SCP-020-JP

SCP-020-JP (16 กรกฏาคม 2560)

ระดับวัตถุ Safe

มาตรการกักกันพิเศษ

SCP-020-JPนั้นถูกคุมตัวไว้ในห้องกักกันมนุษย์ที่ปรับแต่งแล้วในศูนย์8141 ซึ่งปลูกต้นไม้ไว้และใช้ผนังบุนวม เพื่อลดความตึงเครียดจากการถูกกักกันจึงให้เจ้าหน้าที่ระดับ2ขึ้นไปหนึ่งคนพามันออกไปเดินเล่นในพื้นที่สวนสาธารณะในศูนย์เป็นเวลาไม่เกินสองชั่วโมงทุกๆสามวันต่อครั้ง การทำความสะอาดห้องกักกันและดูแลต้นไม้นั้นให้บุคลากรระดับ1เป็นผู้ดำเนินการ แม้ว่า SCP-020-JPนั้นจะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่เนื่องจากพฤติกรรมขณะที่ตกใจนั้นอาจทำให้ตัวมันเองหรือพนักงานบาดเจ็บได้ พนักงานจึงต้องจับสายจูงที่โยงไว้กับเข็มขัดของมันตลอดเวลา หากว่าเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วก็อาจใช้พลองไฟฟ้าได้ ให้พนักงานระดับ2ขึ้นไปมีปฏิสัมพันธ์กับSCP-020-JPเท่านั้น การจงใจทำให้SCP-020-JPตกใจนั้นจะถูกลงโทษ ให้ให้อาหารเป็นผักและธัญพืชบดวันละสามมื้อ ระหว่างการให้อาหารนั้นพนักงานต้องสวมหน้ากากที่เตรียมไว้ด้วย

ลักษณะ

ลักษณะโดยรวมของSCP-020-JPนั้นเป็นเด็กมนุษย์เพศหญิงแต่มีแขนทั้งสองข้างเป็นปีกนก วัดความกว้างเมื่อกางปีกออกได้ 3.0 เมตร ขณะที่นำมันมากักกันนั้นประมาณอายุได้ 10 - 12 ปี โครงกระดูกของส่วนปีกนี้มีโครงสร้างโปร่งเหมือนนกทั่วๆไปจึงเบาและเคลื่อนไหวได้มาก ในอีกแง่หนึ่ง นอกจากส่วนปีกนี้แล้วส่วนอื่นๆของร่างกายก็มีอาการของความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือโรคกระดูกพรุน ลำไส้นั้นหายไป[ข้อมูลปกปิด]ทำให้ระบบย่อยอาหารบกพร่อง จากองค์ประกอบเหล่านี้ แม้ว่ามันจะสูงประมาณ 1.3 เมตร ก็มีน้ำหนักเบามากเพียงประมาณ 20 กิโลกรัมเท่านั้น กล้ามเนื้อหน้าอกและแขนนั้นพบว่ามีพัฒนาการมากกว่าเด็กสาวทั่วๆไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ SCP-020-JPบินได้ มันเคยขาหักเพราะลงพื้นผิดพลาดจากการพยายามบินในห้องมาแล้ว 2 ครั้ง

SCP-020-JPนั้นมีระดับสติปัญญาเทียบได้กับเด็กอายุ 4 ปี ไม่พบความผิดปกติใดๆเกี่ยวกับอวัยวะออกเสียง แต่ตลอดช่วงเวลาที่ทำการกักกันนั้นมันก็ไม่เคยพูดเป็นภาษาเลย หลังจากที่สอนวิชาภาษาให้มันอยู่██เดือน มันก็สามารถเข้าใจถ้อยคำง่ายๆอย่างอาหาร เดินเล่น หรือชื่อพนักงานบางคนได้ SCP-020-JPนั้นเดิมอยู่ในภูเขา████ จังหวัด██ ซึ่งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย████ที่ไปเข้าค่ายที่นั่นได้ช่วยมันไว้จากที่ถูกอีกาฝูงหนึ่งทำร้าย สถาบันได้ทราบเรื่องนี้หลังจากที่มันถูกเจ้าหน้าที่ที่จุดตรวจบนทางหลวงหมายเลข██พบตัว ผลการตรวจDNAนั้นพบว่าลักษณะทางพันธุกรรมของมันนั้นมีความคล้ายคลึงกับนกกระเรียนมงกุฎแดง(Grus japonensis)อยู่██%

ข้อมูลเพิ่มเติม1

ต่อไปนี้เป็นบันทึกการสัมภาษณ์หลังจากที่ทำการกักกันSCP-020-JP

ผู้สัมภาษณ์: ดร.████

หมายเหตุ: บันทึกนี้มาจากศูนย์████ซึ่งเก็บข้อมูลหลังจากที่ได้ตัวSCP-020-JPมา

<เริ่มบันทึก (20██/08/24)>

ดร.████: ในที่สุดก็ถึงเธอแล้วนะ เอ่อ ██████คุง คงไม่ได้เหนื่อยจากที่ขับรถไล่กันนั่นใช่ไหม ช่วยทนอยู่กับเราอีกสักหน่อยนะ

██████: ไม่ เหนื่อยอยู่แล้วล่ะ ขับมาตั้ง███นี่นา...ไม่รู้หรอกนะว่านี่มันเรื่องอะไรแต่ตามใจเถอะ นี่ เด็กคนนั้น...เด็กคนนั้นปลอดภัยหรือเปล่า?

ดร.████: อา บาดแผลนั่นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็นหรอกนะ เห็นว่ามีปัญหาขาดสารอาหารแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรน่ะนะ

██████: เด็กคนนั้น ว่าไงดีล่ะ แย่จังเลยนะ

ดร.████: ฉันว่าเรามาคุยกันเลยดีกว่านะ ฉันมีคำถามจะถามเธอสักหน่อย ไม่ต้องห่วงนะ เราจะดูแลเด็กคนนั้นให้ ไม่ได้คิดจะทำร้ายอะไรหรอก ก็ถามคนอื่นๆดูแล้วน่ะนะ แต่ช่วยเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกเลยได้มั้ย?

██████: ผมก็ยังไม่ได้จับต้นชนปลายดีหรอกนะ เอ่อ...ผมไปเที่ยววันหยุด ไปกับพวกในเซอเคิลพ้นที่ตั้งแคมป์ในภูเขา█████ไปอีกน่ะ ตอนนั้นประมาณห้าโมงเย็น จากถนน███ก็สัก 20 นาทีได้มั้ง? ตอนนั้นเราวิ่งไปได้ 30 นาทีก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ลึกในป่า ห่างไปประมาณ 50 เมตร มีอีการุมจิกอะไรอยู่เต็มไปหมด...ผมคิดว่าเป็นซากสัตว์อะไร ███ล้อเล่นว่าคงเป็นศพคนล่ะมั้ง ผมก็เลยลงจากรถไปดู

ดร.████: พอเธอลงไปก็เจอเด็กคนนั้น...ล้มอยู่สินะ

██████: เอ่อ ใช่ ตอนแรกผมเห็นเท้าก่อนเลยนึกว่าเป็นนกตัวใหญ่มากน่ะ ผมออกไปแล้วใช้กิ่งไม้ไล่ พวกอีกาเลยตกใจหนีกันไป ตอนที่เข้าไปใกล้ผมถึงเห็นว่าเป็นนกกับคนที่รวมด้วยกัน...ตกใจเลยล่ะ

ดร.████: ก็น่าจะอย่างนั้นล่ะนะ เห็นอะไรอื่นผิดปกติอีกหรือเปล่า?

██████: ผมไม่เห็นอะไร คือมันกลางภูเขาน่ะ เด็กคนนั้นนั่งตัวสั่นอยู่แล้วก็เงยหน้าสบตากับผม แล้วจู่ๆก็โผเข้ามากอดเลย ยังไงเธอก็เจ็บอยู่นี่นะ ช่วยไม่ได้ ผมคิดอย่างนั้น อีกสองคนก็คงเหมือนกัน

ดร.████: ขอขัดหน่อยนะ คือ...เธอก็เห็นแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่มนุษย์แล้วก็ยังคิดจะช่วยอยู่อีก? ด้วยความเต็มใจเลยเหรอ?

██████: ...แหงอยู่แล้วล่ะ! ตอนนั้นก็คิดแค่จะพาไปโรงพยาบาลก่อนนะ...จะเป็นนกหรือคนก็เถอะ แต่เพิ่งโดนทำร้ายสะบักสะบอมมาอย่างนั้นก็ต้องช่วยไว้ก่อน จะให้ผมจากมาเฉยๆโดยไม่ช่วยนั่นน่ะไม่ใช่คนแล้วล่ะ!

ดร.████: อืม ขอโทษที่เสียมารยาท ที่เธอทำน่ะถูกต้องตามหลักมนุษยธรรมแล้วล่ะ อย่าว่าแต่เด็กคนนั้นก็น่ารักอยู่นะ ถึงแขนจะเป็นนกก็ช่วยปลุกหัวใจรักความถูกต้องได้นิ

██████: ตาลุงโรคจิตเอ๊ย...แต่ก็นะ ตอนนั้นมัน แบบที่ในหนังเรียกว่าไงนะ? รู้สึกมีตัวตน ไม่ มันไม่ดีกับเด็กคนนั้น คือผมเบื่อชั้นเรียนมากเลยนะ แต่ละวันนี่ไปขลุกกับเพื่อนๆในชมรมตลอดเลย แล้วตอนที่เธอกอดผมบนรถ คือว่านะ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องน่ะ ทำนองนั้น

ดร.████: ฮะฮะ เธอนี่ซื่อดีนะ เอาล่ะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวพอตรวจอะไรอีกนิดหน่อยก็กลับบ้านไปกับเพื่อนๆได้ล่ะนะ

██████: เดี๋ยว ลุงตอบคำถามผมก่อนสิ ที่นี่มันอะไรกัน มันเป็นสถานีวิจัยเหรอ หรือว่าพวกลุงเป็นคนสร้างเด็กคน(เสียงดัง)

<จบการสัมภาษณ์>

ปิดท้าย: จากการทดสอบหลังจากนั้น หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่า SCP-020-JP ไม่มีผลกระทบพิเศษใดๆ ก็ได้ทำการลบความทรงจำของทั้ง 3 คนในระดับ A และ B เช่นเดียวกับพยานคนอื่นๆ - ดร.████

ข้อมูลเพิ่มเติม1

หลังจากทำการกักกันได้ไม่นานนัก SCP-020-JP ก็อยู่ในสภาพที่เป็นทุกข์อย่างมากและแทบไม่กินอาหาร จากการศึกษาเพิ่มเติมนั้นจึงได้พบว่ามันเห็น██████เป็นเพื่อนคนหนึ่งไปแล้ว แม้จะทำการลบความทรงจำระดับ B แล้วก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในขณะนี้การลบความทรงจำแบบ C นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากความเป็นไปได้ที่ SCP-020-JP จะมีความทรงจำบางอย่างก่อนจะถูกกักกัน จึงให้ชะลอไว้ขณะที่ดร.████หาทางแก้ไขอื่นอยู่

ข้อเสนอที่ให้จัดการกับความทรงจำของ██████แล้วให้เป็นผู้ดูแล SCP-020-JP นั้นแน่นอนว่าสามารถกระทำได้ สถาบันเราพร้อมจะลงทุนเพื่อกักกัน SCP อยู่แล้วหากว่าจำเป็น แต่ถ้ามีวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าแล้วเรื่องจะให้ออกงบเพิ่มก็ไม่มีทางน่ะนะ ไม่มีปัญหา แค่สวมหน้ากากไว้ตอนให้อาหารมันก็แยกคุณกับ██████ไม่ออกแล้วล่ะ - ดร.████

ข้อมูลเพิ่มเติม2

ในตอนที่พบตัว SCP-020-JP นั้นมันสวมใส่เสื้อผ้าที่คล้ายกับชุดของโรงพยาบาลอยู่ด้วย โดยที่เท้าข้างซ้ายมีสิ่งที่เหมือนกับกำไลข้อเท้าทำจากโลหะผสมอลูมิเนียมสวมอยู่ด้วย เสื้อผ้านั้นทอจากโพลีเอสเตอร์กับฝ้ายธรรมดาซึ่งไม่มีอะไรผิดปกติ เนื่องจากสามารถตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งจากภายในกำไลข้อเท้าได้จึงเชื่อว่ามันเป็นเครื่องระบุตัวแบบไร้สายขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับ SCP-020-JP เนื้อหาของมันนั้นถูกคลื่นซ่าจนไม่อาจเข้าใจได้ ส่วนที่เป็นตัวส่งสัญญาณนั้นถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน เนื่องจากไม่สามารถถอดแยกมันออกได้จึงได้ตัดสินใจตัดมันออกแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักซึ่งมีระบบป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในขณะนี้ยังไม่ทราบผู้รับสัญญาณ ทั้งนี้ บนกำไลข้อเท้ายังมีข้อความพิมพ์ไว้ดังต่อไปนี้

สถานวิจัยการสร้างสรรค์และพัฒนาชีวิตแห่งญี่ปุ่น T-003