Syphilis Lab

Syphilis test:

Qx test:ไม่จำเพาะ VDRL/RPR ***รักษาหายตรวจไม่พบ

Qx test: จำเพาะ FTA-ABS, TPHA ***พบตลอดแม้ร้กษาหายแล้ว

ควรตรวจ HIV หากเป็น sy.

รักษาแล้ว F/U VDRL 3-6-12 เดือน

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

1.ดูเชิ้อโดยตรง-----------------------------Direct detection of T.pallidum

1.1Rabbit infectivity test(RIT) เป็น gold standard ฉีดเข้าอัณฑะกระต่ายแต่ทำยาก

1.2Dark-field microscopyตรวจเชื้อสดในน้ำเกลือ ดูรูปร่างและการเคลื่อนไหว ด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบ dark field ความไว 75%

1.3Direct fluorescent antibody(DFA) ใช้ Ab เรื่องแสงจับเชื้อแล้วสองดูด้วย fluorescent microscope ความไว 80-100%

แต่ 1.2 และ 1.3 ทำยาก เก็บตัวอย่างต้องถูกต้อง ผู้ทำต้องชำนาญ และอาจให้ผลบวกปลอมได้ งานปกติจึงไม่นิยม

2.ตรวจน้ำเหลือง-----------------------------Serological test หา Ab

2.1 Non-treponemal antibody testหรือ non-specific treponemal antibody test หรือ regain test

หา Ag ไม่เฉพาะเจาะจง โดยหาAbต่อสาร phospholipid โดยใช้ cardilipin จากกล้ามเนื้อหัวใจวัว ปัจจุบันนิยมเรียกว่า Anti-cardiolipin antibody ได้แก่

-VDRL(venereal disease research laboratory) ตรวจใน serum หรือ CSF ได้

-RPR(rapid plasma reagin) ตรวจได้ทั้งใน serum และ plasma น้ำยานี้ไม่ต้องเตรียมบ่อยเนื่องจากคงสภาพดีกว่า VDRL ทำง่ายกว่า ถูกกว่า แต่ตรวจใน CSF ไม่ได้

ทั้งสองตัวตรวจได้ทั้ง IgMและIgG หาไตเตอร์ได้ ช่วยวินิจฉัยและติดตามการรักษาได้ ดังนี้

*Primary sy: การตรวจ titer เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าหรือมากกว่า ในระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์

*โดยเมื่อรักษาดีขึ้น VDRL/RPR titer จะลดลงอย่างน้อย 4 เท่าใน 3-4 เดือน และ 8 เท่าใน 6-8 เดือน และลดลงเรื่อยจนไม่พบภายใน 1 ปี

*อาจมีในกรณีที่รักษาหายแล้วแต่ตรวจพบ titer ต่ำๆได้ตลอดเรียกเป็น serofast

*หลังการรักษา หากเพิ่มขึ้นหรือลดลง ประมาณ4เท่าไม่ลดมากกว่านี้ แสดงว่า รักษาไม่ได้ผลหรือติดเชื้อใหม่ ต้องรักษาใหม่

False positive VDRL/RPR

พบได้โดยไม่ติดเชื้อแต่ titer มักไม่เกิน 8 ยกเว้นกลุ่มที่ติดยาเสพติดฉีดเข้าเส้น

กลุ่มที่อาจพบ false positive ได้แก่

-ผู้ป่วยโรคติดเชื้อ viral hepatitis, TN, Leprosy เป็นต้น

-ผู้ป่วยโรคautoimmune disease

-old age และ pregnancy(1-2%)

-ติดยาเสพติดฉีดเข้าเส้น

ระดับ titer กับ การเกิด false positive

VDRL 1:1-1:4---=13%

VDRL 1:8--------=1.8%

VDRL 1:16------=0.73%

VDRL 1:32--------= 0% ชัวร์เป็นแน่

ยิ่ง titer สูงแสดงว่า เชื้อยิ่งเยอะ

การแปลผลสำหรับ VDRL

2.2 Specific treponemal antibody test :Treponemal antibody test

หา Ab เจาะจงใน serum และ CSF ได้ทั้ง IgM และ IgG หรือทั้งสอง การตรวจนี้จะตรวจพบไปตลอดแม้รักษาหายแล้ว

2.2.1TPI(Treponema pallidum immobilization) อาศัยหลักการ complement fixation ในซีรั่ม ทำปฏิกิริยากับเชื้อที่มีชีวิต ให้หยุดการเคลือนไหวดูด้วย dark field ทำยากจำเพาะน้อย

2.2.2FTA-ABS(Fluorescent terponemal Ab absorption test) หาได้ทั้ง IgG และ IgM ต่อเชื้อ โดยอาศัยหลักการ indirect immunofluorescent Ab test ผลบวกจะเห็นแสงเรืองบนตัวเชื้อที่นำมาทดสอบกับ serum ผู้ป่วย

2.2.3Passive agglutination test หา treponemal Ab โดยใช้ Ag จากเชื้อ T.pallidum มาเคลือบบน RBC หรือ เม็ดเจลาติน แล้วนำมาทดสอบกับ serum ผู้ป่วย หากเกิด agglutination แสดงว่าเป็นผลบวก

ตัวอย่างการทดสอบได้แก่

-MHA-TP(microhemagglutination tre.pal. test)หรือ TPHA(tre.pal. hemagglutination test) ใช้เม็ดเลือดแดงเป็นตัวกลาง

-TP-PA(tre.pal. particle agglu.) ใช้เม็ดเจลาตินเคลือบ

2.2.4 EIA(enzyme immunoassay) มีหลายวิธีมากรายละเอียดมาก

2.2.5 IB(immunoblot) ใช้หลักการ Western blot หาAbต่อโปรตีนต่างๆของเชื้อ ความไวและจำเพาะสูงแต่ยากแพงและใช้เวลา เหมาะใน congenital sy.

3 หา DNA ด้วย PCR เหมาะใน ระยะแรกติดเชื้อ late latent syphilis, neurosyphilis

และ congenital syphilis ที่ไม่แสดงอาการ แต่มีข้อจำกัดมาก ไม่นิยมทำ

การแปลผลการตรวจ

การตรวจ VDRL/RPR (non-spec) มักต้องตรวจร่วมกับ FTA-ABS, TPHA(spec)

เพื่อใช้ร่วมกันในการวินิจฉัยและติดตามการรักษา ในแต่ละช่วงจะมีความแตกต่างกัน

แปลผลหลังการรักษา

VDRL มักจะลดลงหายใน 3 เดือน สำหรับ primary sy.

ส่วนระยะอื่น หายใน1.5-2 ปี

Serofast คือภาวะที่รักษาหายแล้วแต่ยังพบ Ab ต่อ cardiolipin ในระดับต่ำๆนานกว่า 2ปี

การแปลผลร่วมกัน

VDRL + TPHA - FTAABS - : Biological false negative

VDRL - TPHA + FTAABS +: รักษาหายแล้ว

VDRL + TPHA + FTAABS +: เป็นโรค หรือไม่ได้รักษา หรือ กำลังรักษา

VDRL - TPHA - FTAABS +: เริ่มเป็นใหม่ๆ

VDRL + TPHA - FTAABS +: primary, old treponemal disease หรือ ทำใหม่

VDRL + TPHA + FTAABS -: ซีรั่มมีปัญหา ทำใหม่

VDRL

*หากใช้ VDRL ตัวเดียววินิจฉัยต้องอาศัย titer สูงพอหรือมากกว่า 1:8 หากน้อยกว่าเช่น 1:4 อาจพลาดได้ 13-15 %

*ระดับ VDRL titer ไม่ได้เป็นตัวบอกความรุนแรงของโรค

FTAABS,TPHA

*หาก specific Ab เพิ่ม 4 เท่าห่างกัน 2 สัปดาห์ แสดงว่า กำลังติดเชื้อ แต่จะเพิ่มในระยะเวลาอันสั้นดังนั้นตรวจมักไม่ค่อยทัน

*specific Ab IgM บอกได้ว่าเคยติดเชื้อหรือกำลังติดเชื้ออยู่ หรือได้จากมารดา เนื่องจากใน congenital sy การตรวจ IgM มีประโยชน์ เนื่องจาก IgG ผ่านรกได้แต่ IgM ไม่ผ่าน

Neuro sy.

*ควรส่ง VDRL, FTAABS,TPHA ทั้งเลือดและ CSF

*การตรวจ IgM สำคัญแสดงว่า เซลล์จากประสาทส่วนกลางสร้างขึ้นเองไม่ได้มาจากเลือดเนื่องจาก IgM ไม่ผ่าน BBB

*VRDL+CSF exam(mononu.cell>5/mm2, protein>43mg/dl, sugar ปกติ) มีความไวสำหรับการตรวจ neuro sy.มากที่สุด

Congenital sy

*แม่ระยะ2 โอกาสติด100%, แม่ระยะ early latent โอกาสติด 40-80%,แม่ระยะ late latent โอกาสติด 30%

*เชื่อว่าเชื้อเข้าผ่านรกตั้งแต่อายุครรภ์ 2-4 เดือน และเกิดพยาธิสภาพในเด็กอายุครรภ์ 5 เดือน

*ลูก IgM FTA-ABS แต่ให้ผลลบปลอมได้ 20-40% แต่จำเพาะมากกว่า IgG FTA-ABS หากตรวจ IgG ต้องมากกว่า 4 เท่าจากแม่จึงถือว่าเด็กติดเชื้อ(แต่มีเพียง22%ที่สูงในเด็กที่ติดเชื้อ) หรือ ลดลงใน 4 เดือนหลังคลอด

ระยะของโรค กับ การตรวจLAB

Secondary sy: ตรวจได้ 100% ทุกการทดสอบ

ส่วนระยะอื่นๆ Primary, congen.sy ระยะแรกร่างกายเริ่มสร้างAb และ Late latent sy ร่างกายเริ่มสร้าง Ab ลดลง อาจมีปัญหาในการตรวจบ้าง แล้วแต่ช่วงและระยะเวลา ความไวและการตรวจพบอาจต่างกันบ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม การตรวจทั้งหลายไม่สามารถแยก sy ออกจากโรคคุดทะราด(Yaws) ได้ เกิดจากเชื้อT.pallidum subspecies อื่นๆ

Treponema pallidum ทำให้เกิดโรค ซิฟิลิสในคน

Treponema pertenue ทำให้เกิดโรค คุดทะราดในคน

Treponema carateum ทำให้เกิดโรค pinta เป็นต้น

Ref.**

ซิฟิลิสกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ