วัคซีนก่อนเดินทางต่างประเทศ

วัคซีนก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

Note

1.Required vaccine มี

* ชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง

ผู้เดินทางไป ประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริการใต้

2.Recommended vaccine for travelers

* วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ (Typhoid vaccine)

-ประเทศแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย,เนปาล,บังกลาเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดโรคไทฟอยด์

*วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine)

-นักเดินทางในพื้นที่ห่างไกลในประเทศอินเดีย ประเทศจีน หรือประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวถูกสัตว์กัดแล้ว การหาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและ Immunoglobulin ฉีดอาจทำได้ยากมาก

*วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine)

-แนะนำให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ตอนต้น

-ประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้

*วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine)

-นักเดินทางที่จะไปในทวีปแอฟริกาที่ Meninigitis belt เช่นประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย ฯลฯ

-นักเรียน,นักศึกษาไทยที่จะไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา

-ผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประเทศซาอุดิอาระเบียกำหนดไว้ว่าทุกคนที่เข้าไปแสวงบุญจำเป็นต้องฉีดวัคซีนนี้ก่อนไป

*วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรค (Cholera vaccine)

-เป็นวัคซีนที่ไม่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป

-เฉพาะกลุ่มที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือ เข้าไปทำงานในค่ายผู้อพยพลี้ภัย หรือเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข,เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร

*วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)

-สามารถพิจารณาฉีดได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีการเดินทางหรือไม่

-สำหรับนักเดินทาง,นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มว่าจะต้องเข้าไปในที่ชุมนุมชน หรือในสถานที่แออัด มีคนเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้ที่จะไปพิธีแสวงบุญ ผู้จะไปชมกีฬา ไปเที่ยวงานเทศกาลต่างๆ สมควรพิจารณาฉีดวัคซีนนี้

สำหรับในประเทศไทย เด็กไทยทุกคนจะได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้ ตามแผนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติ (EPI) คือ วัคซีนบีซีจี วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ วัคซีนตับอักเสบ บี วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ JE และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน (DTP) ซึ่งวัคซีนต่างๆเหล่านี้ถือเป็นวัคซีนมาตรฐานของคนไทย (Routine vaccine) ซึ่งคนไทยทุกคนควรจะได้รับ ไม่ว่าจะมีการเดินทางหรือไม่ ดังนั้นทุกคนควรพิจารณาว่าตนเองเคยได้รับวัคซีนดังกล่าวแล้วหรือยัง มีประเด็นทีควรพิจารณาคือ วัคซีนบางตัว เช่น วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี และวัคซีนป้องกันโรคสมองอักเสบ JE เพิ่งได้รับการบรรจุในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติได้ไม่นาน ดังนั้นวัยรุ่นส่วนหนึ่ง และผู้ใหญ่มักจะไม่เคยได้รับวัคซีนดังกล่าวตอนเป็นเด็ก

สำหรับวัคซีนที่ใช้ในนักท่องเที่ยวนั้น สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆคือ

1.Required vaccine

วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง

เป็นวัคซีนที่ถูกกำหนดว่านักเดินทางจำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง

ซึ่งเป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR)

ซึ่งปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง

นักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปยังดินแดนที่มีการระบาดของไข้เหลือง

คือ ประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริการใต้

จำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน

ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนไข้เหลืองได้ที่บทความต่อไปนี้

วัคซีนไข้เหลือง เรื่องจำเป็นก่อนไปแอฟริกา,อเมริกาใต้

สมุดรับรองการฉีดวัคซีนไข้เหลือง

สถานที่ฉีดวัคซีนไข้เหลือง

2.Recommended vaccine for travelers

วัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม

วัคซีนในกลุ่มนี้ เป็นวัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางบางกลุ่ม/บางคน

ตามความเหมาะสม โดยแพทย์จะพิจารณาปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกัน

เช่น

-ประเทศหรือสถานที่ที่จะไปมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากแค่ไหน

- ระยะเวลาที่จะไป

-กิจกรรมที่จะไปทำ (เช่นไปทำงาน ไปเรียน หรือไปท่องเที่ยว)

-ตลอดจนต้องพิจารณาถึงตัวนักท่องเที่ยว/นักเดินทางและตัวโรคด้วย

การพิจารณาดังกล่าวจะทำในการให้คำปรึกษาก่อนการเดินทาง วัคซีนในกลุ่มดังกล่าวคือ

* วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ (Typhoid vaccine)

ซึ่งจะพิจารณาให้ในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในประเทศแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย,เนปาล,บังกลาเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดโรคไทฟอยด์ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนไทฟอยด์ (Typhoid vaccine)

*วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine) โดยปกติแล้วในคนไทยมักจะคุ้นเคยกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังการสัมผัสโรค นั่นคือเมื่อถูกกัด,ถูกข่วน ผู้ป่วยจึงไปพบแพทย์เพื่อขอฉีดวัคซีน, Immunoglobulin ซึ่งวิธีดังกล่าวอาจไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เช่น นักเดินทางในพื้นที่ห่างไกลในประเทศอินเดีย ประเทศจีน หรือประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวถูกสัตว์กัดแล้ว การหาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและ Immunoglobulin ฉีดอาจทำได้ยากมาก จึงควรพิจารณาให้วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าก่อนการสัมผัสโรค อ่านรายละเอียดได้จากบทความนี้ โรคพิษสุนัขบ้ากับนักท่องเที่ยว

*วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine) ไวรัสตับอักเสบเอเป็นโรคที่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนไวรัสดังกล่าว ผู้ป่วยส่วนใหญ่โดยเฉพาะในเด็ก มักจะไม่มีอาการ แต่อาการจะมีมากและอาจรุนแรงได้ในผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ สมัยก่อนโรคนี้พบได้ชุกในประเทศไทย ทำให้ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40-50 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่มีภูมิคุ้นกัน เนื่องจากมีการติดเชื้อโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันการสาธารณสุขและการสุขาภิบาลของประเทศไทยดีขึ้นมาก ทำให้อัตราการติดเชื้อในธรรมชาติของเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ตอนต้นมีน้อยลง ดังนั้นจึงแนะนำให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ ในประชากรกลุ่มดังกล่าวต้องเดินทางไปในประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ คือประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ วัคซีนดังกล่าวต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน

*วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine) วัคซีนนี้เป็นวัคซีนเฉพาะที่แนะนำให้ใช้ในนักเดินทางนักท่องเที่ยวบางกลุ่มคือ นักเดินทางที่จะไปในทวีปแอฟริกา

บริเวณที่เรียกว่า Meninigitis belt เช่นประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย ฯลฯ

นักเรียน,นักศึกษาไทยที่จะไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา

ซึ่งมีข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ก่อนไป โดยเฉพาะถ้าต้องไปอยู่ในหอพัก

ผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประเทศซาอุดิอาระเบียกำหนดไว้ว่าทุกคนที่เข้าไปแสวงบุญจำเป็นต้องฉีดวัคซีนนี้ก่อนไป

อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine)

*วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรค (Cholera vaccine)

เป็นวัคซีนที่ไม่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป เนื่องจากโอกาสที่จะติดเชื้ออหิวาตกโรคระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวมีน้อยมาก อย่างไรก็ตามแพทย์จะพิจารณาให้วัคซีนนี้แก่นักท่องเที่ยว,นักเดินทางบางกลุ่มคือ กลุ่มที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือเข้าไปทำงานในค่ายผู้อพยพลี้ภัย หรือเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข,เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร ปัจจุบันในประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดรับประทาน ต้องดื่มวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 1-6 สัปดาห์

*วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถพบได้ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศยุโรป อเมริกามีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชาชนทั่วไป ไม่เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว ในประเทศไทยเอง กระทรวงสาธารณสุขมีการสนับสนุนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีให้ประชาชนในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถพิจารณาฉีดได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีการเดินทางหรือไม่ แตสำหรับนักเดินทาง,นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มว่าจะต้องเข้าไปในที่ชุมนุมชน หรือในสถานที่แออัด มีคนเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้ที่จะไปพิธีแสวงบุญ ผู้จะไปชมกีฬา ไปเที่ยวงานเทศกาลต่างๆ สมควรพิจารณาฉีดวัคซีนนี้

ที่มา

https://www.thaitravelclinic.com/th/Knowledge/recommended-vaccine-for-thai-travelers.html