กิตาบ มิศบาหุ้ลมุนีร ตอนที่ 6
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمٰنِ الرَّحِيْمِ
หน้าที่ 5 บรรทัดที่ 7 จากล่าง
ส่วนประกอบของศาสนาหรือองค์ประกอบของศาสนานั้นวางอยู่บน 3 ประการดังนี้ นั่นคือ อิสลาม อีหม่าน และเอียะห์ซาน
2. อีหม่าน
อนึ่งคำว่าอีหม่าน หมายถึง การเชื่อด้วยหัวใจของคนคนหนึ่ง พร้อมด้วยการยอมรับโดยเด็ดขาดอย่างแท้จริงในหัวใจของเขา(สถานที่ของความเชื่อนั่นคือตั้งอยู่ในหัวใจ) ว่าสิ่งที่ท่านร่อซู้ลได้นำมาเผยแพร่แก่เรา นั้น เป็นความจริง (นั่นคือเราต้องมีความยาเก็น(มั่นใจ 100%) ไม่ใช่ชั้ก(50:50) ไม่ใช่ซ็อน(50+) ไม่ใช่วาฮัม(50- ) สิ่งที่นาบีนำมาเผยแพร่นั่นก็คือบรรดาการงานต่างในศาสนา ซึ่งเป็นที่รับรู้ด้วยหนทางฎอรูเราะห์
ฎอรูเราะห์ คือการเชื่อโดยไม่ต้องพิจารณาไตร่ตรองซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปรู้กัน ว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากบรรดาการงานทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเป็นคนหนุ่ม หรือคนแก่ ต่างก็รู้กัน
องค์ประกอบของรุก่นอีหม่าน ถูกวางอยู่บนรากฐาน 6 ประการ ซึ่งเราเรียกมันว่า รุกนอีหม่าน
1. เชื่อต่ออัลลอฮ์ตาอาลา ความหมายคือ การเชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดในหัวใจของคนคนหนึ่ง ว่าแท้จริงแล้วอัลลอฮ์ตาอาลาคือพระเจ้า (การให้เตาฮีดต่ออัลลอฮ์)ผู้ซึ่งมีคุณลักษณะของการเป็นพระเจ้า(ซีฟัตอุลุฮียะห์) อย่างเช่น ซีฟัต 20 สำหรับอัลลอฮ์ (มี,ถาวร ฯลฯ) ดังนั้นถ้าหากแม้นคนคนหนึ่งไม่ได้เชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดในหัวใจ หรือว่าเขารู้ว่าสิ่งที่นาบีเผยแพร่นั้นจริงและท่านนาบีเป็นร่อซู้ลแต่เขานั้นไม่ยอมรับ(ตัวอย่าง สมัยท่านนาบี(ซล.) มีท่านผู้หนึ่งชื่ออับดุลเลาะห์ เขานั่นรู้ว่าท่านนาบีเป็นท่านร่อซู้ล เขานั้นรู้มาจากคำภีร์เตารอต และรู้ว่าคำประกาศศาสนาของท่านนาบีเป็นความจริง เขารู้แต่เขาไม่เชื่อไม่ยอมรับในหัวใจอย่างแท้จริง) ดังนั้นทั้ง 2 กรณี ถือว่าเขาผู้นั้นเป็นการเฟรในทัศนะของอัลลอฮ์ถึงแม้เขาละหมาดและถือศีลอดก็ตาม
2. การเชื่อต่อบรรดามาลาอิกะห์ของอัลลอฮ์ตาอาลา หมายถึง การยอมรับในหัวใจอย่างเด็ดขาดว่าบรรดามาลาอิกะห์นั้นมีจริงๆ และเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดามัคโล้ค(สิ่งถูกสร้าง)ของอัลลอฮ์ตาอาลา
3. การเชื่อต่อบรรดาคำภีร์ทั้งหลาย หมายความว่า เราเชื่อด้วยหัวใจอย่างแท้จริงว่าบรรดาคำภีร์ทั้งหลายนั้นมาจากอัลลออย่างแท้จริง เช่น คำภีร์อัลกุรอ่าน ประทานให้ท่านนาบีมูฮัมหมัด คำภีร์เตารอต ประทานให้นาบีมูซา และอื่นๆ และต้องเชื่อเช่นกันว่า บรรดาสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ในคำภีร์นั้นเป็นความจริง นั่นคือเราต้องเชื่อ/อิหม่านว่าสิ่งที่บอกไว้ในคำภีร์เป็นความจริง เราต้องยอมรับทั้งหมดห้ามปฏิเสธอายัตกุรอ่านแม้สักอายัตเดียว.
4. การเชื่อต่อท่านร่อซู้ล นั่นคือการที่เราเชื่อมั่นในหัวใจว่าท่านร่อซู้ลนั้นมีจริงๆและนอกจากเชื่อว่าท่านร้อซู้ลมีจริงๆแล้วในใจของเราต้องยอมรับด้วยว่าสิ่งที่ท่านเอามาเผยแพร่นั้นเป็นเรื่องจริง
5. การเชื่อต่อวันกียามัต(วันสิ้นโลก) นั่นคือเป็นการยอมรับอย่างเด็ดขาดในหัวใจของคนคนหนึ่งว่าแท้จริงวันกียามัตนั้นเป็นเรื่องจริง แม้เราไม่รุ้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่แต่จะมาถึงแน่นอน และไม่มีใครรู้เลยนอกจากอัลลอฮ์ตาอาลา
6. การเชื่อต่อกอฎอและกอดัร นั่นคือ
กอฎอ หมายถึง การเจาะจงซึ่งได้เจาะจงไปแล้ว(เสร็จสิ้นไปแล้ว) ต่อการเจาะจงอันนั้น โดยอัลลอฮ์ตาอาลา ด้วยซีฟัตอิรอดัต ตั้งแต่อะซัลลี (มีคีลาฟว่าการเจาะจงอันนั้นเป็นตะโละตันญีซีกอดีม ของซีฟัตอีรอดัต และอีกทัศนะบอกว่าเป็นตะโละตันญีซีกอดีมของซีฟัตอิลมู; แต่กระนั้นทั้งสองทาง ก็ไม่แตกต่างกันมากมาย เพราะ ถ้าพระองค์ทรงเจาะจงด้วยซีฟัตอิรอดัต ตะโละตังญีซีกอดีม. นั่นคืออัลลอเจาะจงตั้งอะซัลลีด้วยซีฟัตอิรอดัต ซึ่งการเจาะจงอันนั้นมันจะลาเซ็ม(ผูกพัน)กับซีฟัตอิลมูที่เป็นตันญีซีกอดีม คือพระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์จะสร้างอะไร หรือสิ่งที่พระองค์ทรงเจาะจงอะไรเอาไว้
และสิ่งที่พระองค์ไม่ได้เจาะจงพระองค์ก็ทรงรู้ว่าพระองค์ไม่สร้างสิ่งนั้น(สิ่งที่ไม่ถูกเจาะจง)
และความหมายของกอดัร คือ การกระทำของอัลลอตาอาลาซึ่งพระองค์ได้กระทำต่อการกระทำนั้นด้วยซีฟัตกุดรัตของอัลลอฮ์ เป็นตะโละตันญีซีฮาดิษ(การทำให้ลุล่วงในเวลาปัจจุบัน)คือการเกิดขึ้นของสิ่งต่างๆในเวลาปัจจุบันตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้
(ส่วน ตะโละซุลูฮีกอดีม ของซีฟัตกุดรัต หมายถึง ในเวลาที่ยังไม่ได้สร้างมัคโล้ค (อะซัลลีหรือกอดีม)แต่อัลลอฮ์มีซีฟัตกุดรัตอยุ่แล้ว ในตอนนั้นมีซาตและซีฟัตของพระองค์ พระองค์มีความพร้อมต่อการสร้างอยุ่แล้วแต่พระองค์ยังไม่สร้าง เมื่อพระองค์เจาะจงไว้ว่าจะสร้างอะไรตอนไหนเมื่อถึงเวลาที่พระองค์กำหนดพระองค์ก็สร้างสิ่งนั้นขึ้นมา นั่นเรียกตะโละกุดรัต ว่าตะโละตันญีซีฮาดิษ)
ดังนั้นความหมายต่อการเชื่อต่อกอฎอกอดัร คือเป็นการเชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดของคนคนหนึ่งว่าเป็นความจริง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีและสิ่งที่ชั่ว เช่น การมีอิหม่าน มาจากอัลลอฮ์ และความชั่ว ก็มาจากอัลลอ ทั้งหมดนั้นด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์ตาอาลา นั่นคือพระองค์กำหนดไว้แล้วตั้งแต่ยังไม่สร้างอะไรเลยนั้นคือกอฎอ และสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดมันได้เกิดขึ้น นั่นคือกอดัร ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้อยู่ที่ความประสงค์ของอัลลอฮ์ตาอาลาทั้งหมด
นี่คือ 6 ประการที่เรียกว่ารุกนอิหม่าน ดังนั้นใครก็ตามที่ไม่ได้เชื่อมั่นยอมรับอย่างแท้จริง ด้วยหัวใจต่อทั้ง 6 ประการที่กล่าวมา ดังนั้นเขานั้นเป็นกาเฟร ไม่ได้เรียกว่าเป็นผู้ที่มีอิหม่าน และผู้ที่เป็นการเฟรคือเขาไม่ได้เชื่อ/ยอมรับอย่างแท้จริง ต่ออัลลอฮ์ ต่อบรรดามาลาอิกัตของพระองค์ ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ต่อบรรดาร่อซู้ลของพระองค์ และต่อวันกียามัต แน่นอนเขาคนนั้นเป็นคนที่หลงผิดไปมาก
วัลลอฮุอะลัม