SCP-339

SCP-339 (25 กุมภาพันธ์ 2556)ระดับวัตถุ KeterมาตรการกักกันพิเศษSCP-339ถูกเก็บไว้ในศูนย์49 ห้องที่ใช้เก็บSCP-339นั้นเป็นห้องกันเสียงขนาด 5 x 5 x5 เมตร ให้เก็บSCP-339ไว้ในภาชนะกันเสียงบนฐานสูง 1.5 เมตรที่อยู่กลางห้อง ห้องนี้จะเข้าไปได้ทางแอร์ล็อคกันเสียงเท่านั้นบุคลากรที่จะเข้าไปในห้องเก็บSCP-339เพื่อทำหน้าที่ซ่อมบำรุงนั้นต้องเงียบที่สุดและให้สวมรองเท้าบุโฟมเพื่อลดเสียงซึ่งเตรียมไว้ให้ในแอร์ล็อค ให้ทำการซ่อมบำรุงตามปกติโดยถอดเปลี่ยนวัสดุกันเสียงที่เสื่อมสภาพในวันที่15ของทุกเดือนห้ามมิให้ใครเข้าไปในห้องเก็บSCP-339นอกจากเพื่อการซ่อมบำรุงโดยเด็ดขาดลักษณะSCP-339เป็นกลุ่มของระยางที่ยื่นออกมาจากก้อนมวลตรงกลาง ความกว้างจากปลายด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งนั้นวัดได้ 50 เซนติเมตร แต่ค่านี้เปลี่ยนแปลงได้ มันดูเหมือนจะทำจากทองแดงเก่าๆ แต่มีความทนทานสูงกว่ามากและเคลื่อนไหวได้เอง ระยางแต่ละเส้นนั้นจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเหมือนอยู่ในน้ำ โดยจะเบียดกับของของภาชนะทุกชนิด ขูดมันเงียบๆช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ทำให้ต้องเปลี่ยนกล่องกันเสียงที่ใช้เก็บมันอยู่เรื่อยๆ

เสียงที่ดังกว่า 14 เดซิเบลนั้นจะทำให้SCP-339เป็นภัยคุกคาม ตอนที่มีเสียงและตลอดช่วงเวลาห้าเท่าของเวลาที่เสียงนั้นดัง SCP-339ก็จะมีปฏิกิริยาต่อการเคลื่อนไหวใดๆที่อยู่ในระยะที่มองเห็นได้ SCP-339จะยืดระยางออกไปทางสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงอย่างรวดเร็วมากแล้วจับไว้ เมื่อจับเป้าหมายได้แล้ว ระยางของSCP-339ก็จะสั่นสะเทียนด้วยความถี่สูงขึ้นเรื่อยๆจนกว่าเป้าหมายจะไม่สามารถขยับได้อีก สังเกตได้ว่าเมื่อจับเป้าหมายได้แล้ว SCP-339นั้นก็จะรู้ว่าเป้าหมายไม่สามารถขยับได้แล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่หยุดเคลื่อนไหว

จากนั้นSCP-339ก็จะกลับไปเป็นรูปลักษณ์และขนาดดั้งเดิม ตอนนี้ก็คาดได้ว่าจะมีเลือดและสารละลายที่เป็นเศษกระดูกกับเนื้อเยื่อผสมกันหลั่งออกมาจากแกนกลาง การเคลื่อนไหวของSCP-339นั้นเงียบสนิท แม้แต่ตอนที่มันสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงซึ่งควรจะมีเสียง

ประวัติ

SCP-339ถูกพบในอิหร่านเมื่อปี 1953 ระหว่างปฏิบัตืการเอแจ็กซ์ของกองทัพอิหร่าน โดยเป็นหนึ่งในของสะสมส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี โมฮัมหมัด มอสซาเดค หลังจากที่ทหารอิหร่านซึ่งถูกส่งไปเก็บของสะสมเหล่านั้นเสียชีวิต สถาบันก็ได้เข้าจัดการแทน SCP-339นั้นถูกพบอยู่บนแท่นกลางห้องที่คลุมด้วยผ้ากำมะหยี่

ที่แท่นนั้นมีข้อความภาษาเปอร์เซียของซาดี กวีชาวเปอร์เซียจารึกไว้ "ไม่มีสิ่งใดดีต่อผู้โฉดเขลายิ่งไปกว่าความเงียบ และผู้ใดที่รู้ถึงสิ่งนี้ก็มิใช่ผู้โฉดเขลา"