มนุษย์คนหนึ่ง ไม่ได้เจาะจงว่ามนูษย์คนไหน
แต่เมื่อมี ال เข้าไปที่หน้าคำ نكرة ทำให้กลายเป็น معرفة ก็จะเกิดการเจาะจงขึ้น เช่น
الكتاب
หนังสือเล่มนี้ ( จากเดิมคือไม่เจาะจงว่าเล่มไหน ก็กลายเป็นเจาะจงว่า หนังสือเล่มนี้ )
- อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة ) ทั้งหมด สามารถเป็นได้ทั้ง نعت ( คุณลักษณะ ) และ منعوت ( สิ่งที่ถูกให้ลักษณะ ) เช่น
هذا كتابٌ مفيدٌ
- เครื่องหมายของ อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة ) คือ ตันวีน ยกเว้น ตันวีนที่อยู่ที่ اسم علم ( คำนามที่เป็นชื่อของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ) เช่น
شيخٌ. استاذٌ
- ตันวีน เป็นเครื่องหมายของคำนาม แต่จะมีข้อยกเว้นที่ คำนามห้ามมีตันวีน ได้แก่
1. คำนามที่มี ال
2. คำนามที่เป็น مضاف
3. คำนามที่ไม่รับตันวีน
4. คำนาม มับนีย์ ( ไม่เปลี่ยนสระท้ายคำ )
- การกล่าวซ้ำของ อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة )
1. ถ้ามีการกล่าวซ้ำของ อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة ) คำเดียวกัน 2 ครั้ง บ่งชี้ว่า คำ 2 คำนั้น ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เช่น
جاء طالب فجلس طالب
นักเรียนคนหนึ่งได้มาแล้ว ดังนั้นนักเรียนคนหนึ่งก็ได้นั่ง
นักเรียน ( طالب เป็น อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة ) ) คนที่มา กับคนที่นั่ง เป็นคนละคนกัน
2. ในกรณีที่คำแรกเป็น อิเสม นะกิเราะห์ ( اسم نكرة ) และคำนั้นถูกกล่าวซ้ำด้วย คำนาม มะริฟะห์ ( اسم معرفة ) บ่งชี้ว่า คำที่กล่าวครั้งที่สองนั้น เป็นสิ่งเดียวกับคำที่กล่าวครั้งแรก เช่น
جاء طالب فجلس الطالب
นักเรียนที่มา กับ นักเรียนที่นั่ง เป็นคนเดียวกัน
- การทำให้ اسم معرفة กลายเป็น اسم نكرة ทำโดยการ เอา ال ที่หน้าคำออก เช่น
الصحيح
กลายเป็น صحيح
- การแปล اسم نكرة เป็น ภาษายาวี ห้ามใส่คำว่า ايت ซึ่งแปลว่า "นั้น" เช่น رجل แปลว่าผู้ชายคนหนึ่ง ห้ามแปลว่า ผู้ชายคนนั้น