มัตตันอุมมุลบารอเฮน ตอนที่ 17
وَالْكَلامُ: الذَّي لَيْسَ بِحَرْفٍ، وَلاَ صَوْتٍ، وَيَتَعَلَّقُ بِمَا يَتَعَلَّقُ بِهِ
الْعِلْمُ مِنَ المُتَعَلَّقَاتِ
และซีฟัตมะอานีย์ประการที่เจ็ดคือ ซีฟัตกะลาม ซึ่งเป็นซีฟัตที่ไม่มีอักษร ไม่มีเสียง และจะทำหน้าที่(ตะโละ) กับสิ่งที่ตะโละโดยซีฟัตอิลมู จากบรรดาสิ่งที่ถูกตะโละทั้งหลาย ( ได้แก่ ตะโละกับสิ่งที่ วายิบ มุสตะฮีล และยาอิซ ในทางอักลีย์ )
คำถาม
1.อะไรคือการไม่มีเสียงและอักษรของซีฟัตกะลาม
2.การตะโละของกะลาม แตกต่างอย่างไรกับ ตะโละอิลมู
3.กะลามมีความหมายใดบ้าง
4.อะไรคือความหมายของการไม่เงียบ
ตอบ
1.ตัวซีฟัตกะลาม เป็นซีฟัตประเภทมี ซึ่งมีอยู่ที่ซาต ตั้งแต่อะซัลลีย ตัวซีฟัตกะลามนี้ ไม่มีเสียง ไม่มีอักษร เรียกตัวซีฟัตนี้ว่า กะลามนัฟซีย์ หรือ กะลามอิสมีย์ ภาษายาวี ใช้คำว่า เปอกาตอ
2.การตะโละ หรือปฏิบัติหน้าที่ ของซีฟัตกะลาม และซีฟัตอิลมู นั้น ทั้งสองซีฟัต จะตะโละกับสิ่งที่เป็น วายิบอักลีย์ มุสตะฮีลอักลีย์ และยาอิซอักลีย์ แต่จะแตกต่างกันคือ ซีฟัตอิลมูนั้นตะโละ อิงกิชาฟ คือประจักษ์ให้พระองค์ทรงรู้ ส่วนซีฟัตกะลามนั้น ตะโละดิลาละห์ คือ เป็นการบอกถึงสิ่งที่ วายิบอักลีย์ มุสตะฮีลอักลีย์ และยาอิซอักลีย์
3.คำว่ากะลามมีหลายความหมายดังนี้ 1.ซีฟัตกะลาม มี 3 ชื่อ
صفة كلام
كلام نفسي
كلام اسمي
ทั้งสามคือ สิ่งเดียวกัน แต่เรียกคนละชื่อ
2. พูด ( بركات٢ ) หมายถึง กิริยาการพูด
เรียกว่า كلام مصدري
3.คำพูด ( فر كتان ) ซึ่งมีเสียง มีอักษร มีภาษา มีดัง มีเบา เรียกว่า كلام لفظي
4.การพูดในใจ ก็เรียกกะลาม เช่นกัน เรียกว่า حديث النفس
4.คือการที่พระองค์ทรงเตรียมการ หรือสำรองคำพูด ไว้สำหรับพูดกับบ่าว ) จึงได้กล่าวว่า พระองค์นั้น ไม่ทรงเงียบ การที่บอกว่าอัลลอฮ์ ไม่ทรงเงียบนั้น ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ทรงพูดตลอดเวลา
ท่าน สะอ์ดุดดีน ได้กล่าวไว้ในหนังสือชื่อ عقاءد نسفى ว่า แท้จริงแล้ว การเงียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่มุสตะฮีลนั้น คือการเงียบในความหมายที่ว่า ไม่มีการเตรียม หรือสำรองคำพูด เลย นั่นเอง
และท่าน อับดุลเราะห์มาน ญะซีรีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ توضيح العقاءد ว่า تعلق كلام تنجيزي قديم นั้น แท้จริงแล้วก็คือการ เตรียมการ สำรองคำพูด( فر كتان ) ของอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์ ทรงประสงค์จะพูด( بركات٢ ) ด้วยคำพูดเหล่านั้น กับ คนที่จะถูกสร้างขึ้นมา ( เช่น นาบีมูซา นาบีมุฮัมหมัด )