2019-nCoV : Wuhan Pneumonia

โคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019

Qx: ไข้หวัด + Wuhan

เริ่มต้น

เกิดจากข่าวใน social ที่ส่งต่อในส้งคมออนไลน์

? Pneumonia

31 12 62 ผู้ป่วย 27 ราย หนัก 7 ราย

ข่าวที่ประเทศจีนพบ โรคปอดบวมจากไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น

มณฑลหูเป่ย 27 ราย หนัก 7ราย 2 รายกลับบ้านได้

4/1/63 รายงานการระบาดปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 44 ราย หนัก 11 ราย

ทางการจีนยืนยันแล้วว่า จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2020 ที่เมืองอู่ฮั่น มีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบแล้ว 44 ราย ในจำนวนนี้มี 11 รายที่อาการเข้าขั้นรุนแรง มีเข้าข่ายแยกกักกัน 121 ราย และมีการขยายพื้นที่ไปฮ่องกง 7 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต

ขณะนี้ทางการจีนยังคงเร่งยังหาสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งเคยมีการแพร่ระบาดของไวรัส ‘ซาร์ส’ เมื่อปี 2002-2003

คณะกรรมการสุขภาพของเมืองอู่ฮั่นแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีไข้สูง หายใจสั้นและปอดติดเชื้อ ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของการระบาด ตอนนี้ตัดความเป็นได้เกี่ยวกับโรคติดเชื้ออื่นๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ได้พูดถึงโรคซาร์ส

ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งเคยมีการแพร่ระบาดของไวรัส ‘ซาร์ส’ เมื่อปี 2002-2003

คณะกรรมการสุขภาพของเมืองอู่ฮั่นแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีไข้สูง หายใจสั้นและปอดติดเชื้อ ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของการระบาด ตอนนี้ตัดความเป็นได้เกี่ยวกับโรคติดเชื้ออื่นๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ได้พูดถึงโรคซาร์ส

นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ยังไม่มีรายงานว่าโรคติดต่อจากคนสู่คน แต่ผู้ติดเชื้อจำนวนมากทำงานในตลาดอาหารทะเลของเมือง ทางการได้เข้าไปทำความสะอาดตลาดแล้ว

ตอนนี้สิงคโปร์และฮ่องกงออกมาตรการตรวจสอบผู้ที่เดินทางจากเมืองนี้แล้ว สิงคโปร์เริ่มวัดอุณหภูมิผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นทุกคนที่สนามบินชางงี ส่วนที่ฮ่องกง ทางการระบุว่า มีผู้ป่วยหญิงสองรายที่เพิ่งเดินทางไปอู่ฮั่นต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจและโรคปอด

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวแพร่กระจายในโซเชียลมีเดียก่อนว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสปอดอักเสบ 27 รายที่เมืองอู่ฮั่น และเกรงกันว่าจะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงหรือ ‘ซาร์ส’ ที่เคยระบาดเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ขณะนั้นทางการจีนถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าปิดข่าว จนทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง โรคซาร์สทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คนทั่วโลก

ตำรวจอู่ฮั่นกล่าวว่า ได้ควบคุมตัวชาวจีน 8 คนที่ “โพสต์และส่งต่อข่าวที่ก่อให้เกิดความเข้่าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อสังคม”

5/1/63 ไทยพบผู้ป่วยจาก อู่ฮั่น 4 ราย ส่งเข้ารักษาตัวที่สถาบันราดูร

3 ราย รพ.เอกชน 1 ราย

6/1/63 กรรมการสาธา.อู่ฮั่นแถลง มีผู้ป่วยติดเชื้อ 59 ราย

คณะกรรมการสาธารณสุขประจำเมืองอู่ฮั่น (Wuhan) มณฑลเหอเป่ย์ Hubie ของจีน ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า การแพร่ระบาดของโรคปอดบวมปริศนา ที่เร่ิ่มมาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยอย่างน้อย 59 คน

ไม่ใช่โรคซาร์ส และเมอร์ส แต่อย่างใด รวมถึงไข้หวัดใหญ่, ไข้หวัดนก และเชื้อไวรัสอะดีโนด้วย โดยในขณะนี้ ผู้ป่วยทั้งหมดยังไม่เสียชีวิต และกำลังได้รับการรักษาตัวอยู่ในพื้นที่กักกัน ซึ่งเบื้องต้นพบที่่มาของโรคดังกล่าว

เกิดขึ้นที่ตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่ง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ปิดพื้นที่เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมืองอู่ฮั่นเปิดเผยว่า ได้จับกุมและลงโทษประชาชนจำนวน 8 คน ที่เผยแพร่ข้อมูล และส่งต่อข้อมูลเท็จ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่ไตร่ตรองและตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัด

ขณะที่องค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ว่า กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เนื่องจากมีความวิตกกังวลว่าโรคซาร์สอาจกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง

โดยที่จีนพบผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดถึง 399 คน

แม้เคยประกาศให้จีน เป็นประเทศที่ปลอดโรคซาร์ส เมื่อปี 2547 แล้วก็ตาม

การระบาดของโรคปอดติดเชื้อที่ยังไม่ทราบสาเหตุเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่นทางตอนกลางของประเทศจีน(ดูรูป) เมื่อช่วงเดือนที่แล้ว โดยขณะนี้พบผู้ป่วย 44 ราย ในจำนวนนี้ 11 รายอาการรุนแรง พบประวัติว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เคยเดินทางไปตลาดอาหารทะเล และโชคดีที่ยังไม่พบว่ามีการติดต่อจากคนสู่คน

กระทรวงสาธารณสุขของจีนระบุว่า จากการเพาะเชื้อเบื้องต้นพบว่าไม่ใช่เชื้อไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก อะดิโนไวรัส หรือโรคทางเดินหายใจที่พบได้ทั่วไป ทางเมืองอู่ฮั่นกำลังทำความสะอาดตลาดอาหารทะเลเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ (ดูรูป)

ขณะนี้กำลังกลัวว่าโรคนี้อาจเกิดจากไวรัสชนิดใหม่ที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน

เช่นเดียวกับโรคซาร์สที่เคยระบาดเมื่อ 18 ปีที่แล้ว คร่าชีวิต 700 กว่าคน

เนื่องจากตลาดอาหารทะเลต้องสงสัย ยังจำหน่ายนก สัตว์ปีก งู กระต่าย และสัตว์ป่าอื่นๆ ด้วย

ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 63 ปีไม่มีโรคประจำตัว เพิ่งเดินทางกลับโดยสายการบิน Air Asia หลังจากไปเที่ยวเมืองอู่ฮั่น ที่มณฑลเหอเป่ยประเทศจีนนาน 5 วัน อากาศที่เมืองอู่ฮั่นขณะนี้หนาวมาก อยู่ที่นั่นไม่ได้ไปเที่ยวตลาดอาหารทะเล พักในโรงแรม 5 ดาว มาพบแพทย์เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2563 ด้วยอาการเมื่อยตัว มีน้ำมูก ไอนิดหน่อย มีเสมหะเล็กน้อย 2 วัน ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดตัว ไม่เจ็บคอ ไม่เหนื่อย คณะที่เดินทางไปด้วยกัน 10 คนไม่มีใครป่วย เมื่อเข้ามาในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลระหว่างรอพบแพทย์ ตรวจร่างกาย ไม่มีไข้ อุณหภูมิ 36.9 องศาเซลเซียส หายใจปกติ ฟังปอดปกติ คอแดงเล็กน้อย วัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วปกติ วินิจฉัยเป็นไข้หวัดธรรมดาให้ยารักษาตามอาการ

แนะนำให้ผู้ป่วยพักอยู่บ้านใส่หน้ากากอนามัยเวลาอยู่ใกล้กับผู้อื่น และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ โทรศัพท์ติดตามผู้ป่วยอีก 2 วันถัดมา ผู้ป่วยดีขึ้น ไม่ปวดเมื่อยตัวแล้ว ไม่มีไข้ ไม่ไอ สรุปผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้เป็นไวรัสปอดอักเสบที่กำลังระบาดที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีนขณะนี้

ทุกโรงพยาบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือโรคปอดติดเชื้อไวรัสลึกลับจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ต้องซักประวัติการเดินทางของผู้ป่วยที่มาด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโรคจากผู้ป่วยให้คนไข้คนอื่นและเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล

7/1/63 ห้องปฏิบัติการได้ตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

“ในวันที่ 7 ม.ค. ปี 2020 ห้องปฏิบัติการได้ตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่”

8/1/63 ยืนยัน ไทยพบนักท่องเที่ยวติดเชื้อเป็น ผู้ป่วยเหญิงชาวจีน วัย 61 ปี มีไข้สูง 38 C

มีภาวะโรคปอดอักเสบ หายใจเร็วเล็กน้อย และมีโรคประจำตัวอยู่เดิมคือ ความดันโลหิตสูง มีอาการก่อนเข้ามาเที่ยวในไทยเมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ที่ผ่านมา จึงรับตัวเข้ามารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร

9/1/63 WHO อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อระบุชนิดของไวรัสที่ทำให้เกิดอาการปอดบวม

แต่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีนออกมาสรุปยืนยันแล้ว

“ในวันที่ 7 ม.ค. ปี 2020 ห้องปฏิบัติการได้ตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่”

สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงาน

“ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้มีความแตกต่างจากโคโรนาไวรัสที่เคยพบในมนุษย์

และต้องมีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจมัน”

รายงานของ CCTV ไม่ได้ระบุชื่อห้องปฏิบัติการ หรือคณะผู้เชี่ยวชาญที่ค้นพบข้อมูลดังกล่าว

โคโรนาไวรัสถือเป็นตระกูลไวรัสขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อได้หลายชนิด ตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดาเรื่อยไปจนถึงโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS)

การระบาดของโรคปอดบวมซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. ทำให้มีผู้ป่วยแล้วทั้งสิ้น 59 ราย

จากข้อมูลล่าสุดของทางการจีนเมื่อวันอาทิตย์

โคโรนาไวรัสเคยเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของโรค SARS ในปี 2002 และโรค MERS ในปี 2012

ทางการจีนระบุว่า ไวรัสโรคปอดบวมที่เมืองอู่ฮั่นทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการค่อนข้างรุนแรง แต่ดูเหมือนจะไม่แพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ง่าย

12/1/63 รู้ตัวเชื้อก่อโรค Corona virus 2019

อ.ยง ภู่วรวรรณ

โรคปอดบวมอู่ฮั่น ที่ระบาดในจีน

สามารถรู้เชื้อก่อโรคได้อย่างรวดเร็ว จีนยุคใหม่โปร่งใส

ได้เปิดเผย รหัสพันธุกรรมของไวรัสทั้งตัว

ให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สามารถดาวน์โหลดได้แล้ว

เพื่อนำมาการทำวิธีการวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วภายใน 4 ชั่วโมง

สำหรับประเทศไทยก็สามารถที่จะพัฒนาการตรวจได้เอง เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง

พันธุกรรมไวรัสนี้เหมือนไวรัส MERS 52% เหมือน SARS 79% เหมือนไวรัสที่เคยพบในค้างคาว 87.6%

การรู้รหัสพันธุกรรมจะทำให้เราสามารถนำมาวินิจฉัยโรค และรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการเพื่อหาต้นตอ แหล่งที่มาของโรค ได้ต่อไป

โคโรน่าไวรัส

-เป็นไวรัสที่มีขนาดใหญ่ รู้จักกันมานานกว่า 80 ปี

ตั้งชื่อจากการเห็นภาพด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน คล้ายมงกุฎ

-ก่อให้เกิดโรคในคนและสัตว์เกือบทุกชนิด

เช่น ในแมวเกิดช่องท้องอักเสบ ในหมู หมา เกิดลำไส้อักเสบ

ในนกเกิดหลอดลมอักเสบ ในหนูเกิดตับอักเสบ และยังพบได้ในค้างคาวด้วย

-เห็นได้ว่าจะมีอยู่ในสัตว์เกือบทุกชนิด และผ่านข้ามมายังคน ทำให้เกิดโรคได้

ในคนปัจจุบันนี้ ไวรัสก่อโรคในคนมี 6 ชนิด

-ส่วนใหญ่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ มีอยู่ 4 ชนิด ที่พบเป็นประจำตามฤดูกาล

เช่นในขณะนี้ก็พบบ่อย คือ OC43, 229E, NL61, HK1

ที่ศูนย์ ที่ผมทำงานอยู่การพบไวรัสสี่ตัวนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ และใน 2 เดือนที่ผ่านมา ก็พบได้บ่อย

-ตัวที่ทำให้เกิดโรครุนแรง ที่รู้จักกันดี คือ

SARS ที่ระบาดปั่นป่วนโลกในปี 2003-4

MERS โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ยังระบาดอยู่ในตะวันออกกลาง

เนื่องจากไวรัสชนิดนี้ พบในสัตว์และก่อโรคในสัตว์เลี้ยง ส่วนใหญ่จะไม่ข้ามมาติดคน

แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบ และอาจข้ามมาติดคนได้ เช่น SARS จากชะมด MERS จากอูฐ

-ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ ปอดบวม

โคโรน่าไวรัสชนิดใหม่ ที่พบในจีน ยังไม่มีการตั้งชื่อ และยังไม่ทราบว่าติดมาจากอะไร เมื่อก่อนนิยมตั้งชื่อเมืองที่พบ ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครยอมให้ตั้ง เช่น ถ้าตั้งไวรัสซาอุ แทน MERS ก็คงไม่ยอม

และถ้าสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งได้ ก็จะทำให้เกิดการระบาดใหญ่ได้

ดังนั้น ถ้าไม่ให้เกิดโรคจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มาสู่คน

จึงไม่ควรบริโภคสัตว์ป่า หรือสัตว์ที่ไม่ใช่อาหารปกติ จะทำให้เกิดการสัมผัสโรคได้ และข้ามมาสู่คนได้

ยังทราบว่าในขณะนี้ ยังมีคนไทยที่บริโภคค้างคาว ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง

การระบาดโรคปอดบวม จากโคโรน่าไวรัส ในจีน

เป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่า ไวรัสที่เป็นสาเหตุ คือ โคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน

การระบาดเกิดที่มณฑลอู่ฮั่น มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย อาการหนัก 7 ราย

41 รายได้รับการตรวจยืนยัน แต่พบไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 15 ราย

ได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว พบว่า เป็นสายพันธุ์ใหม่

เช่นเคยอีก เหมือนสมัยโรคปอดบวมตะวันออกกลาง การพบครั้งแรก สายพันธุ์ จะเหมือนกับสายพันธุ์ที่เคยพบ ในค้างคาว

ยังต้องรอการพิสูจน์อีกว่า ไวรัสตัวนี้ มาจากไหน

ส่วนมากจะข้ามสายพันธุ์มาจากสัตว์

โคโรน่าไวรัสเป็นไวรัสที่มีขนาดใหญ่ ถ้าดูจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนจะมีลักษณะคล้ายมงกุฎ (corona) และรู้จักกันมากว่า 80 ปีแล้ว

ที่ผ่านมาไวรัสนี้ ทำให้เกิดโรค ในคนมี 6 ชนิด

ที่พบบ่อยของทางเดินหายใจมีอยู่ 4 ตัว คือ OC43, 229E, NL61 และ HK1 พบได้ประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเด็ก

เดือนนี้ในเด็กไทยก็พบได้บ่อย

อีก 2 สายพันธุ์ ที่สร้างปัญหา และรุนแรงก็คือ SARS มาจากชะมด และ MERS มาจากอูฐ

ในการระบาดที่จีน ยังไม่มีหลักฐานการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ที่ชัดเจนจะเห็นได้จากบุคคลในครอบครัว หรือแพทย์ผู้รักษาในระยะแรก ที่ไม่ได้มีการป้องกันตัวเอง ก็ไม่มีใครเป็น

ในปัจจุบันการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ด้วยวิธีการ NGS สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศจีนแล้ว เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามาก

13/1/63 พบที่ไทยพบนักท่องเที่ยวจีน 1 ราย ติดเชื้อ

ไทยพบผู้ป่วย “โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่” รายแรกจากอู่ฮั่น ยันยังไม่ติดจากคนสู่คน ใช้มาตรการระดับสูงสุด

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวด่วน พบนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่จากประเทศจีน เข้ามายังประเทศไทย ซึ่งให้การรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีอาการทางเดินหายใจแล้ว รอการยืนยันทางการแพทย์ 2-3 วัน และจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้ใกล้ชิดที่ร่วมเดินทางมากับเที่ยวบินเดียวกันจำนวน 16 คน ไม่พบเชื้อไวรัสแต่อย่างใด

สธ.แถลงไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นรายแรก

หลังผลตรวจแล็บพบพันธุกรรมเชื้อตรงกัน ระบุมาด้วยอาการไข้สูง ปอดอักเสบไม่รุนแรง ล่าสุดอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ และอาการทางเดินหายใจแล้ว คาดกลับบ้านได้เร็วๆ นี้ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 16 รายตรวจไม่พบเชื้อเช่นกัน ยังไม่ได้เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ส่วนติดเชื้อจากสัตว์อะไรและรุนแรงแค่ไหน ต้องรอ้อมูลจากจีน เหตุไทยเพิ่งมีผู้ป่วยจากจีนเข้ามารายแรก พร้อมยกระดับเข้มใช้มาตรการสูงสุด เฝ้าระวังเพิ่มช่วงตรุษจีน ด้าน WHO ย้ำต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

ขณะนี้ จีน 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย

อ.ทวี นายกสมาคมโรคติดเชื้อ

วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานผู้ป่วยหญิง จีนอายุ 61 ปีมาเที่ยวประเทศไทยตอนผ่านด่านสุวรรณภูมิตรวจพบไข้ 38.1 จึงส่งต่อมารับการรักษาและกักกันโรคที่โรงพยาบาลบำราศนราดูล หลังจากมีการเก็บเสมหะส่งตรวจพบว่าไม่มีเชื้ออื่นแต่เอาไปทำการตรวจ

PCR ต่อ Bat beta Corona virus ที่lab อาจารย์ธีรวัฒน์ ที่จุฬา positive และ มีการทำ whole genome sequencing จังหวะพอดีทางจีน ได้รายงาน gene ของเชื้อเค้าบางส่วนไปยังทั่วโลก

ปรากฎว่า คนไข้เรามีลักษณะยีนซึ่งตรงกับของจีนที่รายงานออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ตรงกัน 100%มีผล CXR เป็น interstitial pneumonia

จึงยืนยันวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019

ขณะนี้อาการผู้ป่วยค่อนข้างดี

ไข้ลงแล้ว

มีการติดตาม ผู้สัมผัสที่ร่วมคณะทัวร์ไม่พบมีใครเจ็บป่วยหรือมีผลตรวจทางแล็บให้ผลบวกเลย

สรุป จีนพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั้งสิ้น 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทุกรายมีประวัติสัมผัสกับตลาดค้าสัตว์ และอาหารทะเลแหล่งใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น โดยเป็นคนงานหรือคนซื้ออาหารในตลาดดังกล่าว ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน

13/1/63 อ.ยง สรุป เชื้อตัวใหม่

Coronavirus สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในจีน

โคโรนาไวรัส พบได้บ่อยในทางเดินหายใจในมนุษย์อยู่แล้ว

สายพันธุ์ใหม่มักจะข้ามจากสัตว์สู่คน แล้วเกิดการแพร่ระบาดจากคนสู่คนอีกที

จึงเกิดการระบาดใหญ่ได้ เช่น SARS จากชะมด, MERS จากอูฐ

เทคโนโลยีการตรวจพันธุกรรม ปัจจุบันทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้รู้ได้เร็ว

เช่น การระบาด Coronavirus สายพันธุ์ใหม่ในจีนที่เมืองอูฮั่น ใช้เวลาเพียง 9 วัน เท่านั้น

ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพิสูจน์สมมติฐานว่าก่อโรคได้จริง และหาต้นตอว่ามาจากไหน

เชื่อว่าไม่ยาก และจีนมีเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และควบคุมการระบาดได้แน่นอน

โรคปอดบวมอู่ฮั่น ที่ระบาดในจีน

พันธุกรรมของไวรัส ได้ถูกเปิดเผย เข้าสู่สาธารณะ

เมื่อนำมาเปรียบเทียบดู จะเห็นว่าโคโรน่าไวรัสตัวนี้

มีความใกล้เคียงกับพันธุกรรมที่เคยพบในอดีต

คือ

โคโรน่าไวรัสที่แยกได้

จากค้างคาว ในประเทศจีนปี 2017 และ 2015 มีความใกล้เคียงที่ 87.2-87.9 %

มีความใกล้เคียงกับไวรัส SARS ที่เคยระบาด 80.3%

ยังห่างกับไวรัส MERS ความใกล้เคียงอยู่ที่ 52.3%

เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มไวรัสโคโรน่า ที่เกิดโรคทางเดินหายใจ ที่เราพบบ่อยๆในมนุษย์ไม่ถึง 50%

เมื่อเราทราบพันธุกรรมของไวรัสทั้งตัวแล้ว

การพัฒนาการตรวจวินิจฉัยในบ้านเรา สามารถทำได้เร็วขึ้น

โดยการตรวจหาพันธุกรรมดังกล่าว ด้วยวิธีทางชีวโมเลกุล

ทำให้การตรวจหาไวรัสได้รวดเร็ว

13/1/2563 น่าจะเป็นบทสรุป

จาก FB..อ.ยง ภู่วรวรรณ

🙏🙏

โรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่

การระบาดและการกระจายของโรค จะรุนแรงหรือกว้างขวาง ขึ้นอยู่กับ

1.ความรุนแรงของโรค

ถ้าโรคที่มีความรุนแรง การระบาดจะไม่กระจายมาก

เพราะผู้ป่วยมีอาการรุนแรงไม่สามารถเดินทางไปได้ไกล เช่น Ebola

ถ้ารุนแรงถึงเสียชีวิตมาก การกระจายก็จะน้อย เพราะไวรัสที่อยู่ในคนที่ป่วยรุนแรง และ ถึงเสียชีวิตก็จะจบอยู่ตรงนั้น

หรือ admit รักษา

2.อำนาจในการกระจายของโรค หรือที่เรียกว่า basic reproductive number

ผู้ป่วย 1 คนกระจายโรคไปได้กี่คน

ถ้า 3 คนตัวเลขนี้ก็จะ เป็น 3

อำนาจในการกระจายโรค หมายถึงผู้ป่วย 1 คนสามารถกระจายโรคไปได้กี่คน

เช่น

-SARS มีอำนาจการกระจายโรคเท่ากับ 3

หมายความว่า ผู้ป่วย 1 คน จะมีผู้มารับช่วงเป็นโรค 3 คน และ

จาก 3 คนก็จะเป็น 9 คน

แต่เนื่องจากโรค SARS รุนแรงเสียชีวิตถึง 1 ใน 3 และคนป่วยเกือบทุกคนต้องนอนโรงพยาบาล

จึงทำให้สามารถควบคุมโรคได้ และหมดไปในที่สุด

-ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลก โรคไม่รุนแรงโอกาสเสียชีวิตน้อยมาก

เมื่อเป็นแล้วยังสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ง่าย โดยที่ไม่รู้ จึงมีการกระจายได้ทั่วโลก

ทั้งที่อํานาจการกระจายโรค ไข้หวัดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 2 เท่านั้นก็ยังระบาดใหญ่ทั่วโลกได้

-โรคปอดบวมอู่ฮั่น

ดูแล้วโรคไม่ดูแรง มีอัตราตายน้อยกว่า 1 รายที่เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอยู่มาก

อัตราการกระจายโรค น้อยกว่า 1 เพราะยังไม่มีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน

ก็ไม่น่าจะกระจายได้มาก

ถ้ามีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน และ โรคไม่รุนแรง

โรคนี้ก็จะพบได้ทั่วโลก และเป็นโรคทางเดินหายใจ Corona ได้เช่นเดียวกับ Corona ตัวอื่นที่พบได้บ่อยอยู่แล้ว

หรือเหมือนกับ ไข้หวัดใหญ่ ได้เช่นกัน

{dipteria ติด1:8 , MERS 1:0.8}

12/1/2563 พบที่ไทย ยืนยัน

ส่วนนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนวัย 61 ปีที่เดินทางจากอู่ฮั่นมายังไทยเมื่อวันที่ 8 ม.ค.และถูกตรวจพบว่ามีไข้สูงจึงถูกกักตัวไว้ ผลการตรวจเมื่อวันอาทิตย์(12 ม.ค.)ยืนยันผู้ป่วยหญิงจีนรายนี้ติดเชื้อ 2019-nCoV แต่ไม่มีความเชื่อมโยงกับตลาดในอู่ฮั่น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งติดเชื้อของผู้ป่วยหญิงจีนรายนี้

16/1/2563 พบที่ญี่ปุ่น ยืนยัน

ในวันพฤหัสฯ(16 ม.ค.) กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นแถลงยืนยันกรณีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาตัวใหม่ เป็นชายอยู่ในช่วงวัย 30 ปีที่อาศัยในเขตคานากะวะติดกับกรุงโตเกียว เขาเพิ่งกลับจากเมืองอู่ฮั่น

18/1/2563

ในที่สุดจีนได้เผยเชื้อไวรัสปอดบวมลึกลับที่ระบาดในอู่ฮั่นเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ต่อมาองค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ระบุชื่อเป็น coronavirus 2019 ชื่อย่อคือ 2019-nCoV มันเป็นการกลับมาอาละวาดของไวรัสโคโรน่ารุ่นใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าจะกลับมาคุกคามมนุษย์ในทุกราว 10 ปี

Michael M. C. Lai นักไวรัสวิทยาชาวไต้หวันผู้มีฉายาบิดาแห่งไวรัสโคโรน่ากล่าวว่า ไวรัสซาร์สและเมอร์สมาจากการกลายพันธุ์ใหม่ของไวรัสค้างคาว สำหรับไวรัสตัวใหม่นี้มาจากสัตว์สายพันธุ์ไหนยังไม่รู้แน่ชัด โดยอาจเป็นไปได้ว่ามันมาจากเชื้อไวรัสค้างคาวที่กลายพันธุ์และปนเปื้อนในสัตว์ป่า หลังจากนั้นก็ติดต่อสู่คนอีกที และโอกาสการติดเชื้อระหว่างคนสู่คนนั้นไม่สูงมาก

สำหรับโคโรน่าไวรัสนั้นสามารถติดต่อกันระหว่างสัตว์ ได้แก่ สุกร วัวกระบือ แมว สุนัข อูฐ ค้างคาว และหนู รวมทั้งคนด้วย

20/1/2563 บิดาไวรัสโคโรน่า

นักไวรัสวิทยาชาวไต้หวันผู้มีฉายา “บิดาแห่งไวรัสโคโรนา” เผยไวรัสปอดบวมในอู่ฮั่นซึ่งถูกระบุตัวเป็นโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ยังคงเป็นเชื้อโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน ส่วนการติดต่อจากคนสู่คนด้วยกันนั้นยังเป็นไปได้ต่ำหรืออย่างจำกัด แต่เนื่องจากยีนส์ของไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ได้ง่ายมาก ดังนั้น หน่วยงานสาธารณสุขและควบคุมโรคติดต่อตลอดจนสังคมไม่ควรวางใจ

ดร.ไล่หมิงเจ้า (Michael M. C. Lai) นักไวรัสวิทยาชาวไต้หวันแห่งสถาบันวิจัยไวรัสโคโรนาชั้นนำระหว่างประเทศ ชี้ว่าทั้งโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือซาร์ส (Sars) ที่ระบาดช่วงปี 2002-03 และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือเมอร์ส (MERS) ที่ระบาดในปี 2012 นั้น มาจากเชื้อไวรัสโคโรนาที่ติดต่อจากสัตว์สู่คนและเป็นเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ของยีนส์ที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจร้ายแรงที่ระบาดวงกว้างและอัตราการเสียชีวิตสูง ดังนั้นการระบาดไวรัสปอดบวมอู่ฮั่นที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงต้องมีมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด

ดร.ไล่หมิงเจ้า กล่าวว่าไวรัสโคโรนานี้เป็นอาร์เอ็นเอไวรัส (RNA virus) ชนิดหนึ่ง และ “การกลายพันธุ์ง่าย” เป็นลักษณะเด่นของอาร์เอ็นเอไวรัส สัตว์ในธรรมชาติจำนวนมากมีไวรัสโคโรนาโดยเฉพาะค้างคาว เชื้อโคโรนาไวรัสในค้างคาวไม่สามารถติดต่อโดยตรงมายังคน แต่หลังจากที่เกิดการกลายพันธุ์ในยีนส์ของมันกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่และปนเปื้อนในสัตว์ชนิดอื่น ก็อาจติดต่อสู่คนได้

ไวรัสซาร์สเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาค้างคาวที่กลายพันธุ์ หลังจากนั้นปนเปื้อนในชะมด และในที่สุดเชื้อไวรัสโคโรนาจากตัวชะมดก็ติดต่อมาถึงคน ส่วนเมอร์สนั้นก็เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาค้างคาวที่กลายพันธุ์ หลังจากนั้นก็ไปปนเปื้อนในอูฐ และติดต่อจากอูฐสู่คน

ซาร์สและเมอร์สมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัสค้างคาว สำหรับไวรัสปอดบวมอู่ฮั่นนี้มาจากสัตว์สายพันธุ์ไหนยังไม่รู้แน่ชัด โดยอาจเป็นไปได้ว่ามาจากเชื้อไวรัสค้างคาวที่กลายพันธุ์และปนเปื้อนในสัตว์ป่า หลังจากนั้นก็ติดต่อสู่คน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบขั้นต้นกลุ่มนักวิจัยได้ระบุไวรัสปอดบวมที่ระบาดในอู่ฮั่นเป็นโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งต่อมาองค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ตั้งชื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในอู่ฮั่น 2019-nCoV

20/1/63 ยืนยันติดเชื้อจากคนสู่คนได้ 217 ราย พบไทย 2 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย เกาหลีไต้ 1 ราย

ปักกิ่ง, 20 ม.ค. (ซินหัว) - ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ออกมายืนยันว่าเชื้อไวรัสโคโรนา (coronavirus)สายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ พร้อมเปิดเผยถึงการติดเชื้อในหมู่บุคลากรทางการแพทย์

เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เวลา 6.00 น. จีนรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่เกิดจาเชื้อไวรัสโคโรนา 224 ราย ในจำนวนดังกล่าว มีผู้ป่วยได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว 217 ราย โดยทางการพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสข้างต้น 198 ราย ในอู่ฮั่น 14 ราย ในมณฑลกว่างตง และ 5 รายในกรุงปักกิ่ง

ทั้งนี้ ในต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้ ยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าว 1ราย, 2 ราย, และ 1 ราย ตามลำดับ

https://mgronline.com/china/detail/9630000006498

21/1/2563 เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ติดเชื้อ บุคลากรติดเชื้อ 15 ราย

ซินหัว, อู่ฮั่น — ช่วงเช้าวันอังคาร (21 ม.ค.) คณะกรรมการสุขภาพนครอู่ฮั่นทางตอนกลางของจีน รายงานว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ท้องถิ่น จำนวน 15 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) และมีเจ้าหน้าที่อีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยสงสัย (suspect case) โดยผู้ป่วย 1 ใน 16 รายข้างต้นมีอาการขั้นวิกฤต ขณะผู้ป่วยที่เหลือมีอาการคงที่ โดยทั้งหมดได้รับการรักษาแบบแบ่งแยก

ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ยืนยันว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ และมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อดังกล่าว

นับจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันจันทร์ (20 ม.ค.) จีนพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้วทั้งหมด 224 ราย โดยเป็นผู้ป่วยยืนยัน 217 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) 14 ราย กรุงปักกิ่ง 5 ราย และเมืองอู่ฮั่น 198 ราย โดยเมืองอู่ฮั่นเป็นพื้นที่แรกที่พบการแพร่ระบาด และมีผู้เสียชีวิตรายที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา

22/1/2563 พบที่เซี่ยงไฮ้

ไชน่าเดลี่ สื่อจีน รายงาน (22 ม.ค.) ช่วงค่ำวันอังคาร (21 ม.ค. 63) ทางการเซี่ยงไฮ้ประกาศพบผู้ต้องสงสัยเป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) จำนวน 3 ราย

22/1/2563 ไทยพบ 4 ราย เป็นคนจีน 3 คนไทย 1

ขณะนี้ประเทศไทยยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น จำนวน 4 ราย ซึ่งมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน คือ อู่ฮั่น

-โดยเป็นคนจีนมาเที่ยวประเทศไทย 3 ราย ซึ่งตรวจคัดกรองเจอที่สนามบินสุวรรณภูมิ และแยกตัวมารักษาที่ห้องแยกโรค สถาบันบำราศนราดูร อาการดีขึ้นเป็นลำดับ โดยขณะนี้ผู้ป่วย 2 รายแรกได้รับการตรวจยืนยันว่าปลอดเชื้อและหายแล้ว จึงดำเนินการอำนวยความสะดวกส่งกลับประเทศจีน เมื่อ 2 วันก่อน เหลืออีก 1 ราย อาการดีขึ้น กำลังรอผลห้องปฏิบัติการ (แล็บ) จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ หากยืนยันตรงกันว่าปลอดเชื้อก็จะส่งกลับบ้านต่อไปเช่นกัน

-ส่วนอีก 1 รายเป็นคนไทย ที่ไปเที่ยวอู่ฮั่น ประเทศจีน กลับมาแล้วแสดงอาการและตรวจพบเชื้อไวรัสดังกล่าว อาการก็ดีขึ้น แพทย์ที่ รพ.นครปฐม ก็ยืนยันว่ายังไม่มีความจำเป็น ควบคุมได้ ไม่ต้องส่งตัวมาที่สถาบันบำราศนราดูร

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. มีจำนวน 38 รายเหลือรักษาตัวใน รพ. 10 ราย โดยยืนยันว่าป่วยด้วยเชื้อนี้ 4 ราย ได้แก่ หญิงจีนอายุ 61 ปี หญิงจีนอายุ 74 ปี ซึ่งสองรายนี้หายและกลับประเทศแล้ว รายที่สามเป็นหญิงไทยอายุ 73 ปี ที่ รพ.นครปฐม และรายที่สี่ เป็นชายจีนอายุ 68 ปี ส่วนที่เหลือไม่เข้าข่ายเชื้อไวรัสนี้ แต่จากนี้ก็จะมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เข้ามาเรื่อยๆ

ดร.แดเนียล เคอร์เทส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยลงทุนในบุคลากร การดูแลคนไข้ แม้ว่าจะเสียค่าดูแลรักษา แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และจากสถานการณ์แบบนี้คือ สธ.ไทยยังมีการค้นหา ควบคุม และยังมีการเดินทางไปมาเช่นนี้ ก็คาดได้เลยว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก มีผู้ป่วยอุบัติเกิดขึ้นแน่นอน แต่องค์การอนามัยโลกมั่นใจว่า ประเทศไทยจะสามารถคัดกรองมารักษาได้ทุกราย นี่คือสิ่งที่ WHO เชื่อมั่น

https://mgronline.com/qol/detail/9630000007022

23/1/2563 “อู่ฮั่น” ชัตดาวน์ 10 โมงวันนี้ ยอดเสียชีวิต 17 ราย

ห้ามเดินทางเข้าออก ยกเลิกเที่ยวบิน-รถไฟทั้งหมด

ห้ามเดินทางเข้าออก ยกเลิกเที่ยวบิน-รถไฟทั้งหมด

เอเจนซี - รัฐบาลท้องถิ่นอู่ฮั่นประกาศปิดเมืองทั้งหมด ตัดเส้นทางการคมนาคมตั้งแต่ 10.00 น.วันนี้ หลังจากตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ พุ่งไปที่ 17 คนแล้ว

วันนี้ (23 ม.ค.) ทางการเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประกาศปิดเมืองตั้งแต่ 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 09.00 น.ตามเวลาไทย โดยสถานีรถไฟและสนามบินจะถูกปิดให้บริการ รถประจำทาง รถไฟใต้ดิน เรือเฟอร์รี และรถโดยสารทางไกลก็จะหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ล่าสุดคร่าชีวิตประชาชนแล้ว 17 คน และมีการแพร่กระจายไปแล้วหลายประเทศ รวมถึงไทย

https://mgronline.com/china/detail/9630000007313

24/1/2563 จำนวนผู้ติดเชื้อ 830 ราย เสียชีวิตแล้ว 25 ราย

รอยเตอร์ - จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มเป็นอย่างน้อย 830 ราย เสียชีวิตแล้ว 25 รายวันนี้ (24 ม.ค.) ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับเป็นสถานการณ์เร่งด่วน แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

24/1/63

ปอดบวม อู่ฮั่น โคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ (ต่อ)

ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันประมาณ 900 ราย เสียชีวิต 26 รายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เกิน 65 ปี

ไวรัสนี้เป็นไวรัสตัวใหม่ ไม่เคยพบในมนุษย์มาก่อน เมื่อเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ขาดองค์ความรู้ ของโรค

ถ้ามองในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโรคปอดบวม อู่ฮั่น ก็คงจะไม่เลวร้ายไปกว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในระยะแรกก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน หลังจากระบาดใหญ่ ไวรัสตัวนี้ก็ประจำถิ่น เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไปเรียบร้อยแล้ว คนส่วนใหญ่เคยเป็น และมีภูมิอยู่บ้างแล้วการระบาดใหญ่จึงลดลง ทุกวันนี้ก็ยังตรวจพบและมีการระบาดเป็นหย่อม เช่นการระบาดในโรงเรียนที่เราเห็นอยู่ ว่ามีไข้หวัดใหญ่ เอ ระบาด ปิดโรงเรียน

กลุ่มโคโรน่าไวรัส ก่อโรคให้ทั้งคนและสัตว์มีเป็นจำนวนมากมาย ที่พบในคน เดิมมี 6 สายพันธุ์

สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ที่ 7

4 สายพันธุ์เดิม ส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจของเด็ก

ผู้ใหญ่ส่วนมากเคยติดเชื้อมาแล้วและมีภูมิต้านทาน และแข็งแรงกว่า ยกเว้นผู้สูงอายุ

ทำนองเดียวกัน อู่ฮั่นโคโรน่าไวรัส จะเห็นว่าในเด็ก หรือวัยกลางคน อาการจะน้อย แทบจะไม่มีใครเสียชีวิตเลย

โรคนี้ติดต่อทางฝอยละออง ที่ผู้ป่วยไอ จามออกมา แล้วตกทำโต๊ะ พื้น ที่ต่างๆเมื่อเราเอามือไปสัมผัส แล้วมือนั้นมาโดนใบหน้า ขยี้ตา จมูก ปาก ทำให้ติดเชื้อได้

การเดินสวนไปสวนมาไม่ทำให้ติด

ยกเว้นว่ามีการไอจามเกิดขึ้น ฝอยละอองกระเด็นมาถูกเรา

การล้างมือจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ในฤดูกาลนี้ไม่ควรจะถูกต้องไปหน้า ถ้าไม่ได้ล้างมือก่อน

การรับประทานอาหารที่สุกสะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือการใช้ช้อนกลางก็เป็นการป้องกันการสัมผัสระหว่างคนสู่คนได้

การปฏิบัติตัวให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันโรคได้

Cr.ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ

Lancet

สรุปย่อ ๆ จาก Lancet: n-CoV ที่ admit ในโรงพยาบาล

1. อาการแสดงเหมือนไข้หวัดเลย: ไข้ ไอ เหนื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

2. Median time to admit 7 วัน 8 วันมีอาการเหนื่อย 9 วันเป็น ARDS

3. ผล lab non-specific ส่วนใหญ่ lymphopenia, platelet ปกติ ไม่ค่อยมี liver, kidney involvement, PCT ไม่ขึ้นนะครับ

4. ฟิล์มปอด เปรอะสองข้างกว่า 98%

5. Cardiac involvement 12% ถ้านอนไอซียูเจอร่วม 30%

6. 1/3 admit ICU, ร้อยละ 85 ต้องเข้าไอซียูด้วยเรื่อง ALI/ARDS, 1/3 มี secondary infection, 25% shock

7. ECMO 15% ใน ICU

8. Overall mortality 15% ใน hospitalized case, ICU mortality เกือบ 40%

สรุป paper 2019-nCoV, Wuhan สำคัญนี้สั้นๆ และ #มาตรการที่ต้องปฏิบัติทันทีสำหรับโรงพยาบาล

จากการรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย 41 ราย ที่ผลการตรวจ confirm nCoV 2 Jan 2020

- ผู้ป่วย 70% เป็นเพศชาย มีโรคประจำตัว 32% อายุเฉลี่ย 49 ปี

- 66% เคยเดินทางไปตลาดอาหารทะเล

- อาการสำคัญที่พบ คือ ไข้ (98%) ไอ (76%) ปวดเมื่อยหรืออ่อนเพลีย (44%)

- ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อยได้ในช่วง 0-8 วันหลังจากติดเชื้อ ซึ่งพบได้ถึง 55%

- อาการรองที่พบได้คือ เสมหะ (28%) ปวดศีรษะ (8%) ไอเป็นเลือด (5%) ถ่ายเหลว (3%)

- การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญคือ ตรวจพบฝ้าในปอด (pneumonia) จากการทำ CT chest

- พบ lymphopenia 63%, RNAaemia-6%, elevated cardiac enzyme 12% และ secondary infection 10%

- หนึ่งในสาม (33%) ต้องเข้า ICU และเสียชีวิต 15%

- ผู้ป่วยที่ต้องเข้า ICU มีระดับ inflammatory marker (IL2, IL7, IL10, GSCF, IP10, MCP1, MIP1A และ TNF-alpha) สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เข้า ICU

สิ่งที่ควรออกคำแนะนำก่อน ในช่วงนี้

1. ให้ screen คนไข้หวัดแยกจากกลุ่มคนไข้อื่น ไม่ว่ามีไข้หรือไม่ เนื่องจากอาการยังไม่มีจำเพาะสำหรับโรคนี้ แต่อาการข้างต้นจะช่วยได้มาก

2. ซักประวัติการเดินทางในช่วง 2-4 สัปดาห์ ถ้ามาจาก ตปท โดยเฉพาะประเทศที่มีการรายงานระบาดไปแล้ว ให้แยกจากคนไข้คนอื่น

3. ฟิล์มเอ็กซเรย์ในเบื้องต้น ถ้าพบความผิดปกติให้แยกผู้ป่วยไว้ก่อน หรือถ้าไม่ชัดเจนแต่ประวัติหรืออาการต้องสงสัยอาจจะต้องทำ CT chest เพื่อยืนยัน

4. เก็บสารคัดหลั่งเพื่อตรวจ PCR ระหว่างนี้ต้องรายงาน IC และ isolate เพื่อสังเกตอาการ โรงพยาบาลต้องหาช่องทางการส่งตรวจสารคัดหลั่งที่ชัดเจนให้ได้โดยไว

5. การรักษาขณะนี้เป็นการรักษาตามอาการ แต่บุคลากรทางการแพทย์ต้องป้องกันระดับสูงสุดไว้ก่อน

เน้น!!!! ต้องเข้าใจก่อนว่านี่คือรายงานเฉพาะคนไข้ที่นอนโรงพยาบาล ไม่ใช่คนไข้ที่ติดเชื้อทั้งหมดนะครับ ส่วนใหญ่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลเลยนะนั่น....

https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(20)30183-5/fulltext

25/1/2563 2022 ราย วิกฤต 324 เสียชีวิต 56

จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส รวมอยู่ที่ 2,022 ราย โดยมีอาการหนักขั้นวิกฤต 324 ราย

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 56 ราย จากข้อมูล ณ วันเสาร์ที่ 25 ม.ค.

26/1/2563 ด่วน! จีนประกาศ ‘ภาวะฉุกเฉินสูงสุด’ ทั่วประเทศ ยกเว้น ‘ทิเบต’

ปักกิ่ง, 26 ม.ค. (ซินหัว) - สืบเนื่องจากรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ขยายวงไปทั่วประเทศ หน่วยปกครองระดับมณฑล 30 แห่งของจีน ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุด เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มองโกเลียใน หนิงเซี่ย เฮยหลงเจียง จี๋หลิน เหลียวหนิง ซานซี ส่านซี เหอหนาน กานซู่ ชิงไห่ ซินเจียง และ ไห่หนาน ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุดตามภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ

ทั้งนี้ “เขตปกครองตนเองทิเบต” ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน นับเป็นภูมิภาคเพียงแห่งเดียวที่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสในปัจจุบัน

“ชีวิตคือสิ่งสำคัญสูงสุด ความรับผิดชอบของเรา คือ การป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัส” สี กล่าว พร้อมออกคำสั่งให้การป้องกันและการควบคุมเชื้อไวรัส เป็นพันธกิจอันดับหนึ่งของคณะกรรมการพรรค และรัฐบาลทุกระดับ

27/1/2563 2744 ราย วิกฤต 461 ราย เสียชีวิต 80 ราย

ซินหัว,ปักกิ่ง — คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศ (27 ม.ค.) ระบุจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ในประเทศอยู่ที่ 2,744 ราย เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) โดยเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤต 461 ราย

คณะกรรมการฯ ระบุว่าตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการยืนยันผู้ป่วยจากไวรัสฯ รายใหม่จำนวน 769 ราย ผู้ป่วยสงสัยรายใหม่ 3,806 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 24 ราย (24 รายนี้อยู่ในมณฑลหูเป่ย)

ส่วนจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ในต่างประเทศ แบ่งเป็นไทย 8 ราย, ญี่ปุ่น 3 ราย, เกาหลีใต้ 3 ราย, สหรัฐฯ 3 ราย, เวียดนาม 2 ราย, สิงคโปร์ 4 ราย, มาเลเซีย 3 ราย, เนปาล 1 ราย, ฝรั่งเศส 3 ราย และออสเตรเลีย 4 ราย

27/1/2563 “การให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้ป่วยปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งไม่ปรากฏอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ”

โรงพยาบาลประชาชนสังกัดมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นออกประกาศในวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง “การให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้ป่วยปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งไม่ปรากฏอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ” 《高度重视非呼吸系统的首发症状——新型冠状病毒性肺炎(2019-nCOV)患者的识别与防护》

พร้อมกับเตือนเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและสาธารณชนให้เฝ้าระวังอย่างสูงต่อกลุ่มติดเชื้อไวรัสปอดอักเสบที่ไม่ปรากฏอาการเบื้องต้นตามแบบฉบับ(非典型病状)ได้แก่ มีไข้ ไอ และอาการทางระบบทางเดินหายใจ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ประจำแผนกอายุรกรรมระบบย่อยอาหาร แผนกระบบทางเดินหายใจ และแผนกผู้ป่วยสาหัสของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลายรายที่ “ไม่ปรากฏอาการเบื้องต้นตามแบบฉบับ”

ศาสตราจารย์ เฉินกั๋วจง (陈国总)หนึ่งในแพทย์ผู้รับผิดชอบแผนกทางเดินหายใจ โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น เผยว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหลายราย ไม่มีไข้ ไอ และอาการทางระบบทางเดินหายใจซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นตามแบบฉบับของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ได้พบความผิดปรกติของระบบการทำงานอื่นๆ ดังนี้

ระบบย่อยอาหาร ได้แก่ ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ ท้องเสีย อ่อนเพลีย

ระบบประสาท ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อเอวและหลังในระดับเบา

ระบบหลอดเลือด ได้แก่ ใจสั่น แน่นหน้าอก

ระบบการมองเห็น ได้แก่ เยื่อตาอักเสบ

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจึงเตือนให้ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยไวรัสโคโรนาโดยตรงและโดยอ้อม ขอรับการเอกซเรย์ทรวงอก เช็กสภาพปอด เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและท่วงทัน

28/1/2563 ผู้ป่วย 4465 ราย เสียชีวิต 106 ราย

เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น ล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตในจีนถึง 106 ราย และติดเชื้อเพิ่มอีกเป็น 4,465 ราย

วันนี้ (28 ม.ค.) สถานการณ์การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น ล่าสุดพบว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในจีนทั้งหมด 106 คน ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 4,465 คน ทั่วประเทศ และทำการรักษาหายได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 59 ราย

สำหรับประเทศที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จนถึงเวลานี้มีทั้งหมด 14 ประเทศ ดังนี้

จีน 4,465 ราย

ไทย 8 ราย

สหรัฐอเมริกา 5 ราย

ญี่ปุ่น 4 ราย

ออสเตรเลีย 5 ราย

สิงคโปร์ 5 ราย

มาเลเซีย 4 ราย

เกาหลีใต้ 4 ราย

ฝรั่งเศส 4 ราย

เวียดนาม 2 ราย

แคนาดา 2 ราย

เนปาล 1 ราย

กัมพูชา 1 ราย

เยอรมนี 1 ราย

28/1/2563 สธไทย.ยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 6 ราย รวมทั้งหมดเป็น 14 ราย

29/1/2563 ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนพุ่ง 5,974 ตาย 132 ขณะที่สหรัฐฯ เล็งระงับเที่ยวบิน

รอยเตอร์ - คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเผยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 1,459 กรณีมาอยู่ที่ 5,974 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 26 ราย รวมเป็น 132 รายในวันอังคาร (28 ม.ค.) ขณะเดียวกันก็มีเคสต้องสงสัยที่อยู่ระหว่างติดตามอาการกว่า 9,000 ราย ด้านสหรัฐฯ ขยายมาตรการตรวจเข้มผู้โดยสารจากจีนเพิ่มเป็น 20 สนามบิน และอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ว่าจะสั่งระงับเที่ยวบินไปจีนทั้งหมดหรือไม่

https://mgronline.com/around/detail/9630000009375

29/1/2563 เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่กระจายผ่าน “การสัมผัส” ได้ด้วย

ซินหัว, ปักกิ่ง - คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในจีน นอกจากสามารถแพร่กระจายผ่าน “ละอองในอากาศ” เป็นหลักแล้ว ยังสามารถแพร่กระจายผ่าน “การสัมผัส” ได้ด้วย

วันนี้ (29 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แผนการวินิจฉัยและรักษาโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ฉบับปรับปรุง ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เพิ่มลักษณะการระบาดของเชื้อไวรัสฯ อีก 3 ลักษณะ และชี้ว่าแหล่งแพร่เชื้อหลักในปัจจุบันคือผู้ติดเชื้อไวรัสฯ

ผู้คนทั่วไปสามารถติดเชื้อไวรัสฯ ได้ รวมถึงเด็กและทารก หากผู้สูงอายุและผู้มีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ติดเชื้อไวรัสฯ จะมีแนวโน้มป่วยหนักขั้นรุนแรงกว่า

30/1/2563 ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 7,711 ราย เสียชีวิตแล้ว 170 ราย

วันนี้ (30 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีการยืนยันผลรวมอยู่ที่ 7,711 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้งหมด 170 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.)

คณะกรรมการฯ ระบุว่าผู้ป่วยทั้งหมดกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่ง ซึ่งผู้ป่วยส่วนหนึ่งจำนวน 1,370 ราย ยังคงมีอาการหนักขั้นวิกฤต จำนวนผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสฯ อยู่ที่ 12,167 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนออกจากโรงพยาบาลได้อยู่ที่ 124 ราย

เมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯ รายใหม่ 1,737 ราย โดยมี 1 ราย เป็นผู้ป่วยรายแรกของเขตปกครองตนเองทิเบต ผู้ป่วยต้องสงสัยรายใหม่ 4,148 ราย และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 38 ราย ซึ่งแบ่งเป็นในหูเป่ย 37 ราย และในซื่อชวน (เสฉวน) 1 ราย

31/1/2563 ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่ 9,692 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิต 213 ราย

วันนี้ (31 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันผลอยู่ที่ 9,692 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตอยู่ที่ 213 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.)

1/2/2563 ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่ 14,380 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิต 304 ราย

วันเสาร์ (1 ก.พ.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันผลอยู่ที่ 14,380 ราย (ตัดกว่างตงออก 1 ราย) และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตอยู่ที่ 304 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันเสาร์ (1 ก.พ.)

12/2/2563 ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่ 44,852 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิต 1,113 ราย

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็น 1,113 ราย โดยพบผู้เสียชีวิตนอกจีนแผ่นดินใหญ่แล้วที่ฟิลิปปินส์และฮ่องกงอย่างละ 1 ราย มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 44,852 ราย

รักษาหายแล้ว 4,536 ราย

อัตราการเสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 2.48% ขณะที่

อัตราการรักษาหายเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 10.11%

ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ุใหม่ใน 26 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ โดยชาติที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย ซึ่งพบผู้ติดเชื้อในจีนแผ่นดินใหญ่มากถึง 44,374 ราย คิดเป็น 98.93% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในขณะนี้ โดยจีนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจากวานนี้ 1,736 ราย ฮ่องกงเพิ่ม 7 ราย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเยอรมนี เพิ่ม 2 ราย ขณะที่ไทย เกาหลีใต้ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา เพิ่มประเทศละ 1 ราย

1/3/2563 ติดเชื้อกว่า 87,000 ราย เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย

ผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนพุ่ง-มะกันดับรายแรก ทั่วโลกประกาศแบนกิจกรรมขนาดใหญ่

ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทรัมป์ยืนยันไม่มีเหตุผลต้องแตกตื่นแม้พบผู้เสียชีวิตคนแรกจากโควิด-19 ในอเมริกา เช่นเดียวกับออสเตรเลียที่พบผู้เสียชีวิตรายแรกเช่นกัน ขณะเดียวกัน รัฐบาลของหลายประเทศในยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกา และเอเชีย สั่งแบนกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มากและยกระดับการจำกัดการเดินทางเข้มงวดขึ้น

วันอาทิตย์ (1 มี.ค.) จีนรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 573 คน สูงสุดในรอบสัปดาห์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตัวเลขเริ่มลดลงแล้ว

เกาหลีใต้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 586 คนในวันอาทิตย์ รวมเป็น 3,736 คน ถือเป็นสถิติสูงสุดนอกจีน และคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องขณะที่ทางการกำลังคัดกรองสมาชิกกว่า 210,000 คนของ “ศาสนจักรชินชอนจิแห่งพระเยซูคริสต์” (Shincheonji Church of Jesus) ที่เชื่อว่าเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อครึ่งหนึ่งของทั้งหมด

ออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตคนแรก เป็นชายวัย 78 ปีที่อพยพมาจากเรือไดมอนด์ปรินเซสส์ที่จอดกักกันโรคนอกชายฝั่งญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว

ฝรั่งเศส มีการยกเลิกกิจกรรมที่มีกลุ่มคน 5,000 คนขึ้นไป ซึ่งรวมถึงปารีส ฮาล์ฟ-มาราธอนและการประชุมด้านการเกษตรที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 16 คน รวมเป็น 73 คนเมื่อวันเสาร์

อิตาลีที่มีการระบาดหนักที่สุดในยุโรป พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้นเกิน 1,100 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8 คนเมื่อวันเสาร์ เป็น 29 คน การระบาดทำให้ต้องมีการประกาศเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลซีรี่ เอ ซึ่งรวมถึงคู่บิ๊กแมตช์ระหว่างยูเวนตุสกับอินเตอร์มิลาน รัฐบาลยังประกาศปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองใน 3 แคว้นที่มีการระบาด

อิหร่านสั่งปิดโรงเรียนจนถึงวันอังคาร (3 มี.ค.) และขยายการปิดมหาวิทยาลัย รวมทั้งห้ามจัดคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬา 1 สัปดาห์ และห้ามเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังโรงพยาบาลหรือสถานดูแลผู้สูงวัย ขณะที่ยอด ผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นเกือบ 600 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 40 คน ซึ่งรวมถึงสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 เดือนที่ผ่านมา

ญี่ปุ่น งานโตเกียวมาราธอนในวันอาทิตย์มีผู้เข้าร่วมเพียง 200 คน หลังจากประกาศลดขนาดกิจกรรมจากเดิมที่มีนักวิ่งลงชื่อเข้าร่วม 38,000 คน เหลือเฉพาะนักวิ่งชั้นนำเท่านั้น ขณะที่การแข่งขันซูโม่ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์หน้า (8 มี.ค.) จะจัดในสถานที่ปิด

รัฐบาลทั่วโลกต่างรีบเร่งป้องกันการระบาดด้วยมาตรการต่างๆ ตั้งแต่การปิดเมืองในจีน จนถึงการแบนเที่ยวบินและการเดินทางจากประเทศที่มีการระบาดรุนแรง กระนั้น ช่วงไม่กี่วันมานี้ ไวรัสระบาดไปถึงซับ-ซาฮาราแอฟริกา ขณะที่กาตาร์ เอควาดอร์ ลักเซมเบิร์ก และไอร์แลนด์ ต่างยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันเสาร์ ด้านบราซิลยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายที่สอง ซึ่งมีประวัติเดินทางไปอิตาลีก่อนหน้านี้

ref.

https://news.ch7.com/detail/386197

https://themomentum.co/wuhan-pneumonia/

https://mgronline.com/around/detail/9630000002521

FB yong pooworawan

https://mgronline.com/qol/detail/9630000003746

https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.html : Website โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

https://mgronline.com/china/detail/9630000006874

https://mgronline.com/china/detail/9630000006239

https://mgronline.com/china/detail/9630000006910

https://mgronline.com/china/detail/9630000008323

https://mgronline.com/china/detail/9630000008624

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000010188

https://thestandard.co/corona-virus-casualty-numbers/

ปล.

นโยบาย จาก ในเครือ

กรณีมีผู้ป่วยที่มีอาการในระบบทางเดินหายใจร่วมกับเดินทางมาจากประเทศจีนทาง

ตอนใต้ (มณฑลวู่ฮั่น เมืองเหอเป่ย) ขอให้ดำเนินการดังนี้

1. การดูแลให้ดูแลแบบ Airborne Precaution

2. ให้ Isolation คนไข้ทันที เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

3. การส่งแลป ให้ส่งได้ทันที หากต้องการส่งคู่ขนาน สามารถส่ง รพ.รัฐบาลได้

(ประสานขอเลขออกได้จาก สปคม. 061-6639101)

4. กรณี มีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อประสานงานกับ อ.ยง ได้โดยตรง