ในเมืองใดๆในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไปยังที่พักคนไร้บ้านใดก็ได้ที่เจ้าไปได้ ก้าวเข้าไปอย่างหยิ่งยโสและเรียกร้องกับพนักงานคนแรกที่เจ้าพบให้เจอกับผู้ถือครองแห่งความทรนง พนักงานจะยิ้มเขินๆก่อนจะเสนอเตียงให้เจ้าสำหรับคืนนั้น ปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปสามครั้งและจงเลือกเตียงที่เจ้าจะพักกายเอง จากตรงนี้ เจ้ามีเวลาสิบนาทีที่จะหลับใหล หาไม่แล้วพนักงานผู้นั้นก็จะกลับมาควักเอาดวงตาของเจ้าไป และทิ้งเจ้าไว้ข้างถนนเพราะความยโสของเจ้า
หากว่าเจ้าหลับลงได้ เจ้าก็จะตื่นขึ้นในเจ็ดนาทีต่อมาพอดี สิ่งแรกที่เจ้าควรจะสังเกตเห็นก็คือไม่มีสิ่งใดบ่งบอกถึงชีวิตในที่พักนั้นอีก เว้นแต่เสียงเปียกๆซึ่งไม่อาจเลียนแบบได้จากอีกด้านของทางเดิน และเสียงร้องเพลงประสานอวยพรราวกับมาจากสวรรค์ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ทั้งหินและอาคารนั้นก็จะดูทรุดโทรมด้วยเช่นกัน
จากตรงนี้ไปหากว่าเสียงอันเลียนแบบไม่ได้นั้นหยุดไปก่อนที่เจ้าจะไปถึงต้นเสียงแล้ว ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาอย่างชัดเจนด้วยเสียงของผู้มีอำนาจ "พวกมันจะเป็นของข้า ข้าสมควรได้มัน ไม่มีผู้อื่นได้จะได้ครอบครองมัน" หากว่ามีเสียงหัวเราะอู้อี้ดังตามมาก็จงอย่ากลัวไป ตอนนี้เจ้ายังปลอดภัยอยู่ แต่หากว่าไม่มีเสียงใดๆ ความหวังเดียวของเจ้าที่จะหนีรอดก็คือกลับไปยังเตียงที่เจ้าตื่นขึ้นแล้วกระชากเอานัยตาทั้งสองของเจ้าออกมาเอง หากว่าเจ้าทำไม่ได้แล้ว เหล่าซากศพอันซูบผอมของคนไร้บ้านทั้งมวลก็จะตื่นขึ้นในที่พักอันมืดมนนั้น และจะฉีกกระชากเนื้อหนังของเจ้าทีละริ้วไปเป็นอาหาร พร้อมกับเยาะเย้ยผู้โง่งมที่ปลุกพวกมันขึ้นมาด้วยความแหลมคมที่ฉีกได้แม้แต่จิตอันแข็งแกร่งที่สุด หากว่าเจ้ามีกำลังที่จะปลิดสายตาของเจ้าเองแล้วเจ้าก็จะกลับสู่โลกปกติ ต้องพึ่งพาน้ำใจผู้อื่นตลอดไปเพราะจักษุที่เสียไปนั้น
สำหรับผู้ที่โชคดี เสียงนั้นจะนำเจ้าไปตามทางเดินซึ่งสิ้นสุดลงที่ประตูแบบบาร็อค การกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในที่นี้จะทำให้ประตูนั้นเคลื่อนไหวเองและกลืนกินผู้ที่อยู่ตรงหน้ามันเข้าไป ดูดกลืนเป็นส่วนหนึ่งของผนังในอาคารนั้น เป็นผู้มองดูโลกอันไม่มิอยู่นั้นอย่างที่มันเป็นด้วยความทรมานไปตลอดกาล เคาะสองครั้ง และรอให้เสียงจากอีกด้านหยุดลง ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะหรือเสียงเปียกแฉะ เจ้าจะได้ยินเสียงอันแก่ชราบอกให้เจ้าไปให้พ้น ไม่ต้องสนใจมันและเคาะอีกสามครั้ง เสียงนั้นจะขู่ทำร้ายเจ้า กระแอมสองครั้งแล้วเปิดประตูออกอย่างแรง เหวี่ยงมันออกให้กว้าง หากใช้แรงไปมากพอในตอนที่เปิดประตูนั้นมันก็จะผลักชายชราให้ล้มลงซึ่งเขาจะครางด้วยความเจ็บปวด อย่าสนใจความเจ็บปวดของเขา แต่ก็อย่าละสายตาไปจากชายชรานั้น เพราะเขาพร้อมจะละเลยความเจ็บปวดของตนและคืนมันให้เจ้าอย่างเลวร้ายกว่าเป็นพันเท่า
ชายชราผู้นั้นจะถามถึงสาเหตุที่เจ้าไปที่นั่น ปฏิเสธที่จะตอบเขาสามครั้ง และถามกลับไปอย่างชัดเจน "เจ้าคือผู้ถือครองแห่งความทระนง ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?" ด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง หากว่าน้ำเสียงนั้นไร้ความจริงใจแล้ว ชายชราผู้นั้นก็จะหัวเราะอีก และเจ้าก็จะรู้สึกถึงความชาที่แล่นไปทั่วกายเจ้า การก้มลงมองในตอนนี้มีแต่จะทำให้สติของเจ้าแตกกระจายในทันที แทนที่จะเป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่เจ้าถูกกักขังในห้วงเวิ้งว้างอันว่างเปล่า ล่องลอยอยู่เป็นปิศาจอันไร้ตัวตนไปตลอดอายุขัยที่เหลือของเจ้า
แต่หากว่าใบหน้าของชายผู้นั้นกลายเป็นต้อนรับแล้ว เขาก็จะเสนอชิ้นเนื้อซึ่งไม่บอกว่าเป็นอะไรให้เจ้า การรับมันมานั้นเป็นความโง่งม เพราะผู้ที่ทำเช่นนั้นก็จะกลับสู่โลกพร้อมกับความกระหายอันไม่อาจเติมเต็มต่อเนื้อมนุษย์ หากว่าเจ้าปฏิเสธเขาไปสามครั้งอีก เขาก็จะตะโกนใส่เจ้า เรียกร้องที่จะได้ทราบถึงสาเหตุ ถึงตรงนี้เจ้าต้องพูดว่า "เจ้าไม่คู่ควรกับมัน เจ้าไม่ได้มีสิ่งที่เจ้าอ้างว่าถือครองอยู่แล้ว" การกล่าวดังนี้จะทำให้ความตื่นตระหนกเกาะกุมเขาไว้ และร่างกายของเขาก็จะเริ่มละลาย ผิวหนังของเขาจะหลุดล่อนออกมา ตามด้วยกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก จนกระทั่งตัวเขาไม่เหลืออะไรนอกไปจากแอ่งของสสารที่บิดเบี้ยวบนพื้น
ตรงนี้เจ้าต้องเอื้อมลงไปในแอ่งนั้น อย่ากังวลถึงความลึกของมันและก็อย่าคิดถึงมันมากเกินไปด้วย เพราะนั่นจะทำให้ผู้อ่อนด้อยย่อยยับ จงควานหาวัตถุชิ้นหนึ่ง เจ้าจะดึงเอากำไลออกมา หากว่ามันเป็นสีดำแล้ว ทวยเทพใดๆที่เจ้าบูชาก็มิได้อยู่ข้างเจ้าอีกต่อไปแล้วและเจ้าก็จะพบกับชะตากรรมเดียวกับผู้ถือครอง หากว่ามันเป็นสีขาวเหมือนหิมะแล้ว เจ้าสวมกำไลแล้วกลับมาโลกที่แท้จริงได้ ตื่นขึ้นอย่างปลอดภัยบนเตียงที่เจ้าเรียกร้อง มีกำไลอยู่ที่ข้อมือ
กำไลนั้นคือวัตถุหมายเลข 514 จาก 538 ผู้ที่สวมมันจะเชื่อว่าเขาไม่อาจทำอะไรผิดพลาดได้