การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ใหญ
บทนำ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection หรือ UTI) หมายถึงเกิดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะอันมี สาเหตุจากการติดเชื้อ หมายรวมถึงการติดเชื้อตั้งแต่ท่อปัสสาวะ ไปจนถึงไต โดยสาเหตุส่วนมากเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยอาจไม่มี อาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรงนำไปสู่การ ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ โดยทั่วไปสตรีร้อยละ 60 จะมีการติดเชื้อ ในทางเดินปัสสาวะอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต.1
คำจำกัดความ
Significant Bacteriuria หมายถึง การพบปริมาณเชื้อแบคทีเรีย มากกว่าหรือเท่ากับ 105 cfu /ml หรือพบเชื้อตั้งแต่ 102 -104 cfu/ml ร่วมกับมีอาการ และอาการแสดงที่ชัดเจน.2 หรือพบปริมาณเชื้อดังกล่าวในเพศชาย โดยสาเหตุของ UTI ที่พบปริมาณเชื้อน้อย ได้แก่ ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก จึงไปเจือจาง หรือเป็นเชื้อที่เจริญเติบโตช้าเช่น Staphylocooccus saprophyticus.3 หรือเคยได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาขับ ปัสสาวะมาก่อน
Asymptomatic bacteriuria หมายถึงการพบเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะมากกว่า 105 cfu/ml จากการเก็บปัสสาวะอย่างสะอาด 2 ครั้งติดต่อกัน สำหรับเชื้อที่เจริญ เติบโตยากเช่น Staphylococcus saprophyticus และ Candida species อาจใช้คำาจำกัดความที่ 104 cfu/ml และจะพบภาวะนี้มาก ขึ้นในผู้ป่วยสูงอายุ ใส่สายสวนปัสสาวะ เบาหวาน ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องรักษาภาวะนี้ ยกเว้นในผู้ที่ตั้งครรภ์และ เด็กเล็ก เนื่องจากภาวะตั้งครรภ์ จะมีการขยายตัวของทางเดิน ปัสสาวะอยู ่แล้ว เชื้อโรคอาจจะแพร ่ขึ้นไปถึงกรวยไตได้ง ่ายขึ้น โอกาสเกิดเป็นกรวยไตอักเสบ (acute pyelonephritis) ได้สูง และ ทำให้แท้งได
ถ้าพบภาวะนี้ในผู้ป่วยที่ทำ hemodialysis ในกรณีที่เตรียม ผ่าตัดเปลี่ยนไต หรือต้องทำหัตถการเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ ควรจะ ให้ยาปฏิชีวนะ แต่หากพบภาวะนี้ในผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน บกพร่องอื่นๆ เช่น หลังปลูกถ่ายไต อาจไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ แต่ต้องเฝ้าติดตามดูผู้ป่วยเป็นระยะๆ
ในสตรีที่มาด้วย asymptomatic bacteriuria จะสามารถ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ true asymptomatic infection associated with pyuria และ transient self-limited bladder colonization
Contamination เป็นการปนเปื้อน โดยไม่ได้เกิดการติดเชื้อขึ้นจริง ขึ้นกับ วิธีเก็บ มักพบเชื้อพบมากกว่า 1 ชนิด ในการแปลผลจะต้องอาศัย หลักดังนี้ คือ
1) มีเชื้อตัวใดตัวหนึ่งเด่นเป็นพิเศษหรือไม่
2) วิธีเก็บปัสสาวะเป็นอย่างไร เช่น เก็บจากสายสวน หรือ ใช้ midstream specimen
3) มีเม็ดเลือดขาวหรือไม่ หรือพบ vaginal epithelium
4) มีอาการและอาการแสดง ที่บ่งถึงการติดเชื้อหรือไม่
ตัวอย่างเชื้อปนเปื้อนที่พบบ่อย ได้แก่ Lactobacilli, Corynebacteria species, Gardnerella และ Alpha-hemolytic streptococci
Symptomatic abacteriuria หรือ urethral syndrome เป็นภาวะที่มีอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แต่ไม่พบแบคทีเรียในปัสสาวะ ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มด้งนี้ กลุ่มแรก พบได้ร้อยละ 70 มี pyuria และการติดเชื้อจริงๆ โดยมักเกิดจาก Chlamydia trachomatis เชื้ออื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่ Mycoplasma, Trichomonas, Gonococcus, Candida และ Mycobacteria tuberculosis ส่วนกลุ่มที่ 2 พบได้ร้อยละ 30 ไม่มี pyuria อาการมักเกิดภายหลังการร่วมเพศ
นอกจากนี้ urethral syndrome อาจเกิดจากสาเหตุที่ไม่ใช่ การติดเชื้อ เช่น เนื้องอก, complete ureteral obstruction หรือ จากการที่ได้รับยาปฏิชีวนะมาก่อน
Pyuria หมายถึงการพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ มากกว่า 5 cell/ HPF (มักพบร่วมกับแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ)
Sterile pyuria คือภาวะ pyuria ที่ไม่พบลักษณะของการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจพบภาวะนี้ได้ใน interstitial cystitis, UTI ที่ได้รับการรักษาโดย ยาปฏิชีวนะ, glucocorticoid therapy, acute febrile episode, cyclophosphamide, pregnancy, prostatitis, cystourethritis, balanitis, urethritis, exercise, glomerulonephritis, bladder tumor, viral infection, nephrolithiasis, renal tuberculosis, urinary tract trauma, foreign body, genitourinary tuberculosis, systemic mycotic infection หรือการติดเชื้อที่อวัยวะใกล้เคียง แล้วกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ
Complicated UTI หมายถึงการติดเชื้อในผู้ที่มีความผิดปกติทั้งทางกายวิภาค หรือทางหน้าที่ของระบบทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งในภาวะต่างๆ ดังนี้
1. ผู้ชาย เด็ก สตรีตั้งครรภ์
2. มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน
3. มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ
4. ได้รับการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือหลังรักษาด้วยยา แล้วยังคงมีอาการตลอด
5. ผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ
6. มีการติดเชื้อจากโรงพยาบาล
7. ผู้ป่วยที่ได้รับการทำหัตถการเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ มาเมื่อไม่นาน
8. ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางกายวิภาคของทางเดินปัสสาวะ
9. การติดเชื้อร่วมกับการเสื่อมลงของหน้าที่ของไต
10. ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
11. ผู้ป่วยสูงอายุ
12. ผู้ป่วยเบาหวาน
13. ผู้ป่วยที่มีประวัติติดเชื้อทางเดินปัสสาวะตอนเด็ก
14. มีอาการปัสสาวะเป็นเลือดร่วมด้วย
ภาวะ complicated UTI นี้ถือเป็นข้อห้ามต่อการใช้ยา ปฏิชีวนะระยะสั้น (น้อยกว่า 7 วัน) ควรให้ยารักษานาน 2-6 สัปดาห์ และควรกำจัด complicated factor อื่นๆ เพื่อช่วยให้การรักษา ได้ผลดียิ่งขึ้น
Ref
Journal of Nephrology ปีที่2017 ฉบับที่ 03(ก.ค.-ก.ย.54).pdf