การอาบน้ำละหมาด
เงื่อนไขของการอาบน้ำละหมาด
1.ต้องใช้น้ำมุฏลัก ได้แก่น้ำสะอาดที่ไม่มีเงื่อนไข เช่น น้ำฝน น้ำบ่อ น้ำค้าง (ไม่ใช่น้ำส้ม น้ำหวาน เป็นต้น )
2. ต้องเป็นอิสลาม เพราะการอาบน้ำละหมาดเป็นอิบาดัตอย่างหนึ่งที่ต้องมีการเนียต การอาบน้ำละหมาดของคนการเฟรจึงไม่เศาะห์ เพราะคนกาเฟรไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากบรรดาหมู่ชนที่มีการเนียต ถ้าตกมุรตัดขณะอาบน้ำละหมาด น้ำละหมาดนั้นก็เสียด้วย
3.รู้เดียงสา (تمييز)ดังนั้นเด็กที่ไม่รู้เดียงสา การอาบน้ำละหมาดก็ไม่เศาะห์ การรู้เดียงสานั้นกคือ แยกแยะสิ่งสะอาดจากนายิสได้ แยกแยะสิ่งดีและชั่วได้ สามารถกิน ดื่ม ทำความสะอาด ด้วยตัวเองได้ อายุได้ประมาณ 6-7 ปี
4.ต้องไม่มีสิ่งที่มาปฏิเสธการอาบน้ำละหมาดนั้น เช่น ถ่ายปัสสาวะ หรือ อุจจาระ ขณะที่อาบน้ำละหมาด หรือ หลังการอาบน้ำละหมาด
5. ต้องไม่มีสิ่งที่มากั้นขวางไม่ให้น้ำไปถึงอวัยวะที่อาบน้ำละหมาดนั้น เช่น ขี้เล็บ ขี้ยาง เป็นต้น
6. ต้องรู้วิธีการอาบน้ำละหมาด เช่น รู้ว่าอะไรคือรุกน อะไรคือสุนัต อะไรคือเงื่อนไข
7.ให้คงดายการเนียตในการอาบน้ำละหมาดนั้น
8.ถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีปัญหา กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือมีเลือดเสีย ไหลตลอดเวลา มีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้าเวลา และ ต้องล้างเอานายิสที่ไม่มาอัฟ ออกให้หมดเสียก่อน
( ฟุรูอุลมาซาอิล หน้า 27 )
ฟัรดูอาบน้ำละหมาด (จากหนังสือ มัฏละอุลบัดรัยน์ )
1 เนียต
- เนียตในใจขณะที่น้ำโดนส่วนหนึ่งส่วนใดจากใบหน้า และสุนัตให้กล่าวด้วยวาจา "นะวัยตุลวุฎูอา...."
- และไม่จำเป็นต้องคงดายการเนียตนั้นจนกระทั่งล้างหมดทุกส่วนของใบหน้า ( ไม่ต้องนึกอยู่ในใจตลอดเวลาว่า" ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาด.... " )
- ถ้าเนียตอาบน้ำละหมาดพร้อมกับการเนียตอย่างอื่นเช่น เพื่อให้ร่างกายเย็นจากน้ำ หรือ เพื่อจะเอาขี้ไคลออก แบบนั้นถือว่าการเนียตนั้นใช้ได้ แต่ถ้าตอนแรกเนียตอาบน้ำละหมาด หลังจากนั้นขณะที่อาบน้ำละหมาดอยู่ ก็เนียตจะถูขี้ไคล เป็นต้น แบบนี้ต้องอาบน้ำละหมาดใหม่ตอนนั้นเลย ถ้าไม่เนียตใหม่การอาบน้ำละหมาดนั้นก็ใช้ไม่ได้
- ถือว่าใช้ไม่ได้ ถ้าเนียตขณะที่ล้างสิ่งอื่นก่อนการล้างหน้า เช่นเนียตขณะที่กำลังล้างมือ หรือขณะบ้วนปาก หรือขณะที่สูดน้ำเข้าจมูก ถ้าหากการล้างนั้น น้ำไม่ได้ถูกส่วนของใบหน้าด้วย เช่น ริมฝีปาก
แต่ถ้าหากน้ำถูกส่วนหนึ่งส่วนใดจากใบหน้าด้วย แบบนั้นก็ถือว่าการเนียตนั้น ( เนียตขณะที่เอาน้ำบ้วนปาก น้ำไปโดนริมฝีปากด้วย ซึ่งริมฝีปากเป็นส่วนหนึ่งของหน้าด้วย ) ใช้ได้
- สิ่งที่ต้องพิจารณา ถ้าเนียตในขณะที่ล้างอย่างอื่นก่อนการล้างหน้า ( เช่น เนียตขณะบ้วนปาก) โดยที่มีส่วนของใบหน้าโดนน้ำขณะที่ล้างอวัยวะนั้น ( ริมฝีปากโดนน้ำ ขณะที่บ้วนปาก ) ขณะที่เราล้างหน้า เราจำเป็นต้องล้างส่วนนั้นของใบหน้าอีกหรือไม่ ต้องพิจารณา ดังนี้
1. ถ้าขณะที่เขาล้างอวัยวะนั้น (บ้วนปาก) นั้นเขาตั้งใจว่าล้างหน้า แบบนี้ไม่วายิบต้องล้างส่วนนั้นของหน้าซ้ำ ( ริมฝีปาก )
2. ถ้าเขาตั้งใจว่าล้างอวัยวะนั้น ( บ้วนปาก ) เป็นสุนัตเท่านั้น. หรือเขาตั้งใจว่าการล้างอวัยวะนั้นเป็นสุนัตพร้อมกับการล้างหน้า หรือ เขาไม่ได้ตั้งใจว่าเขาล้างหน้าขณะที่ล้างอวัยวะนั้น ( บ้วนปาก ) และเขาไม่ได้ตั้งใจว่าการล้างอวัยวะนั้น ( บ้วนปาก )เป็นสุนัต จาก 3 กรณีดังกล่าวนี้ เขาจำเป็นต้องล้างส่วนนั้นของใบหน้า ( ริมฝีปาก )ซ้ำ
- คำเนียตคือ ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาดฟัรฎู ( ถ้าเนียตเพียง ข้าพเจ้าอาบน้ำเพื่อให้ฮารุสในการทำสิ่งสุนัต เช่นอ่านอัลกรุอ่านก ไม่เศาะห์ละหมาดฟัรฎู แต่ถ้าเนียต ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาดฟัรฎู จะครอบคลุมทั้งหมด สามาถทำของฟัรฎูและสุนัตได้ )
- ฮารุส ในการทิ้งช่วงระหว่างการล้างอวัยวะหนึ่งกับอีกอวัยวะหนึ่ง แม้จะเป็นการทิ้งช่วงที่นานก็ตาม
แต่เมื่อจะมาล้างอวัยวะต่อจากนั้นก็ให้เนียตอาบน้ำละหมาดอีกครั้ง
( มัฏละอุลบัดรัยน์ และ บุฆยะตุฏฏุลลาบ )
2. ล้างหน้าให้ทั่วเขตหน้า
- ขอบเขตของหน้าคือ ตีนผมเหนือหน้าผาก จนถึงใต้คาง และระหว่างลูกหู (انق تليغا) คือติ่งด้านหน้ารูหูทั้งสองข้าง
- ถ้ามีขนซึ่งขึ้นอยู่ในบริเวณเขตหน้าดังกล่าวนั้น วายิบต้องล้างให้สัมผัสน้ำให้หมด พร้อมๆกับผิวหนังที่อยู่ใต้ขนนั้นเช่นกัน
- สำหรับเคราของผู้ชาย และจอน ( تلي تودوغ) ถ้าพิจารณาแล้วว่ามันหนาจนกระทั่งมองไม่เห็นผิวหนังที่อยู่ใต้ต่อเคราหรือจอนอันนั้น การล้างแต่เพียงภายนอกนั้นถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ถ้ามันบาง คือสามารถมองเห็นผิวหนังที่อยู่ใต้เครานั้น วายิบให้ล้างให้สัมผัสน้ำทั้งหมด ทั้งเครานั้นและผิวหนังใต้เครา สำหรับผู้หญิงที่มีเครา ไม่ว่าหนาหรือบาง วายิบต้องล้างให้โดนน้ำทั้งหมดทั้งเครา จอน และผิวหนังใต้ต่อมัน ( เพราะส่วนน้อยของผู้หญิงที่จะมีเครา ) และสำหรับผู้หญิงถ้ามีเคราสุนัตให้กำจัดออก
- และจำเป็นจะต้องล้างให้เลยเขตหน้าขึ้นไปทางศรีษะสักเล็กน้อย เช่นเดียวกันวายิบให้ล้างจนเลยใต้คางลงไปไปถึงกระเดือก และส่วนของลำคอ (ตรงบริเวณด้านล่างของกรามทั้งสองข้าง และ ตรงมุมระหว่างหูกับกระดูกราม) และส่วนของใบหูด้านหน้า ทั้งนี้เพื่อให้น้ำสัมผัสส่วนของเขตหน้าอย่างทั่วถึง ( บางครั้งถ้าเราไม่ล้างให้เลยขอบเขตออกไป จะมีเขตหน้าบางส่วนที่ไม่โดนน้ำ เช่นตีนผมหรือ หรือบริเวณมุมระหว่างหูกับกราม ทำให้ล้างหน้าไม่ทั่วเขตหน้านั่นเอง ทำให้การอาบน้ำละหมาดนั้นใช้ไม่ได้ เพราะ " สิ่งที่ทำให้วายิบสมบูรณ์ สิ่งนั้นก็เป็นวายิบ " )
- จุดที่ต้องระวังคืิอผมที่อยู่ระหว่างตีนผมเหนือหน้าผากกับติ่งหน้าใบหู ต้องล้างให้เปียกให้หมด ตลอดความยาวเส้นผม เพราะเป็นผมที่อยู่ในเขตหน้า ( ตอนเรียนบาบอย้ำมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ ผู้หญิงอาหรับจะโกนผมตรงนี้ออก เพื่อให้เกิดความสะดวกในการล้างหน้าให้ทั่วเขตหน้า )
3. ล้างมือทั้งสองข้างจนถึงข้อศอก
- ถ้าหากไม่มีข้อศอก ( แขนของเขาตรงไปเลย) ก็ให้กะประมาณความยาว เพื่อกำหนดตำแหน่งข้อศอก
- วายิบให้ล้างให้สิ่งที่อยู่บนมือทั้งสอง(จนถึงข้อศอก )สัมผัสน้ำให้หมด เช่น ขน แม้ว่าขนนั้นจะหนาก็ตาม ต้องล้างให้เปียกให้หมดรวมทั้งผิวหนังใต้ต่อมันด้วย หรือ เนื้อที่งอก ในบริเวณดังกล่าว ( เช่น
ไฝ หูด เนื้องอก ) ก็ต้องล้างให้เปียกให้หมด
- วายิบต้องล้างนิ้วที่งอกออกมาเกิน ( เช่น มี 6 นิ้ว ) รวมทั้งเล็บด้วย
- วายิบให้เอาสิ่งที่อยู่ใต้เล็บ( ขี้เล็บ )ออก ซึ่งมันจะกั้นขวางไม่ให้น้ำไปถึงผิวหนังใต้เล็บ
- ถ้ามีหนามตำที่มือหรือแขน ถ้าสามารถดึงออกมาได้ วายิบให้ดึงออกมาเสียก่อนที่จะล้าง แต่ถ้าหากว่ามันฝังลงไปแล้ว ก็ให้ล้างด้านบนผิวหนังที่คลุมมันอยู่นั้นก็ถือว่าเพียงพอ
- ถ้ามีหิด อยู่บนมือหรือแขน ไม่วายิบ ให้ไปบีบให้แตก แม้ว่าจะทำได้ง่ายก็ตาม
- ให้ถือปฏิบัติ เช่นเดียวกันกับอวัยะอื่นๆ ที่ต้องล้างในการอาบน้ำละหมาด
4. เอาน้ำเช็ดบางส่วนของเขตศรีษะ
- เอาน้ำเช็ดส่วนหนึ่งส่วนใด จากหนังศรีษะ หรือ เช็ดส่วนหนึ่งจากเส้นผม ที่อยู่ในเขตศรีษะ
แม้ว่าจะเป็นผมเพียงเส้นเดียว หรือเพียงครึ่งเส้น ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
- ถือว่าใช้ไม่ได้ ในการเอาน้ำเช็ดบนมวยผม ที่เกล้าขึ้นไปบศรีษะ ถ้าพิจารณาแล้ว เมื่อเราปล่อยผมนั้น ผมก็จะออกไปอยู่นอกเขตศรีษะ
- ถือว่าใช้ได้ ในการเช็ดส่วนหนึ่งส่วนใด จากเขตศรีษะ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ( เช่น ด้านหน้า หลัง หรือข้าง )
- ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเช็ดด้วยมือ ถ้าหากว่าเช็ดด้วยอย่างอื่น เช่น ไม้ ก็ถือว่าใช้ได้เช่นกัน
- ถือว่าใช้ได้เช่นกัน ในการที่จะล้างทั้งศรีษะไปเลย แทนการเช็ด
5.ล้างเท้าทั้งสองข้างจนถึงตาตุ่ม
- ล้างเท้าทั้งสองข้างจนถึงตาตุ่ม ในกรณีที่ไม่ได้สวมถุงเท้า (خف) ถ้าหากสวมถุงเท้าวายิบให้เช็ดทั้งสองถุงเท้า( ไม่ขอพูดถึง เพราะบ้านเรา ไม่ค่อยได้ทำกัน เนื่องจากรายละเอียดและเงื่อนไขค่อนข้างมาก และอย่าทำถ้าไม่รู้เงื่อนไขเหล่านั้น เพราะจะใช้ไม่ได้ ) หรือ ล้างเท้าทั้งสองข้าง
- วายิบให้ล้างทุกสิ่งที่อยู่บนเท้าทั้งสอง เช่น ขน หรือ อย่างอื่น เช่นเดียวกับในการล้างมือ
6.เรียงลำดับในการล้างอวัยวะ ก่อนหลัง จากที่กล่าวมา ตามลำดับ
- ถ้าล้างโดยไม่เรียงลำดับ ด้วยกับสาเหตการลืม จะถือว่าไม่นับกับการล้างที่ผิดลำดับนั้น แต่ที่ถูกพิจารณา ก็เฉพาะการล้างหน้าเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าขณะที่ล้างหน้า เขาได้เนียตอาบน้ำละหมาดด้วย
- ถ้าหาก อวัยวะทั้ง 4 มีคนล้าง 4 คน โดยความยินยอมของผู้ถูกล้าง จะถือว่ายกฮาดัษได้เฉพาะใบหน้าเท่านั้น ถ้าหากขณะที่ล้างหน้านั้น เขามีเนียตอยู่ด้วย
- ถ้าเขาดำลงไปในน้ำ พร้อมกับเนียตอาบน้ำละหมาด ถึงแม่เขาจะนิ่งอยู่ในน้ำนานก็ตาม ถือว่าการอาบน้ำละหมาดของเขาใช้ได้ เพราะ ได้เกิดการเรียงลำดับขึ้นแล้ว ในขณะที่ดำน่ำนั่นแล้ว
สุนัตการอาบน้ำละหมาด มีหลายประการ ส่วนหนึ่งมีดังนี้
1. เมื่อเริ่มล้างฝ่ามือให้กล่าวนามของอัลลอฮฺ คือ อ่านอะอูซุบิลลา และบิสมิลลา.............
2. ล้างฝ่ามือถึงข้อมือ
3. เอาน้ำบ้วนปาก
4. เอาน้ำสูดเข้าจมูก
5. เอาน้ำเช็ดให้ทั่วศรีษะ
6. เอาน้ำเช็ดใบหูทั้งสองข้าง
7. ให้ล้างเครา
8. ให้ประสานนิ้วมือ และนิ้วเท้าทั้งสองข้าง
9. ให้ล้างข้างขวา ก่อนข้างซ้าย
10. ให้ทำอย่างละ 3 ครั้ง