وسائِرُ الأعمالِ لا تُخَلِّصُ = إلا مع النِّيَّةِ حيث تُخْلِصُ
บรรดาอามั้ลทั้งหมดนั้น จะไม่มีความบรุสุทธิ์ใจเลย นอกจากอามั้ลนั้น จะต้องพร้อมกับการเนียต[1] โดยคำนึงว่า ท่านนั้นมีความบริสุทธิ์ใจในการเนียต ทำอามั้ลนั้น เพื่อพระองค์เท่านั้น
[1] บรรดาอามั้ล ที่ถูกใช้ให้ปฏิบัติ ในหนทางอิบาดัต ไม่ว่าจะฟัรฎูหรือสุนัต ไม่ว่าจะปฏิบัติด้วย ลิ้น ด้วยหัวใจ หรือ ด้วยบรรดาอวัยวะภายนอก จะไม่มีความอิคลาสในการปฏิบัติสิ่งนั้น นอกจากจะต้องพร้อมด้วยการเนียตสำหรับบรรดามัลเหล่านั้น ดังนั้นจะไม่มีความอิคลาส จากการมีกีเจือปนด้วย ริยาอ์ เช่น ละหมาด ออกซะกาต ถือศีลอด ทำฮัจญ์ ทำอุมเราะห์ หรือแม้แต่การอาบน้ำละหมาด การอาบน้ำ การตะยัมมุม การทำกุรบาน การทำอะกิกะห์ และอามั้ลอื่นซึ่งทำเพื่อให้เราใกล้อัลลอฮ์
ซึ่งการเนียตเองนั้น ไม่ได้ต้องการไปยังการเนียตอีกที เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นการ ตะซัลซุล ( เนียตต่อๆกันไปไม่รู้จบ )
อนึ่ง สำหรับบรรดาอามั้ล ที่ไม่ได้ถูกใช้ให้ปฏิบัติ โดยการเนียตว่าเป็นอิบาดัต เช่น การไม่ใช้ให้ปฏิบัติ และ ไม่ได้ใช้ให้ละทิ้ง นั้นก็คือ บรรดาสิ่งที่เป็นมูบะห์ หรืออาจเป็นการใช้ให้ละทิ้ง ด้วยหนทาง ตะอับบุด (หนทางการเชื่อฟังคำสั่ง) เช่น ทิ้งสิ่งที่มักโระห์ ทิ้งสิ่งที่ฮาราม ซึ่งไม่ต้องการไปยังการเนียตในการปฏิบัติ และเนียตละทิ้งการปฏิบัติดังกล่าว ดังนั้นถ้าต้องการผลบุญจากการปฏิบัติ หรือการละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ก็จะต้องมีการเนียตด้วย ดังนั้นให้ตั้งใจว่า เรากิน ดื่มและนอน เพื่อให้มีแรงต่อการทำอิบาดัต และเราญีเมาะ(ร่วมเพศ) เพื่อให้เกิดความสุขในชีวิต และเป็นการรักษาตัวเองจากการซีนา และเพื่อให้ได้ลูกที่ซอและห์ เราเพาะปลูก เพื่อให้ได้ประโยชน์ แก่บรรดาคนมุสลิม เราจ่ายหนี้เพื่อเพื่อให้เราพ้นจากหนี้ และรักษาสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงใช้ เราล้างนายิสเพื่อให้ละหมาดของเราใช้ได้ และเราละทิ้งสิ่งที่มักโระห์ และสิ่งฮาราม เพื่อที่จะทำให้ตัวเราใกล้ชิดอัลลอฮ์
หลักฐานที่บอกว่าการเนียต เป็นเงื่อนไขของการเซาะห์บรรดาอามั้ล (ได้รับผลบุญ ) คือ
وَمَا أُمِرُوا إِلَّا لِيَعْبُدُوا اللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّينَ
และพวกเขามิได้ถูกบัญชามา(เพื่ออื่นใด)นอกจากเพื่อพวกเขาทำการนมัสการ โดยพวกเขามีความบริสุทธิ์ใจแท้จริงต่อพระองค์ในการนมัสการ
และฮาดิษ คือ
انما الاعمال بالنيات
แท้งจริง อามัลจะใช้ไม่ได้ เว้นแต่ด้วยการเนียต
ดังนั้น ถ้าหากอามั้ลนั้นมีเจตนาเพือดุนยาด้วย อีหม่ามอิบนุอับดิสสลาม และท่านอื่น ๆ มีทัศนะว่า ผู้ทําอิบาดะฮ์ที่มีเจตนาเช่นนี้จะไม่ได้รับกุศลเลย อิหม่ามฆอซาลีมีทัศนะว่า ต้องพิจารณาเหตุที่เป็นสิ่งจูงใจให้ทําอิบาดะฮ์นั้น กล่าวคือ หากแรงจูงใจทางอาคิเราะฮ์มากกว่า ก็จะได้รับผลบุญตามจํานวนที่มี แต่ถ้าหากแรงจูงใจทางดุนยามีมากกว่าก็จะไม่ได้รับผลบุญเลย และหากมีเท่า ๆ กันก็จะไม่ได้รับผลบุญอะไรเลยเช่นกัน ทัศนะของอิบนุหะญัร ในซัรห์อีดอฮ์ให้ความเข้าใจว่า จะได้รับผลบุญตามที่จะมีเจตนา เนื่องจากมีโองการจากอัลกุรอ่านว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًا يَرَهُ﴾ الزلزلة : 7)
ความว่า “ ใครที่ทําดีเท่าผงธุลีเดียว เขาก็จะได้เห็นมัน ”