SCP-140

SCP-140 (28 กรกฎาคม 2555)

ระดับวัตถุ Keter

มาตรการพิเศษห้ามไม่ให้นำSCP-140เข้าใกล้หมึก เลือด หรือของเหลวใดๆที่ใช้เขียนได้ในระยะ 15 เมตร หากพบการปนเปื้อนเลือดหรือหมึกให้รายงานทันที ให้ตามหาสำเนาอื่นๆทั้งหมดของ SCP-140 จากการพิมพ์ครั้งแรกและทำลายทิ้งโดยเร็วที่สุด มีเพียง SCP-140 เท่านั้นที่จะเก็บรักษาไว้เพื่อศึกษา เตือนภัยแต่เนิ่นๆ และจัดเก็บเพื่อเปรียบเทียบกับSCPที่สืบเนื่องจากมันSCP-140นั้นถูกเก็บไว้ที่ศูนย์ 76 ในห้องล็อกนิรภัยซึ่งมีโต๊ะยู่ตัวหนึ่ง ในขณะนี้ไม่ให้ทำการวิจัยใดๆกับต้นฉบับดั้งเดิมของ SCP-140 ให้นักวิจัยอ่านจากสำเนาที่เตรียมไว้ซึ่งไม่มีลายเซ็นของผู้แต่งและคุณสมบัติของมัน ในกรณีที่มีการอนุมัติให้ทำการวิจัยก็ห้ามนำ SCP-140ออกจากห้องนิรภัย และไม่ให้ผู้ที่อ่านมันสัมผัสกับมันเกิน █ ชั่วโมง การเข้าไปในห้องต้องมีคำอนุมัติให้วิจัยเป็นการเฉพาะอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากหัวหน้าทีมวิจัย ยามติดอาวุธซึ่งเฝ้าอยู่นอกห้องนั้นจะใช้กำลังสังหารผู้ที่จะขโมยมันหากบุคลากรคนใดมีท่าทีหมกมุ่นกับ SCP-140 หรืออาจได้รับผลกระทบแบบมีม ก็ให้รับการลบความทรงจำระดับA และปลูกถ่ายความทรงจำปลอมในกรณีที่จำเป็น พร้อมกับย้ายไปโครงการอื่น บุคลากรที่ถูกย้ายไปนั้นต้องถูกจับตามองในกรณีที่ความจำกลับคืนมาลักษณะSCP-140 เป็นหนังสือปกแข็งสีดำและหน้ากระดาษสีขาวไม่ทราบจำนวนหน้า ปกหุ้มชั้นนอกนั้นหายไปแล้ว แต่ชื่อ “A Chronicle of the Daevas” (พงศาวดารแดวา) นั้นสามารถอ่านได้ชัดเจน ด้านในของปกนั้นมีลายเซ็นผู้แต่งซึ่งอ่านไม่ได้อยู่ ตัวเนื้อหานั้นมีลิขสิทธิ์ของปี 19██ จากการตรวจสอบอย่างระมัดระวังนั้น มันมีจำนวนหน้ามากเกินกว่าที่จะบรรจุระหว่างปกทั้งสองด้านได้

ผู้ที่อ่านมันระบุว่ารู้สึกหวาดระแวง กังวล และบางครั้งก็คลื่นไส้ ในขณะที่อ่าน SCP-140 แต่นั่นอาจเป็นเพราะเนื้อหาของมันก็ได้ ถึงกระนั้น ทุกคนก็บอกว่า SCP-140นั้นน่าทึ่งมากและอยากจะอ่านต่อไปแม้จะมีเนื้อหาที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่บ่อยๆ ผู้ที่อ่านSCP-140 หนึ่งในสิบห้าคนบอกว่าได้กลิ่นจางๆของเลือดที่แห้งแล้วจาก SCP-140

SCP-140นั้น เป็นเรื่องของอารยธรรมโบราณซึ่งอยู่ในไซบีเรียตอนใต้ในปัจจุบัน ซึ่งเรียกกันว่า แดวิต แม้ว่าอารยธรรมแดวิตนั้นจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามเวลาเหมือนอารยธรรมอื่น แต่มันก็มีความต่อเนื่องกันอย่างผิดปกติ วัฒนธรรมของแดวิตทุกสมัยนั้นจะมีลักษณะของลัทธิทหาร การพิชิตดินแดน การบูชาบรรพบุรุษ เมืองศูนย์กลางซึ่งปกครองประชากรทาสมากมาย การบูชายัญมนุษย์อย่างอำมหิต และพิธีกรรมที่ดูเหมือนจะสร้างปาฏิหาริย์ได้ วัตถุโบราณและสิ่งมีชีวิตหลายๆอย่างของอารยธรรมแดวิตนั้น หากเป็นจริงตามที่เขียนแล้ว ก็จะเป็นสิ่งที่สถาบันต้องเก็บมาไว้

ถ้า SCP-140 สัมผัสกับของเหลวที่ใช้เขียนได้หรือเลือดมนุษย์ เนื้อหาของประวัติศาสตร์อารยธรรมแดวิตก็จะถูกขยายเพิ่มออกไป เลือดมนุษย์นั้นดูเหมือนจะ”ดี”ที่สุด แต่ไม่ว่ายังไง ความยาวของเนื้อหาที่เพิ่มขึ้นก็จะไม่สอดคล้องกับปริมาณของเหลวที่มันสัมผัส แม้ว่าเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามานี้บางครั้งจะเป็นรายละเอียดของพิธีกรรมหรือภาพประกอบของเนื้อหาเดิม ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นเนื้อหาใหม่ต่อมาของประวัติศาสตร์แดวิต หรือรายละเอียดของบุคคลและวัตถุใหม่ที่เพิ่มเข้ามามากกว่า ความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญกลายเป็นเพียงการถอยร่น มีบุคคลและเหตุการณ์ใหม่ๆเพิ่มเข้าไป นักโบราณคดีของสถาบันก็พบวัตถุโบราณและร่องรอยของอารยธรรมแดวิตตามสถานที่ตรงกับที่เขียนเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งบางครั้งมันก็ปรากฏขึ้นในจุดขุดค้นเดิมที่เคยขุดจนทั่วแล้ว

แม้ว่าในบางช่วง พวกแดวิตจะแบ่งเป็นชุมชนเมืองย่อยๆ แต่ก็กลับไปเป็นจักรวรรดิอยู่ตลอดเวลาภายใต้การปกครองของขุนนางชั้นสูง (พวก“แดวา”) ผู้มีพฤติกรรมการกินเนื้อคนและสร้างปาฏิหาริย์ แม้ในช่วงแรกนั้น นักวิจัยของสถาบันเชื่อว่าพวกแดวาเป็นชนชั้นตามสายเลือดที่บุคคลสำคัญจะใช้ชื่อเดิมของบรรพบุรุษซ้ำ หลักฐานและเหตุการณ์ █-██-20██ ทำให้เชื่อได้ว่าพวกแดวามีอายุยืนยาวกว่าที่เป็นตามธรรมชาติมากเพราะ[ข้อมูลปกปิด] นักวิจัยหลายๆคน รวมทั้งศาสตราจารย์███████ สรุปว่าพวกแดวานั้นแตกต่างจากมนุษย์ปัจจุบันมากจนเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ย่อยที่แยกออกไป ซึ่งมีหลักฐานคือภาพใน SCP-140 และ[ข้อมูลปกปิด]

SCP-140นั้นมีรายละเอียดมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของแหล่งข้อมูลปฐมภูมิในปัจจุบันแล้วจะนับว่าใกล้เคียงกับชีวประวัติมากกว่าประวัติศาสตร์ มันมีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับพิธีบูชายัญ การสู้รบ ชีวิตประจำวัน และประวัติของบุคคลสำคัญซึ่งรวมถึงคำพูดและวันเกิด มีบุคคลที่สามารถระบุชื่อได้อยู่███คน ซึ่งรวมถึงผู้ที่ขณะนี้เรียกว่า SCP-140-A ในจำนวนนี้มีเพียง██เท่านั้นที่ระบุการเสียชีวิตด้วย

นักโบราณคดีของสถาบันได้พบโบราณสถานมากมายตามลักษณะของอารยธรรมแดวิตทั่วพื้นที่ของไซบีเรีย อิหร่านตอนเหนือ และมองโกเลีย วัตถุโบราณและหลักฐานของการติดต่อและต่อสู้ข้ามอารยธรรมนั้นสามารถพบได้ถึงเทือกเขาคาปาเธียนในทางตะวันตก ส่วนทางตะวันออกนั้นพบได้ถึงปากีสถานตอนบนและจีน ซึ่งรวมถึงSCP-[ข้อมูลปกปิด]

เพิ่มเติม 140a

SCP-140นั้นถูกพบในห้องทำงานของนักประวัติศาสตร์███████ ██████ ผู้ล่วงลับ ซึ่งเจ้าตัวนั้นถูกพบศพในห้องทำงานที่มหาวิทยาลัย█████ โดยเสียชีวิตจากการเชือดข้อมือตนเองทั้งสองข้าง ไม่มีเลือดของ██████ในห้องทำงานเลย เพื่อนร่วมงานของ██████ให้การระหว่างการให้ปากคำว่าพวกเขาพบโน้ตลายมือของ██████ที่เขียนด้วยหมึกจางๆอยู่กับSCP-140 พยานทั้งหมดได้รับการลบความทรงจำระดับA และปลูกถ่ายความทรงจำปลอม

โน้ตของ██████นั้นเขียนว่า

“ผมต้องรู้ ผมขอโทษ”

ข้อความทั้งหมดในระยะ15เมตร เว้นแต่หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนั้นหายไปหมด หนังสือที่เหลือนั้นก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการติดต่อและรายละเอียดของอารยธรรมแดวิตเพิ่มเข้ามา หนังสือพวกนี้ถูกยึด สื่อและเอกสารที่มาจากการพิมพ์นั้นหายไปหมด หมึกในปากกา พรินเตอร์และตลับหมึกทั้งหมดก็หายไปด้วย

เพิ่มเติม 140b

แม้SCP-140จะพิมพ์เผยแพร่ในช่วงศตวรรษที่20 แนวการเขียนของเนื้อหาก็เหมือนการย้อนความจำเรื่องเหตุการณ์ บุคคล และพิธีกรรมของตนเองโดยผู้เขียนนิรนามของ SCP-140มากกว่า นักสืบของสถาบันได้ตามรอยการตีพิมพ์ไปถึงโรงพิมพ์[ข้อมูลปกปิด] จากสำเนา██ฉบับซึ่งจัดพิมพ์ส่วนตัวโดยบุคคลผู้มั่งคั่งซึ่งต่อจากนี้จะเรียกว่า SCP-140A ลายเซ็นของ SCP-140A ในสัญญาตีพิมพ์นั้นตรงกับที่พบใน SCP-140

หนังสือกว่า4█เล่มในจำนวนที่พิมพ์ครั้งแรกนี้นั้นได้ดูดเอาหมึกของอีก██เล่มไปหมด จนถึงตอนนี้ สถาบันได้เก็บและทำลายสำเนาที่เหลือไปแล้วกว่า██เล่ม แต่ก็คาดว่ายังเหลืออยู่ตั้งแต่█ถึง██เล่ม มีการรายงานเรื่องเนื้อหาที่เพิ่มขึ้นสองครั้งในช่วงที่SCP-140ไม่ได้สัมผัสกับของเหลวหรือยังอยู่ในห้องนิรภัย

ขณะนี้การสืบหาและตามล่าผู้แต่ง SCP-140ยังดำเนินต่อไป ในกรณีที่พบตัว ขอให้เจ้าหน้าที่[ข้อมูลปกปิด]

เพิ่มเติม 140c

จากการศึกษาSCP-140และวัตถุที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมแดวิต นักวิจัยของสถาบันได้สรุปว่า หากอารยธรรมแดวิตที่ดุร้ายฟื้นกลับมาในประวัติศาสตร์หลังปี 1███ CE ก็จะส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อสถาบันและอารยธรรมมนุษย์ปัจจุบันอย่างรุนแรง แม้จะเป็นกรณีที่ดีที่สุด อารยธรรมแดวิตในยุคปัจจุบันก็จะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคมปัจจุบันในระดับCK ความขัดแย้งในระดับโลกซึ่งประมาณว่าจะมีผู้เสียชีวิต[ข้อมูลปกปิด]เป็นอย่างน้อย และสถาบันก็จะไม่สามารถคงสภาพเป็นองค์กรลับได้อีกต่อไป

เพิ่มเติม 140d

จากบันทึกของ███████ ██████ ซึ่งพบในPCที่บ้านใน[ข้อมูลปกปิด] ระบุว่าตอนแรกที่เขาอ่านSCP-140นั้น มันจบลงด้วยความพินาศย่อยยับของอารยธรรมแดวิต และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหล่าแดวาในปี2██ BCE โดยกำลังของแม่ทัพจีน ฉินก่าย แต่ผลจากการกักกันรั่วไหลหลายครั้ง ซึ่งได้รวมไว้ในบันทึกนี้ด้วย ก็ได้มีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา ระบุถึงผู้รอดชีวิตที่ไปรวมตัวกันในบริเวณอื่นของไซบีเรียกลาง และได้กลายเป็นจักรวรรดิที่มั่นคงก้าวหน้าต่อมาอีก ในขณะนี้ จักรวรรดินั้นถูกระบุว่าถูกทำลายโดยเจงกิสข่านในช่วงเริ่มก่อตั้งอาณาจักร แม้ชะตากรรมของบุคคลและเมืองสำคัญทั้งหลายจะยังไม่ชัดเจนนักก็ตาม นักโบราณคดีของสถาบันจะเดินทางไปที่[ข้อมูลปกปิด]เพื่อหาข้อมูลต่อไป

เพิ่มเติม 140e

หลังเหตุการณ์ █-██-20██ที่จุดขุดค้น[ข้อมูลปกปิด] ซึ่งมีผู้เสียชีวิต███คน การขุดค้นทางโบราณคดีที่ต้องสงสัยว่าจะมีวัตุโบราณหรือโบราณสถานของอารยธรรมแดวิตจะต้องมีทีมรักษาความปลอดภัยติดอาวุธไปด้วย SCP-140-1ถูกทำลาย SCP-140-2ยังอยู่ สิ่งผิดปกติและวัตถุโบราณอื่นๆนั้นถูกทำลายโดยการใช้จรวดร่อนยิงใส่จุดขุดค้น เจ้าหน้าที่██████ได้รับคำชมเชยและเข้ารับการบำบัดอาการจิตผิดปกติหลังเหตุการณ์ทารุณ ดร.████ได้รับคำสดุดีด้านความกล้าหาญหลังมรณกรรม

ขณะนี้ยังทำการสืบสวนเรื่องความเกี่ยวข้องของSCP-140Aหรือคนของมันกับเหตุการณ์ █-██-20██ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ