Brain Stem
Brain Stem : ก้านสมอง ลำต้นของสมอง
ประกอบด้วย
Midbrain หน้าที่ : ควบคุมการเคลื่อนไหวลูกตา กลอกตาไปมา คุมการเปิดปิดรูม่านตา
Pons หน้าที่ : ควบคุมการเคี้ยว หลั่งน้ำลาย เคลือนไหวใบหน้า การหายใจ
Medulla หน้าที่ : ควบคุมการเต้นหัวใจ การหายใจ ความดันโลหิต กลืน จาม สะอีก อาเจียน
Reticular activating system หน้าที่ : ควบคุมการนอนหลับ ความรู้สึกตื่นตัว ความมีสติสัมปชัญญะ (RASมีลักษณะเซลล์ประสาทและเส้นใยเชื่อมโยง ระหว่าง Medullar oblongata กับ Thalamus)
เชื่อมระหว่าง สมอง กับ ไขสันหลัง
องค์ประกอบ
1 Midbrain (Mesencephalon)
หน้าที่ : ควบคุมการเคลื่อนไหวลูกตา กลอกตาไปมา คุมการเปิดปิดรูม่านตา
ด้านบน เชื่อมกับ Diencepahlon : thalamus and hypothalamus
ด้านล่าง เชื่อมกับ Pons
องค์ประกอบ ประกอบด้วย
#เทคตัม (tectum) (หรือคอร์พอรา ควอไดรเจมินา (corpora quadrigemina))
ตุ่มนูน 4 ก้อนด้านหลัง : 2ตุ่มบน superior and 2 ตุ่มล่าง inferior colliculus
โครงสร้างนี้ช่วยในการไขว้ทแยงของเส้นใยประสาทตา
-ซุพีเรียร์ คอลลิคูลัสเกี่ยวข้องกับการกลอกตาไปหาวัตถุ
-อินฟีเรียร์ คอลลิคูลัสทำหน้าที่ในการเชื่อมการมองเห็นกับสัญญาณเสียง
กล่าวคือช่วยในการมองตามเสียงที่ได้ยิน
-บริเวณนี้มีเส้นประสาทสมองคู่ที่ 4 ชื่อว่าเส้นประสาททรอเคลียร์ (trochlear nerve) ออกจากพื้นผิวด้านหลังของสมองส่วนกลาง ใต้อินฟีเรียร์ คอลลิคูลัส
#เทกเมนตัม (tegmentum)
#เวนทริคิวลาร์ มีโซซีเลีย (ventricular mesocoelia)
#ซีรีบรัล พีดังเคิล (cerebral peduncle) หรือ ฐานซีรีบรัม
มีลักษณะเป็นคู่อยู่ที่ด้านหลังของท่อน้ำสมอง
ทำหน้าที่เป็นเส้นทางผ่านของลำเส้นใยประสาทคอร์ติโคสไปนัล (corticospinal tract) ซึ่งมาจากอินเทอร์นัล แคปซูล (internal capsule) ไปยังไขสันหลังเพื่อสั่งการการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ตรงกลางของซีรีบรัล พีดังเคิล มี ซับสแตนเชีย ไนกรา (substantia nigra; แปลว่า "เนื้อสีดำ") ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ส่วนนี้เป็นเพียงส่วนเดียวของสมองที่มีเม็ดสีเมลานิน
ระหว่างฐานซีรีบรัมทั้งสองมีแอ่งเรียกว่า อินเตอร์พีดังคิวลาร์ ฟอซซา (interpeduncular fossa)
เป็นแอ่งที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อสมองไขสันหลัง บริเวณนี้มีเส้นประสาทกล้ามเนื้อตา (oculomotor nerve) ออกมาจากระหว่างฐานซีรีบรัม เส้นประสาทนี้ทำหน้าที่หดรูม่านตาและกลอกตา นอกจากนี้บริเวณนี้จะเห็นเส้นประสาททรอเคลียร์วิ่งโอบรอบด้านนอกของซีรีบรัล พีดังเคิล
#นอกจากนี้ก็มีนิวเคลียสและมัดใยประสาทจำนวนมากมาย
สมองส่วนกลาง คือ ส่วนที่มีความซับซ้อนมาก เส้นทางเดินของระบบประสาทที่ประกอบด้วยกลุ่มของเซลล์ประสาทที่ต่างขนิดกัน และโครงสร้างอื่นๆของสมอง
โดยจะประสานการทำงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การได้ยิน และการเคลื่อนไหวที่สามารถตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ยังประกอบด้วยซับสะแตนเทีย ไนกร้า (substantia nigra) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเซลล์ประสาทที่มีโดปามีน (dopamine) จำนวนมาก และ เป็นส่วนหนึ่งของเบซอล แกนเกลี่ยน (basal ganglion) ถ้าสมองส่วนนี้มีปัญหาก็จะเกิดโรคพาร์กินสัน (Parkinson) ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและการประสานการเคลื่อนไหวได้
หน้าที่ ควบคุมการเคลื่อนไหวของม่านตา ลูกตา
2 Pons
มาจากภาษาละติน แปลว่า สะพาน
ตั้งชื่อโดยนักกายวิภาคศาสตร์และศัลยแพทย์ชาวอิตาลี กอสตันโซ วาโรลิโอ (Costanzo Varolio)
ส่วนเนื้อขาวของพอนส์ประกอบด้วยลำเส้นใยประสาทที่นำสัญญาณ
- จากซีรีบรัมลงมายังซีรีเบลลัมและเมดัลลา และ
- มีลำเส้นใยประสาทรับสัญญาณความรู้สึกส่งขึ้นไปยังทาลามัส
นิวเคลียส และ ศูยน์การทำงาน
- ภายในพอนส์มีนิวเคลียสทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณจากสมองส่วนหน้าลงมายังซีรีเบลลัม
- มีนิวเคลียสที่ทำหน้าที่หลักในการนอนหลับ การหายใจ การกลืน การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ การได้ยิน การรักษาสมดุล การรับรส การกลอกตา การแสดงสีหน้า การรับความรู้สึกบริเวณใบหน้า และท่าทาง
- มีศูนย์ควบคุมการหายใจ (pneumotaxic center) ซึ่งเป็นนิวเคลียสในพอนส์ทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนจังหวะจากหายใจเข้าเป็นหายใจออก
- ยังมีศูนย์ที่ทำให้ร่างกายหยุดเคลื่อนไหวในขณะนอนหลับ และ มีบทบาทในการฝัน
- จะเป็นต้นกำเนิดของเส้นประสาทสมอง 4 คู่ จากทั้งหมด 12 คู่
ทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การสร้างน้ำตา การเคี้ยว กระพริบตา การปรับ focus ของตา การทรงตัว การได้ยิน และการแสดงออกทางใบหน้า เนื่องจากเชื่อมต่อระหว่างสมองส่วนกลาง(mid brain) กับ เมดูลลา (Medulla)
3 Medular / Medullar oblongata
อยู่ที่ส่วนล่างสุดของก้านสมอง เป็นส่วนที่สมองที่ไปติดต่อกับไขสันหลัง
เมดูลลา(medulla) เป็นส่วนที่สำคัญต่อการมีชีวิต
เนื่องจากควบคุมการเต้นของหัวใจ การหายใจ ระบบไหวเวียนโลหิต และระดับของออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ และควบคุมปฏิกิริยาที่อยู่นอกการควบคุมของจิตใจ(reflex) ได้แก่ การจาม ไอ อาเจียน และการกลืน
หน้าที่
-การควบคุมการหายใจ (control of ventilation) อาศัยกระแสประสาทที่ได้จากตัวรับรู้สารเคมีคือ carotid body ซึ่งอยู่ที่หลอดเลือดแดงที่คอ และ aortic body
ซึ่งอยู่ที่ส่วนโค้งเอออร์ตาเหนือหัวใจ กลุ่มตัวรับรู้สารเคมี (chemoreceptor) เหล่านี้เป็นตัวควบคุมการหายใจ คือพวกมันจะตรวจจับความเป็นกรดในเลือด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเลือดเป็นกรดเกิน เมดัลลาจะได้รับข้อมูลจากตัวรับสารเคมีแล้วส่งกระแสประสาทไปยังเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ คือ intercostal muscle ที่ซี่โครงและ phrenical muscle ที่กะบังลมเพื่อเพิ่มอัตราการหดเกร็ง เพิ่มการหายใจ และเพิ่มการเติมออกซิเจนใส่ในเลือด กลุ่มเซลล์ประสาทในเมดัลลาคือ ventral respiratory group และ dorsal respiratory group มีบทบาทในการควบคุมเช่นนี้ กลุ่มอินเตอร์นิวรอน pre-Bötzinger complex ในเมดัลลาก็มีบทบาทในการหายใจด้วยเหมือนกัน
-ศูนย์หัวใจร่วมหลอดเลือด เป็นส่วนของระบบประสาทซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติก
-ศูนย์ปรับขนาดหลอดเลือด - มีตัวรับรับรู้ความดันในหลอดเลือด (baroreceptor) ซึ่งส่งข้อมูลไปยังเมดัลลาส่วน solitary nucleus เพื่อให้ปรับความดันได้
-ศูนย์รีเฟล็กซ์สำหรับการอาเจียน การไอ การจาม และการกลืน รีเฟล็กซ์เหล่านี้รวมทั้งรีเฟล็กซ์ขย้อน (pharyngeal reflex[G]), รีเฟล็กซ์การกลืน (swallowing reflex[H]) หรือ palatal reflex และรีเฟล็กซ์ขากรรไกร (masseter reflex[I]) จึงสามารถเรียกรีเฟล็กซ์เหล่านี้แต่ละอย่างว่า bulbar reflex
โรคที่พบของ Medulla
เส้นเลือดอุดตัน (เช่นที่เกิดในโรคหลอดเลือดสมอง) อาจสร้างปัญหาต่อเมดัลลาที่ pyramidal tract, medial lemniscus และ hypoglossal nucleus เป็นเหตุของกลุ่มอาการที่เรียกว่า medial medullary syndrome อาการเช่น
เมื่อพยายามแลบลิ้น ลิ้นจะเบี้ยวไปทางข้างสมองที่มีปัญหาเพราะกล้ามเนื้อด้านนั้นอ่อนแรง เป็นปัญหาที่ hypoglossal nerve fiber
แขนขาอ่อนแรง (หรืออัมพาตครึ่งซีกโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรง) ในร่างกายซีกตรงข้ามกับสมองข้างที่มีปัญหา เป็นปัญหาที่ pyramidal tract
การเสียความรู้สึกสัมผัสที่แยกแยะวัตถุได้ (discriminative touch) การรับรู้อากัปกิริยาที่รู้สึกได้ และการรับรู้แรงสั่นในร่างกายซีกตรงข้ามกับสมองด้านที่มีปัญหา เป็นปัญหาที่ medial lemniscus
กลุ่มอาการ lateral medullary syndrome อาจเกิดเพราะการอุดตันของเส้นเลือด posterior inferior cerebellar artery หรือของ vertebral artery อาการ
รวมทั้งการเสียความรู้สึกเจ็บและอุณหภูมิที่ร่างกายซีกตรงกันข้าม (กับซีกสมองที่บาดเจ็บ) หรือใบหน้าซีกเดียวกัน
ส่วนอัมพาตก้านสมองส่วนท้ายแบบลุกลาม (progressive bulbar palsy, PBP) เป็นโรคที่ทำลายประสาทซึ่งส่งไปยังกล้ามเนื้อ bulbar muscle (เช่น ลิ้น คอหอย และกล่องเสียง) อาการที่เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งปัญหาการเคี้ยว การพูด และการกลืน ส่วน infantile progressive bulbar palsy เป็น PBP ที่เกิดในเด็ก
Ventricles โครงสร้าง เส้นทาง CSF อย่างไร