กีตาบ มิศบาหุ้ลมูนีร ตอนที่ 1
ผู้เขียนหนังสือคือ ต่วนฆูรู อับดุลอาซิส บินอิสมาแอล ฟาตอนี กะลันตัน มาเลเซีย
بسم الله الرحمن الرحيم
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์(1) ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา และทรงยิ่งในความกรุณา
มวลการสรรเสริญ(2) เป็นเอกสิทธิ์ขององค์อัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์ทรงใช้เรา ให้รู้จักพระองค์(3) และให้เอกภาพ(4) แก่พระองค์
และซอลาวาต(5) และสลาม(ความปลอดภัย) จงประสบแก่นายของเรา นบีมุฮัมมัด(6) ซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้งนบี(7) มุฮัมหมัด ให้เป็นนบี และเป็นรอซุ้ล และขอให้ พระองค์อัลลอฮ์ทรงประทาน ซอลาวาตและสลาม แก่เครือญาติของท่านนาบี(ซล.)
ตลอดจนซอฮาบัตของนาบี(8) ผู้ซึ่งเอาจริงเอาจัง ในการทำให้สัจธรรมนั้นปรากฏ และทำให้อิสลามนั้นสูงส่ง
………………………………………..
(1) เริ่มต้นหนังสือด้วย บิสมิลละฮิรเราะห์มานิรรอฮีม (ด้วยพระนามของอัลลอฮ์) เพราะเป็นการเจริญรอยตามอัลกุรอ่าน. และเพื่อเอาความบารอกัต ตามความเข้าใจจากฮาดิษนาบี;
كل امر ذي بال لا يبداء فيه ببسم الله الرحمن الرحيم فهو اقطع
“ทุกการงานที่มีคุณค่าในทางชาเราะอ์ถ้าไม่เริ่มต้นด้วยบิสมิลละห์ การงานนั้นถูกตัดความบารอกัต“
ดังนั้นเพื่อให้การงานมีความศิริมงคล จึงเริ่มต้นด้วย บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม
(2) อัลฮัมดุลิลละห์,(อัลฮัมดุ เป็นคำมุฟรัต (เป็นเอกพจน์) แต่ความหมายบ่งบอกถึงการครอบคลุมชนิด หรือประเภทต่างๆของการสรรเสริญ (ครอบคลุมมวลการสรรเสริญทั้งหลายภายใต้คำนี้)) แปลเป็นภาษามลายูว่า “فوجي٢ن” หมายถึงบรรดาการสรรเสริญ (การใส่ ٢ ให้ความหมายพหูพจน์ หรือ เป็นความหมายที่เกี่ยวกับการตอกย้ำซ้ำๆ)
การสรรเสริญมี 4 ประเภท นั่นคือ
1.สิ่งที่กอดีมด้วยกัน เช่น อัลลอฮ์สรรเสริญต่อพระองค์เอง
3.ของใหม่สรรเสริญของกอดีม เช่น เราสรรเสริญอัลลอฮ์ หรือนบีสรรเสริญอัลลอฮ์
ทั้ง 4 ประเภทของการสรรเสริญนั้น กลับไปหาอัลลอฮ์ ก็คือ เป็นเอกสิทธ์ของอัลลอฮ์ นั่นเอง
(3) อัลลอฮ์ได้ทรงใช้เรา คนมุกัลลัฟ( คือคนที่ฮุกมตักลีฟี่ คือฮุกมชาเราะอ์ตกหนักลงบนเขา)ต้องรู้จักอัลลอฮ์ การรู้จักอัลลอฮ์เป็นสิ่งวายิบสำหรับเรา ดังหลักฐานจากซุเราะห์มุฮัมหมัด อายะที่19
(فَاعْلَمْ أَنَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا اللَّهُ وَاسْتَغْفِرْ لِذَنبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ ۗ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مُتَقَلَّبَكُمْ وَمَثْوَاكُمْ (19
“ดังนั้น เจ้าจงยึดมั่นเถิดว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเจ้าจงขออภัยแก่โทษของเจ้า และแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งชายและหญิง และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเจ้า (ในโลกนี้) และที่อยู่ของพวกเจ้า (ในโลกหน้า)
เราจึงต้องเรียนในสิ่งที่ทำให้เราต้องรู้จักอัลลอฮ์ คือวิชาอุซุลุดดีน วิชานี้เป็นรากฐานที่ทำให้เรารู้จักพระองค์อัลลอฮ์ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ไม่ใช่รู้จัก แก่นแท้ ( حقيقة )ของพระองค์ แต่เราต้องรู้จักซีฟัตที่ได้บอกไว้ในอัลกุรอ่านและฮาดิษ ผ่านการถ่อยทอดความเข้าใจที่ถูกต้องจากครูสู่ศิษย์อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน และไม่คลาดเคลื่อน
(4) พระองค์ทรงใช้ให้เรามอบความเอกภาพต่ออัลลอฮ์ (คือเราต้องศรัทธาว่าอัลลอฮ์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์)
(5) ซอลาวาตคืออะไร?
ซอลาวาต ถ้ามาจากมาลาอิกัต คือการ อิสติฟาร
ถ้ามาจากอัลลอฮ์ คือการประทาน เราะห์มัต
ถ้ามาจากมนุษย์ คือ การขอดุอาอ์
(6) รูปนอกเป็นประโยคบอกเล่า แต่ความหมายเป็นการขอดุอาให้อัลลอฮ์ประทานเราะห์มัตและความปลอดภัยแก่นบีของเรา
(7) นุบุวาติฮี คือ ซีฟัตความเป็นนาบี, ส่วนคำว่านบี คือ ซาต หรือตัวของนาบี
คำว่าซาต ใช้กับอัลลอฮ์ก็ได้ กับคนก็ได้ แต่ไม่เหมือนกัน.
คำว่าซีฟัตก็เหมือนกัน ใช้กับอัลลอฮ์ก็ได้ กับคนก็ได้ แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน. ( ซาตอัลลอฮ์ ไม่เป็นญิเร็ม ซีฟัตอัลลอฮ์ ไม่เป็นอะร็อฎ )
ส่วนคำว่า
อะร็อฎ คือสสารที่ต้องไปเกาะติดกับอย่างอื่น
ยีเรม คือ สสาร ซึ่งเป็นแกนให้อันอื่นมาเกาะ หรือมันอยู่ด้วยตัวเองได้
2 คำนี้ใช้กับมัคโลคเท่านั้น ใช้กับอัลลอฮ์ไม่ได้ เพราะอัลลอฮ์ ไม่ใช่สสาร)
(8) ซอฮาบัตคือคนที่ได้เจอกับนบีตอนที่นบียังมีชีวิตอยู่ และเขาต้องศรัทธาด้วย แม้เจอเพียงครั้งเดียว ก็นับเป็นซอฮาบัต การเจออาจไม่ต้องมองเห็น. เช่น ชายตาบอดไปเจอกับนบีเพียงครั้งเดียวก็เรียกว่า ซอฮาบัต
วัลลอฮุอะลัม