📚กีตาบ มินฮาจุนอาบีดีน
✅ตอนที่ 4 2/5/60 ( สิรอญุฏอลิบีน) น15 8ข้อความเสียง
บิสมิลละห์ฯ พึงทราบเถิดโอ้พี่น้องของฉัน ดุอาร์ของอิหม่ามฆอซาลีย์...ขอให้อัลลอฮ์ตาอาลา โปรดประทานความประเสริฐให้กับพวกท่าน(ผู้อ่าน)และให้แก่ฉัน(ผู้เขียน)ด้วย ด้วยกับความพอพระทัย(รีฎอ) ต่อท่านและต่อฉัน แท้จริงแล้วอิบาดัตนั้นเปรียบเสมือนกับผลของความรู้นั่นเอง (การแสวงหาความรู้เสมือนต้นไม้ และเมื่อมันเกิดผลออกมาเสมือนกับการปฏิบัติอิบาดัตนั่นเอง) และการอิบาดัตนั้นเป็นประโยชน์ คือการที่เรามีชีวิตอยู่แล้วเราได้ทำอิบาดัตเพื่ออัลลอฮ์ ถือว่าเวลาในชีวิตนั้นมีประโยชน์ แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอิบาดัตต่ออัลลอฮ์ก็จะถือว่าเวลาของการมีชีวิตของเขานั้นไร้ประโยชน์นั่นเอง และการอิบาดัตอันนั้นเป็นผลพวงที่ได้เกิดแก่บ่าวซึ่งเขานั้นเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงหนักแน่น ได้ปฏิบัติอิบาดัตต่อัลลอฮ์ และการอิบาดัตนั้นคือเปรียบเสมือนกับสินค้า/ต้นทุน ยกตัวอย่างเช่น เราจะทำการค้าสักอย่าง เราต้องมีทุน และเรามีวัตถุประสงค์คือเราต้องการกำไร แต่เราต้องมีต้นทุนก่อน และการอิบาดัตอันนี้นั้นเปรียบเสมือนต้นทุนเพื่อจะได้มาซึ่งกำไร การค้าขายเปรียบเสมือนคนวะลีย์นั้นได้ทำการค้ากับอัลลอฮ์เพื่อหวังผลกำไรในอาคีรัตซึ่งมีภาคผลมหาศาล คำว่าอิบาดัตนี้นั้น มีด้วยกัน 2อย่าง
1. การที่เรานั้นปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงบัญชาใช้ สิ่งไหนอัลลอฮ์เราปฏิบัติ เช่น ละหมาด ถือศีลอด
2. การที่เราละทิ้งสิ่งที่อัลลอฮ์ตาอาลาห้าม แม้ว่าสิ่งนั้นนัฟซูของเราจะชื่นชอบ
รวมทั้งสองประการนี้ คือการตักวา นั่นเอง หรือการยำเกรงต่ออัลลอฮ์ เพราะฉะนั้นผู้ที่ยำเกรงคือ คนที่ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์และห่างไกลจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้ามนั่นเอง
และการอิบาดัตนั้นคือแนวทางสำหรับผู้ที่เขานั้นมีความยำเกรง (คนที่มีความยำเกรง เขาจะปฏิบัติอิบาดัต ถ้าเขาไม่ทำอิบาดัตเขาไม่ใช่คนที่ยำเกรงต่ออัลลอฮ์ แสดงว่าทุกๆคนที่มีความตักวานั้นเขาจะต้องเดินอยู่บนหนทางของการปฏิบัติอิบาดัตนั่นเอง และการอิบาดัตนั้นเป็นส่วนแบ่งสำหรับคนที่มีเกียรติทั้งหลายที่เขาจะได้รับ และการอิบาดัตนั้นเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่มีฮิมเมาะห์(มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า/มีความตั้งใจแน่วแน่) คนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้านั่น เมื่อเขาต้องการสิ่งใดแล้ว เขาจะมีจิตใจแน่วแน่ต่อให้มีอุปสรรคมากั้นขวางสักเพียงใดก็ตาม เขาก็จะพยายามจะก้าวผ่านมันไปให้ได้ เหมือนกันกับหนังสือเล่มนี้แหละ ที่บอกว่า"เราจะได้มาซึ่งการทำอิบาดัต ที่สมบูรณ์ได้ เราต้องก้าวผ่านภูเขาทั้งเจ็ดลูกนั่นคือความยากลำบากที่เราจะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ภูเขาเจ็ดลูกก็คือบทเรียนทั้ง7ในหนังสือเล่มนี้ แต่ละบทๆ เราต้องผ่านมันไปให้ได้ เพราะฉะนั้นการอิบาดัตนั้นเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่มีความปรารถนาอันแรงกล้านั่นเอง และการทำอิบาดัตนั้นเป็นเครื่องหมายของผู้ที่มีเกียรติ (คนที่มีเกียรติมากหรือน้อยดูที่อิบาดัตของเขา) และกรรอิบาดัตนั้นเป็นความเก่งความสามารถพิเศษ เฉพาะตัวสำหรับผู้ชาย ผู้ชายในที่นี้หมายถึงคนที่เขามีการทำอิบาดัตอย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าเขานั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตาม เพราะฉะนั้นการทำอิบาดัตถือว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว เช่น เหมือนอย่างนายช่างที่อะไรเสียเขาก็สามารถซ่อมแซมได้ อิบาดัตนั้นเป็นสิ่งทีผู้มีสายตาเขาได้เลือกที่นะทำอิบาดัต จริงๆแล้วจุดมุ่งหมายตรงนี้หมายถึงตาใจ นั่นเอง(บาบอการีมให้เพิ่มไป) และการอิบาดัตนั้นเป็นสิ่งซึ่งถูกผู้ซึ่งมีดวงตาใจได้เลือกสรร ตาใจคือดวงตาที่เราใช้เพ่งเล็ง/เพ่งมองด้วยใจ(บาสีเราะห์) เขาเป็นคนที่ความคิดที่ลึกซึ้งและสายตาที่แหลมคมไม่ได้มองแค่ผิวเปลือก เช่น ผู้ชายคนนึงเป็นนักเรียนศาสนาอยากที่จะทุ่มเทกับเรื่องการเรียนไม่อยากจะลุ่มหลงความเพลิดแพล้ว ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน ยังอยากเรียนอยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องผู้หญิงเข้ามามันทำให้เสียสมาธิ แต่ด้วยดวงตาอันแหลมคมด้วยความคิดอันลึกซึ้ง เราก็มองแค่ว่าผู้หญิงคนนี้ที่เราชอบมีหน้าตาสวยงามผิวพรรณขาวผ่อง หรือผู้ชายกำลังจะเลือกมีหลายคนให้เลือกมีหน้าตาสวย แต่ว่าโดยตาใจของเขาเขาได้มองทะลุผ่านความสวยงามนั้นว่าภายใต้ความสวยงามนั้นมีอะไรกันเล่าที่ซ่อนอยู่ ลองลอกผิวหนังจะพบกับน้ำเลือดเนื้อกระดูก น้ำหนอง หาความสวยงามไม่เจอ เพราะฉะนั้นอย่าให้ความสวยงามนั้นมาบังตา เพราะเช่นนี้แหละเขาจึงจะสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังได้ ในสิ่งที่เป็นความดี ที่เราต้องการอย่างแท้จริงเบื้องหลังที่เราต้องการมากกว่า สามารถมองทะลุไปได้ แต่ถ้าเราไม่ใช้บาสีเราะห์หรือตาใจของเรา เราก็จะไปติดอยู่กับภาพลักษณ์ภายนอก และการอิบาดัตนั้นคือหนทางที่เขาจะได้รับความประเสริฐนั่นเอง และการอิบาดัตนั้นก็เป็นหนทางที่จะพาเราไปสู่สรวงสวรรค์
วัลลอฮุอะลัม