนหลวงตาม้า...