فاعمل ولو بالعُشْر كالزكاة تَخرُج بنور العلمِ من ظُلْمات
(7) ดังนั้นท่านจงปฏิบัติเถิด(1) ถึงแม้จะเพียงหนึ่งในสิบส่วน ดังเช่นซากาตก็ตาม(2)
เพื่อที่ท่านจะได้หลุดพ้นจากความมืดมนของความไม่รู้ ด้วยรัศมีแห่งความรู้
(1) ท่านจงปฏิบัติ สิ่งที่ท่านได้รู้จากหนังสือเล่มนี้ เท่าที่ท่านมีความสามารถจะปฏิบัติได้
(2) ถึงแม้ว่าสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัตินั้น เป็นเพียง หนึ่งในสิบส่วน จากความรู้ในตำราเล่มนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนการ
จ่ายซะกาตสิ่งเพาะปลูก(ซึ่งต้องจ่าย 1 ใน 10 ส่วน ) ซึ่งท่านอย่าได้ทำเบาความกับการปฏิบัติจากสิ่งที่ท่านรู้
ดังเช่นการที่ท่านอย่าได้ทำเบาความในการจ่ายซากาต เพราะจะทำให้ท่านนั้นได้ภาคผล และทำให้ทรัพย์สินของท่านนั้นสะอาด
การที่ผู้เขียนได้ยก คำว่า عشر หรือ ( 1 ใน 10 ส่วน ) ก็เพราะมีฮาดิษ จากท่านติรมีซย์ คือ
إِنَّكُمْ فِي زَمَانٍ مَنْ تَرَكَ مِنْكُمْ عُشْرَ مَا أُمِرَ بِهِ هَلَكَ ، ثُمَّ يَأْتِي زَمَانٌ مَنْ عَمِلَ مِنْهُمْ بِعُشْرِ مَا أُمِرَ بِهِ نَجَا
แท้จริงท่านทั้งหลาย อยู่ในยุคสมัย ซึ่งถ้าหากผู้ใดได้ละทิ้งสิ่งที่ถูกสั่งใช้ให้ปฏิบัติเพียงหนึ่งในสิบส่วน เขาย่อมพบกับความวิบัติ
ต่อไปจะมียุคสมัยหนึ่งมาถึง ซึ่งใครที่ปฏิบัติสิ่งที่ถูกสั่งใช้เพียงหนึ่งในสิบส่วน เขาก็จะได้รับความปลอดภัย
หมายความว่า เป็นเพราะไม่มีความสามารถพอที่จะปฏิบัติ ให้ได้สักเพียงหนึ่งในสิบเป็นเพราะเขานั้นอ่อนแอ ดังนั้นถ้าอ่อนแอจนถึงขนาดนั้น
ก็ให้ปฏิบัติเท่าที่มีความสามารถ
........................................................
فعالم بعلمه لم يعملن = معذب من قبل عباد الوثن
وكلُّ من بغير علم يعملُ = أعمالُه مَردودَةٌ لا تقبل
ดังนั้นบุคคลที่มีความรู้ ซึ่งเขาไม่ได้ปฏิบัติ ด้วยความรู้ที่เขามี[1] แน่นอน เขาจะต้องถูกลงโทษ[2] ก่อนจากพวกที่กราบไหว้เจว็ดเสียอีก ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติอามั้ล โดยไม่มีความรู้ อามั้ลของเขาจะถูกผลักไส ไม่ถูกตอบรับ[3]
[1] ผู้มีความรู้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ทั้งที่เขามีความสามรถ เขาได้ละทิ้งสิ่งที่วายิบบนตัวเขา หรือเขาได้กระทำสิ่งที่ฮาราม
หรือ เขาปฏิบัติแล้ว แต่อามั้ลของเขานั้นมีสิ่งที่ทำให้อามั้ลเสียหาย เช่น มีริยาอ์ มีอุยุบ เขาจะถูกลงโทษก่อนกาเฟรที่กราบไหว้รูปปั้น เพราะเขารู้ถึงสิ่งที่ฮาราม ในขณะที่กาเฟรไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นฮาราม ดังฮาดิษ
الزَّبَانِيَةُ أَسْرَعُ إلَى فَسَقَةِ الْقُرَّاءِ مِنْهُمْ إلَى عَبَدَةِ الْأَوْثَانِ فَيَقُولُونَ يُبْدَأُ بِنَا قَبْلَ عَبَدَةِ الْأَوْثَانِ ؟ فَيُقَالُ لَهُمْ لَيْسَ مَنْ يَعْلَمُ كَمَنْ لَا يَعْلَمُ .
มาลาอิกะห์ ซะบานียะห์ (มาลาอิกะห์ ซึ่งทำหน้าที่ลงโทษ ชาวนรก ) จะรีบลงโทษ กับผู้ที่อ่านอัลกุรอ่าน ซึ่งทรยศต่ออัลลอฮ์ เสียยิ่งกว่า ผู้ที่กราบไหว้เจว็ดเสียอีก ดังนั้นพวกเขาจึงถามมาลาอิกะห์ว่า เหตใดฉันจึงถูกลงโทษก่อนผู้ซึ่งกราบไหว้เจว็ด ดังนั้นมาลาอิกะห์ ซะบานียะห์ จึงตอบว่า ผู้ซึ่งรู้นั่นย่อมแตกต่างจากผู้ไม่รู้ รายงานโดย ฏอบรอนีย์ และ อาบูนาอีม
[2] ถ้าหากเขาไม่ได้รับการอภัยโทษ
[3] อิมามฆอซาลีย์ กล่าวว่า
العلم بلا عمل جنون، والعمل بغير علم لا يكون.
ความรู้ที่ไม่มีการปฏิบัติ นั้นคือความบ้า และการปฏิบัติโดยปราศจากความรู้นั้นย่อมไม่มี นั่นก็คือ ใช้ไม่ได้นั่นเอง (ไม่ถูกรับ )
واللهَ أرجو المَنَّ بالإخلاصِ = لكي يكونَ مُوجِبَ الخَلاص
และข้าพเจ้ามุงหวังต่ออัลลอฮ์ ต่อการประทานเนียะมัต ให้กับข้าพเจ้า ด้วยการให้ข้าพเจ้ามีความบริสุทธิ์ใจ[1] ในบทประพันธ์นี้[2]
เพื่อให้ฉันได้พ้นริยาอ์[3] และให้พ้นจากการมองเห็นความอิคลาสของฉันเอง[4]
[1] ความบริสุทธิ์ใจในการฏออัต นั้นก็คือการละทิ้งริยาอ์ นั้นก็คือทำเพื่ออัลลอฮ์เท่านั้น ไม่ได้มุงหวังใดๆต่อมัคโลก หรือหวังให้มนุษย์ชื่นชม
[2] เพื่อให้ข้าพเจ้าได้พ้นจาก ริยาอ์ อุญุบ อีกทั้งขอให้มีความบริสุทธ์ใจในบรรดาอามัลต่างๆของฉัน ในเรื่องราวของศาสนา
[3] หรือให้ข้าพเจ้าได้พ้นจาก ความสับสนอลหม่าน ในวันกิยามะห์
[4] ท่านอบูยะอ์กู๊บ กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้มองเห็นว่าตัวเขาเองนั้นมีความบริสุทธ์ใจ ดังนั้นแสดงว่าความบริสุทธิ์ใจของเขานั้น จำเป็นต้องหาความบริสุทธ์ใจใหม่เสียแล้ว
มีคำกล่าวจาก دقاق ว่า ข้อบกพร่องสำหรับความบริสุทธิ์ ของทุกคนนั้นก็คือ เขาได้มองว่าตัวเขาเองนั้นมีความบริสุทธิ์ใจแล้ว ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ จะทำให้ความบริสุทธ์ใจของเขา เป็นความบริสุทธิ์ที่แท้จริง พระองค์ก็จะทำให้เขาไม่เห็นว่าตัวเขาเองนั้มีความบริสุทธิ์ใจ