พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 11 พฤษภาคม 2561
ตอนที่ 338 **เคล็ดลับการเป็นพระอรหันต์**
+ +
ในเช้าของวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้า ต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า…
ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
“ พระองค์ทรงเมตตาสอนแนวทางการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ ให้ลูกได้ฟังแล้ว 4 วิธี หรือว่า 4 แนวทาง
แต่ทีนี้ ลูกก็ยังมีความสงสัยอีกอย่างหนึ่งอย่างนี้ว่า.. มันมีวิธี ที่จะทำให้ตนเข้าสู่การเป็นองค์พระอรหันต์แบบง่ายๆ หรือเป็นเคล็ดลับ ที่จะทำได้ง่ายกว่าปรกติ น่ะเจ้าค่ะ
มันมีวิธีเหล่านั้นหรือเปล่าเจ้าคะ แล้วถ้าหากว่ามี มันเป็นวิธีไหนบ้างละเจ้าคะ ? ที่จะช่วยให้เรา เหมือนมีเคล็ดลับ มีแนวทางลัดที่จะไปสู่การพ้นทุกข์ น่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิด พระพุทธเจ้าค่ะ “
- - - -
เอาละนะ พระยาธรรมเอย.. ถ้าอย่างนั้นก็จงตั้งใจฟังให้ดี เพราะนี่คือ สิ่งที่จะช่วยให้ดวงจิตทั้งหลาย ไปสู่พระนิพพานได้อย่างรวดเร็วขึ้น.. ถ้าหากว่าทำตามนี้ได้
ดีแล้วละ ที่รู้จักคิดคำถาม รู้จักสงสัยในข้อต่างๆ
ก็ดีเหมือนกัน.. เผื่อคนอื่นๆ เขาก็จะได้รู้ตาม เข้าใจตามลูกนั้นด้วย
พระยาธรรมเอ๋ย.. วิธีของการที่จะทำให้ไปสู่พระนิพพานได้ไวขึ้นกว่าปกติ มีดังนี้ลูก..
ข้อที่ 1* - เราต้อง
/ ฝึกฝนตนเอง ให้เป็นคนที่เชื่อฟัง ไม่มีทิฐิ อัตตาตัวตน ให้มันมากเกินไป.. จนมันเป็นอุปสรรคขวางกั้น
/ ฝึกฝนตนเอง ให้เป็นคนว่านอนสอนง่าย
/ ฝึกเราให้อยู่ในกรอบของการรู้ตาม ทำตาม อย่างเคารพศรัทรา โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทดลองจับไฟด้วยตนเอง โดยที่ไม่ต้อง ไปลอง ไปฝึก ไปเรียนไปรู้ให้มันมากมาย จนเสียเวลาไป...
จิตก็มีหลายรูปแบบ
บางกลุ่ม - ก็ดื้อจนเกินไป จนไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมฟังใคร
บอกว่าจับไฟแล้ว มันร้อน.. ก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
- ต้องจับเอง จึงจะค่อยเชื่อว่า มันร้อน -
บางกลุ่มดวงจิต - เขานั้นก็เชื่อฟัง ถ้ามีคนจับก่อนแล้ว แล้วบอกว่าร้อน อย่าจับเลย เขาก็จะเชื่อฟังและทำตามเลย โดยที่ไม่ต้องลองอีก
บางกลุ่ม - ก็รู้อยู่ ว่ามันร้อน ก็เข้าใจอยู่ และก็เชื่ออยู่
- แต่จิตนั้นก็ดื้อไปทางอื่น ไม่ได้ใส่ใจ เชื่อฟังในสิ่งที่สอน ไม่ได้สนใจ
.. มันก็เลยเป็นเหตุให้เบี้ยวไปทางโน้นบ้าง เบี้ยวไปทางนี้บ้าง เสียเวลา ..
ถ้าหากว่าเราปรารถนาที่จะไปสู่พระนิพพานได้อย่างรวดเร็ว - เราก็ต้องฝึกจิตของเราให้อยู่ในกลุ่มดวงจิตแบบกลาง คือ เชื่อฟัง เมื่อมีคำสอนที่สอนไว้ว่า..
ทางนี้ไม่ถูกต้อง - ก็จะไม่ลอง ไม่ทำตาม
ทางนั้นไม่ดี - ก็จะไม่ลอง ไม่ทำตาม
ทางนี้ดี - ก็จะลอง ก็จะทำตาม
.. ทำตามแต่ทาง ที่ได้บอกได้กล่าวเอาไว้แล้ว..
เพราะในความเป็นจริงน่ะลูก.. หนทางที่ได้สร้างเอาไว้อย่างถูกต้องนั้น มันมีอยู่แล้ว **
การที่เราจะต้องไปลองจับไฟเอง ไปทุกข์ ไปทรมาน ไปฝึก ไปทำด้วยตัวของเราเอง หรือว่าดื้อจนเกินไป ตึงไปหย่อนไป
- ไม่อยู่บนเส้นทางขององค์พระพุทธเจ้าที่สอนเอาไว้..
คอยแต่จะหลงไปทางตึงบ้าง หลงไปทางหย่อนบ้าง
กว่าจะดึงมาอยู่ในทางสายกลางได้.. ก็เสียเวลาไปมาก !
ถ้าหากว่าเราฝึกฝนตัวเรา ให้เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย
เรารู้ว่าองค์พระพุทธเจ้าสอนให้มีศีลธรรม สมาธิ ปัญญา สอนให้ประพฤติปฏิบัติตามทางสายกลาง สอนให้เราฝึกสมาธิในกองต่างๆทั้ง 40 กอง - ตามที่เรานั้นชอบ หรือว่าตรงกับนิสัยจริตของเรา
.. เราก็แค่ฝึกไป ทำตามไป โดยที่ไม่ต้องลองเองก็ได้ เพราะว่าองค์พระพุทธเจ้าลองแล้ว และก็บอกทางที่ถูกต้องเอาไว้แล้ว เป็น*ทางสายกลาง*
เมื่อเราสามารถประพฤติตนเช่นนี้ เราก็จะสามารถไปได้ไวกว่าคนอื่นที่ดื้ออยู่ ลองอยู่ เรียนอยู่ รู้อยู่.. แต่มันต้องใช้เวลาเรียนรู้มากมาย !
รวมถึงบางที ถ้าเกิดว่า เราเจอกับครูบาอาจารย์ ที่เรามั่นใจว่า ท่านนั้นไปถึงซึ่งการเป็นองค์พระอรหันต์แล้วอย่างแน่นอน.. เราก็ถามท่านว่า ท่านไปทางไหน - แล้วเราก็แค่เดินตามทางของท่าน โดยที่ไม่ต้องดื้อ ไปเรียน ไปลองไปรู้เอง
ทำตนให้มัน ปราศจากทิฐิอัตตาตัวตน
ทำตนให้มัน อ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน
ทำตนให้มัน ว่านอนสอนง่าย
ทำตนให้มันอยู่ในกรอบของการทำความดี ที่มีเอาไว้อยู่แล้ว
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. ก็จะสามารถที่จะทำให้เรา เข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ได้ไวขึ้น ไม่เสียเวลาเรียนรู้ลองจับไฟ..
- กว่าจะหายเจ็บ กว่าจะหาทางเจอ มันช้าไปเยอะ +
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. ข้อที่ 1 คือการทำตนให้เชื่อฟัง ให้ว่านอนสอนง่าย
ต่อไปข้อที่ 2* เราต้องมีกรรมชั่วน้อย มีกรรมดีมาก
คือ ในสิ่งที่เราเคยพลาดพลั้ง ไปทำในสิ่งที่ไม่ดีนั้น - มันต้องไม่มีมากมาย จนมาเป็นกองทุกข์
เป็นอุปสรรค เป็นสิ่งกีดขวางทางเรา
.. และเราต้องได้สร้างกรรมดีเอาไว้มากแล้ว..
เมื่อไม่มีกรรมชั่วมากมายมาตัดรอน / กรรมดีก็ได้ทำเอาไว้มากอยู่แล้ว..
- เราก็แค่สานต่ออีกสักนิดสักหน่อย มันก็จะไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ++
แต่ถ้าเกิดว่ามีกรรมวิบากมาก
ต่อให้เราจะตั้งใจยังไง.. เราก็ต้องรอรอบของการเคลียร์บิลกรรมเหล่านั้น และกรรมเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอุปสรรคเข้ามากีดขวางตัวของเรา !
ถ้าหากว่าไม่ได้มีกรรมดีเอาไว้มาก กว่าเราจะเริ่มต้นสั่งสมกรรมดี มันก็ต้องใช้เวลามากด้วย
ฉะนั้น.. สิ่งที่เราจะเข้าสู่ทางลัด เข้าสู่พระนิพพานได้อย่างว่องไวอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ต้องมีกรรมชั่วน้อย ต้องมีกรรมดีไว้มากอยู่แล้ว มันจะช่วยรักษาเวลาให้มันไวขึ้น เวลาที่เราจะเข้าสู่พระนิพพาน - ให้มันน้อยลงกว่าเดิม
ถ้าเกิดเรามีกรรมชั่วมาก ใช้กรรมนาน
มีกรรมดีน้อย สร้างกรรมดีอีกมาก
-- มันย่อมใช้เวลามากว่ากัน.. ลูกเอ๋ย --
ต่อไปข้อที่ 3* มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความเพียร มีสัจจะ มีความอดทน สิ่งเหล่านี้เราต้องมีอยู่ในตัวของเราลูก การที่เราทำอะไรก็ตาม หากว่าเราไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งที่ทำแล้ว - ย่อมไม่ประสบความสำเร็จ!
ทำอะไรก็ตามลูก หากว่าเราไม่มีความเพียรเสียแล้ว.. เราก็จะทำไม่สำเร็จ ลูก
ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเพียรนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราไปถึงฝั่งแห่งฝันได้ไวขึ้น รวมถึงการมีสัจจะด้วย เช่นถ้าเกิดว่าตั้งสัจจะว่า เราจะรักษาศีลให้ครบ 5 ข้อ 8 ข้อ หรือตามที่ตนสมาทานเอาไว้ เราก็ต้องทำตามสัจจะที่ทำ ที่ตั้งเอาไว้นั้นให้มันได้ ถ้าเราไม่มีสัจจะเราก็เหมือนคนไม่มีขอบเขต หรือว่าไม่มี สิ่งที่เราตั้งไว้เป็นกำแพงให้เราต้องทำต้องได้อยู่ในกรอบนั้น เราก็ทำไปเรื่อยๆ ทำอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทาง ทำไปอย่างที่มันหาอะไรเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่เราจะทำไม่ได้
ฉะนั้น.. เมื่อเราตั้งสัจจะเอาไว้แล้วว่า เราจะทำให้ได้ยังไง เราก็ต้องรักษาสัจจะให้ทำให้ได้อย่างนั้น เพื่อตีกรอบตัวของเราเอง ไม่ให้วอกแวก ไปทางโน้นทางนี้ ทำให้เราไม่มีจุดยืนเป็นของตนเอง น่ะลูก
-- มันจะคอยพาให้เราเป๋ไปทางโน้น ทางนี้.. จะทำให้เรานั้นเสียเวลา หากเราเป็นคนไม่มีสัจจะ --
แล้วก็ต้องมีความอดทนด้วย.. เพราะถ้าเกิดว่าเราไม่มีความอดทน บางทีเราจะต้องพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่เราพยายามจะทำ จะเป็น จะไปให้ได้
- สิ่งเหล่านั้น ย่อมอาจต้องพ่ายแพ้ -
ลูกต้องมี ความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความเพียร มีสัจจะ และมีความอดทน ต้องมีสิ่งเหล่านี้เข้าช่วย
.. แล้วลูกก็
จะสามารถยืนอยู่บนความดีที่ตั้งใจว่าจะทำได้
จะสามารถทำความดีนั้นได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว
- ไม่เสียเวลาไปทางอื่น ++
ต่อไปข้อที่ 4* ต้องมีปัญญารู้แจ้งตามคำสอน ที่ได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน เข้าใจได้ง่าย
ลูกต้องฝึกปัญญาแห่งตนให้มีปัญญาด้วย
ต่อให้เรานั้นจะปรารถนาที่จะไปมากเพียงใด แต่ถ้าเกิดมีคนบอกทางหรือเราเห็นเส้นทาง ไม่มีปัญญารู้ตาม..เราก็ไม่สามารถเข้าใจปฏิบัติตามคำสอนเหล่านั้นได้ลูก ต้องมีปัญญารู้แจ้งตามคำสอน เข้าใจในคำสอนเหล่านั้นได้ง่าย
อย่างนี้นะลูกนะ.. ต้องฝึกปัญญาขึ้นมาด้วย แล้วก็สามารถที่จะเรียนรู้ตาม การปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง โดยการเข้าใจไงลูก เข้าใจในคำสอนอย่างถูกต้อง แล้วก็ปฏิบัติอย่างถูกต้อง
เช่น การรักษาศีล เราก็รู้ว่า.. รักษาศีลเพื่อละกิเลส การทำทาน ทำเพื่อละกิเลส และเจริญเมตตา จะได้อยู่ในกรอบของศีลได้ ทำความดีเพื่อละกิเลสไปนิพพาน ไม่ใช่ทำเพื่อหวังสมบัติในเรื่องนั้นเรื่องนี้ หวังลาภยศ สรรเสริญ ไม่ใช่แบบนั้น
คือ เราต้องเข้าใจถูกต้อง ตามหลักธรรมที่ถูกต้อง ตามแนวทางที่ถูกต้อง แล้วก็ทำต่อไปเรื่อยๆ
รวมถึงเราได้มีโอกาส พบเจอกับผู้ชี้ทางที่เป็นผู้รู้แจ้ง ที่สามารถทำตนจนเข้าถึงการพ้นทุกข์ได้แล้วอย่างแท้จริง คือองค์พระอริยะเจ้าในระดับต่างๆ
เราสามารถที่จะทำตนเองให้ดี ดีพอที่จะมีพลังงานที่ดี เชื่อมต่อเราไปหา ไปเจอกับ ผู้ที่รู้ทาง ผู้ที่มีปัญญาอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นพระอริยะเจ้าในระดับที่ 1* - ขึ้นไป
บุคคลเหล่านั้นก็จะมีปัญญาที่สอนให้เราอยู่ในกรอบของความดีที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะสามารถเรียนรู้จากผู้ที่เขารู้ทางอย่างแท้จริงนั้น.. ได้อย่างถูกต้องตามหลักธรรมอย่างแท้จริง +
โดยเฉพาะ ถ้าหากว่าเราไปเจอกับองค์พระอรหันต์ผู้ที่สำเร็จธรรมแล้ว.. เราก็จะยิ่งได้เปรียบมากกว่าที่เราเจอกับองค์พระอริยะเจ้า ในระดับต่างๆ
เพราะถ้าเกิดว่าท่านถึงระดับที่ 1 ท่านก็จะสอนตามแบบของท่าน ที่ 2, ที่ 3 ท่านก็จะสอนตามแบบของตน
แต่ถ้าเกิดว่าเราเจอกับพระอริยะเจ้าในระดับที่ 4 คือองค์พระอรหันต์นั้น **
... เราย่อมสามารถที่เรียนรู้ถึง ซึ่งพระนิพพานเลยทีเดียว **
ดังที่กล่าวมานี้ละ พระยาธรรม.. เป็น 4 ประการ - ที่จะนำพาให้ลูกนั้นมีทางลัดเข้าสู่พระนิพพาน เป็น *เคล็ดลับในการเดินเข้าสู่พระนิพพาน*
หากว่าลูกนั้นมุ่งมั่นตั้งใจประพฤติตนอยู่ในสิ่งเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดทั้ง 4 ประการนี้ในตัวของลูกได้ - นิพพานนั้นย่อมอยู่ไม่ไกล ++
ลูกนั้น ย่อมสามารถเดินทางลัดเข้าสู่พระนิพพานได้ไวกว่าปกติ ไวกว่าที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ครบอยู่ในตัวของลูก เพราะเหตุอื่นๆ สิ่งอื่นๆที่เข้ามาตัดรอน - มันก็จะมีอยู่มาก
เช่น..
ถ้าเกิดว่าเรา เป็นคนว่ายาก สอนยาก - ก็จะทำให้เสียเวลา
มีกรรมชั่วมาก มีกรรมดีน้อย - ก็จะเสียเวลา
ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ไม่มีความเพียร ไม่มีสัจจะ ไม่มีความอดทน - เราก็จะเสียเวลา
ไม่มีปัญญารู้แจ้งตามคำสอน ไม่เข้าใจได้ง่าย เข้าใจยากเหลือเกิน
- ทำตามปฏิบัติตามทางที่วางเอาไว้ให้ แต่ก็ทำถูกบ้าง ผิดบ้าง
และไม่ได้มีโอกาสพบเจอกับผู้ที่ชี้ทาง ที่เป็นองค์พระอรหันต์ เป็นพระอริยะเจ้าผู้ที่รู้ตื่นแล้ว ในการทำตนให้พ้นทุกข์
ถ้าเกิดว่าเราไม่มีโอกาสเหล่านี้.. ก็จะทำให้เราเสียเวลา
เพราะกว่าที่เราจะหาทางเจอ กว่าที่เราจะรู้จะเข้าใจ กว่าที่เราจะเห็นได้ด้วยตนเองนั้น มันต้องใช้เวลา ย่อมสามารถไปได้ แต่อาจจะช้ากว่า
นี่ละ พระยาธรรม.. คือสิ่งที่จะสามารถช่วยให้มีทางลัดเข้าสู่พระนิพพาน
-- เป็นเคล็ดลับในการสร้างตัว สร้างตนของตน.. ให้เป็นองค์พระอรหันต์ให้ได้ --
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตา แสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟังเจ้าค่ะ
ลูกก็พอจะเข้าใจแล้ว ว่าการที่เราทำตนให้เข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ในรูปแบบต่างๆ ตาม 4 รูปแบบที่พระพุทธองค์ได้กล่าวมา หรืออาจจะนอกเหนือจากนั้นก็ตาม.. เราก็ควรที่จะมี 4 ประการนี้ ที่พระพุทธองค์ได้กล่าวมา - อยู่ในเรา
... เราก็จะสามารถไปถึงพระนิพพานได้ไวกว่าปกติทั่วไป น่ะเจ้าค่ะ
พอจะเข้าใจอย่างนี้แล้วพระพุทธเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตา แสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟัง นะเจ้าคะ
ไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่ เจ้าค่ะ..
สาธุ