เอียะรอบมัตตัน อัลอาจญะรูมิญะห์ 3 ตอนที่ 2
بسم الله الرحمن الرحيم
فالاسم يعرف بالخفض والتنوين ودخول الالف واللام
ดังนั้นสำหรับ คำนาม ( اسم ) จะสามารถแยกแยะมันจาก فعل และ حرف โดยการ พิจารณดูว่ามี การ คอฟัฎ ( خفض ) ,การอ่านตันวีน ที่ท้ายคำ ,การมีอักษร อาลิฟและลาม ที่หน้าคำ
.........................
والتوينِ
الواو حرف العطف
التنوین معطوف علی الخفض والمعطوف علی المجرور مجرور
وعلامته الکسرة الظاهرةفي آخره
الواو
ฮุรุฟ عطف ด้วยความหมาย اَوْ(หรือ )
ซึ่งมีความหมายว่า لا يخلو عن احد هما คือ ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งจาก خفض หรือไม่ก็ ตันวีน ตรงนี้ الواو ไม่ได้มีความหมายว่า مع ( พร้อมด้วย )
التنوين
อ่าน خفض เพราะ معطوف عليه คือ خفضِ อ่าน خفض
التنوين : نون ساكنة زائدة تلحق أواخر الأسماء لفظا وتفارقها خطا ووقعا
ตันวีน คือ นูนที่ตายและเพิ่ม (نْ) ซึ่งมันจะติดตามอยู่ที่ท้ายของคำนาม ในการออกเสียงคำ และ มันจะแยกตัวออกจากท้ายของคำนาม ในการเขียน และ การอ่านหยุด.
وهو أربعة أقسام
มันจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน
1- تنوين التمكين : وهو اللاحق للأسماء المعربة كرجلٍ وكتابٍ
ตันวีน ตัมกีน : ตันวีนที่ตามอยู่ใน อาส์มาอ์ อัลมูอัลรอยะฮ์ ( คำนามต่างๆๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงสระท้ายคำได้ ) เช่น رَجُلٍ و كِتَابٍ
2- تنوين التنكير : وهو ما يلحق بعض الأسماء المبنية كاسم الفعل والعلم المختوم به ( ويه ) فرقا بين المعرفة منهما والنكرة فما نون كان نكرة وما لم ينون كان معرفة مثل : صَهْ صهٍ و بسيبويهِ وسيبويهٍ
ตันวีน ตันกีร : ตันวีนที่ติดตามจากส่วนหนึ่งของ อาส์มาอ์ อัลมับนีย์ ( คำนามต่างๆๆที่สระท้ายของมันไม่เปลี่ยนแปลง ) เช่น : อีสมูล แฟแอล และ อีสมูล อาลัม ที่ลงท้ายด้วยคำว่า (وَيْهِ) ความแตกต่างระหว่าง มะรีฟะฮ์ และ นากีเราะฮ์ ของทั้งสองคำนี้คือ คำนามที่มีตันวีนนั้น คือ นากีเราะฮ์ และ คำนามที่ไม่ตันวีนนั้น คือ มะรีฟะฮ์ ตัวอย่างเช่น : صَهْ ( จงหยุดจากคำพูดที่ท่านกำลังพูดอยู่นั้น ) แต่ถ้าท่านกล่าวว่า صَهٍ ( ท่านจงหยุดพูดจากทุกๆๆคำพูด )
และตัวอย่างของ อีสมูล อาลัม ที่ลงท้ายด้วยคำว่า ( وَيْهِ ) เช่น سِيْبَوَيْهِ ( ชื่อของอุลามะอ์นาฮูท่านหนึ่ง ) แต่ถ้าหากท่านกล่าวโดยใส่ตันวีน سِيْبَوَيْهٍ ( คนๆหนึ่งที่ชำนาญวิชานาฮู )
ดังนั้น ถ้าเราสังเกตดีๆๆในสองตัวอย่างนั้น เราจะเห็นทันที่เลยว่า ทั้งสองคำนั้น มีคำที่ใส่ ตันวีน และ ไม่ใส่ตันวีน ซึ่งคำที่ใส่ตันวีนนั้นแหละที่เรียกว่า ( ตันวีน ตันกีร)
3- تنوين المقابلة : وهو اللاحق لجمع المؤنث السالم نحو : فَاطِمَاتٍ و مُسْلِمَاتٍ
ตันวีน ตันกีร : ตันวีนที่ตามอยู่ใน ยาเมาะ มูอันนัส ซาลีม ( คำนามพหุพจน์ เพศหญิง ) ตัวอย่างเช่น : فَاطِمَاتٍ และ مُسْلِمَاتٍ
4- تنوين العوض : وهو على ثلاثة أقسام
- إما أن يكون عوضا من مفرد
- إما أن يكون عوضا من جملة
- إما أن يكون عوضا من حرف
ตันวีน อีวัด : มันจะแบ่งออกเป็นสามประเภทด้วยกัน
- บ้างทีมันแทนมาจากมุฟรัต
- บ้างทีมันแทนมาจากยุมเลาะ
- บ้างทีมันแทนมาจากฮัรฟุน
1- أن يكون عوضا من مفرد :
وهو ما يلحق ( كُل ٌّو بَعْض ٌ) عوضا مما تضاف إليه نحو : (كُلٌّ يَمُوٍتُ) أي : كُلُّ إنسانٍ يموت و (بَعْضُهُمْ على بَعْضٍ) أي : بعضهم على بَعْضِهِمْ
1- มันแทนมาจากมุฟรัต :
ตันวีนที่ตามอยู่ในคำ ( كُلٌّ ) หรือ ( بَعْضٌ ) ซึ่งมันแทนมาจากคำที่ถูกพาดพิงไปยังมัน ตัวอย่างเช่น : كُلٌّ يَمُوْتُ หมายถึง كُلُّ إنِْسَانٍ يَمُوْتُ
หรือ بَعْضُهُمْ على بَعْضٍ หมายถึง بَعْضُهُمْ عَلَى بَعْضِهِمْ
อธิบาย : ถ้าเราสังเกตดีๆๆในคำ كُلٌّ เราจะเห็นทันที่เลยว่า มันมีตันวีนอยู่ ซึ่งตันวีนนั้น มันได้แทนมาจากคำที่ถูกพาดพิงไปยังจะมัน ซึ่งมันได้ถูกลบออก นั้นก็คือ إنسان ดังนั้น เพราะมันแทนมาจากคำที่ถูกพาดพิงไปยังมัน ที่ถูกลบออกนี้แหละ มันจึงอ่าน แบบมี ตันวีน ( كُلٌّ )
และคำ بَعْضٍ ก็เช่นเดียวกัน.
2- أن يكون عوضا من جملة
وهو ما يلحق ( إِذْ ) عوضا من جملة تكون بعدها كقوله تعالى ( فَلَوْلَا إِذَا بَلَغَتِ الحُلْقُومَ وَأَنْتُمْ حِينَئِذٍ تَنْظُرُون َ) أي : حِيْنَ إِذْ بلغت الروح الحلقوم
2- มันแทนมาจากยุมเลาะ :
ตันวีนที่ตามอยู่ในคำ ( إِذْ ) ซึ่งมันแทนมาจากยุมเลาะ ( ประโยค ) ที่ตกอยู่หลังจากมัน เช่น อายัตอัลกุรอานที่ว่า : فَلَوْلَا إِذَا بَلَغَتِ الحُلْقُومَ وَأَنْتُمْ حِيْنئِذٍ تَنْظُرُوْنَ หมายถึง حِيْنَ إِذْ بَلَغَتِ الرُوْحُ الحُلْقُوْمَ
อธิบาย : ถ้าเราสังเกตดีดีในคำ حَيْنَئِذٍ เราจะเห็นทันที่เลยว่า มันมีตันวีนอยู่ ซึ่งตันวีนนั้น มันได้แทนมาจากยุมเลาะ ( ประโยค ) ที่ตกหลังจากมัน ซึ่งมันได้ถูกลบออก นั้นก็คือ حِيْنَ إِذْ بَلَغَتِ الرُوحُ الحُلْقُوْمَ ดังนั้น เพราะเหตุนี้มันจึ่งอ่าน แบบมีตันวีน حِيْنَئِذٍ ซึ่งตันวีนนั่น ถูกเรียกว่า ( ตันวีน อีวัด )
3- أن يكون عوضا من حرف
وهو ما يلحق الأسماء المنقوصة الممنوعة من الصرف في حالتي الرفع والجر عوضا من آخرها المحذوف : كَجَوَارٍ و غَوَاشٍ فتنوينها ليس تنوين صرف كتنوين الأسماء المنصرفة لأنها ممنوعة منه وإنما هو عوض من الياء المحذوفة والأصل : جَوَارِيْ و غَوَاشِي.
3- มันแทนมาจากฮัรฟุน :
ตันวีนที่ตามอยู่ในคำ อาสมาอ์ อัลมังกูเซาะ อัลมัมนูอะ มีน ซอรฟี ( คำนามต่างๆๆที่ลงท้ายด้วย ฮูรุฟ ยาอ์ และมันนั้น มาจากคำนามที่ห้ามใส่ตันวีน ) ในสองสภาพด้วยกัน คือ ตอนอ่านสระ มัรฟุอ์ และ มัจรูรุน ซึ่งมันนั้นแทนมาจากฮัรฟุนที่อยู่ท้ายของมันที่ถูกลบออก เช่น جَوَارٍ و غَوَاشٍ ซึ่งตันวีนของมันนั้น ไม่ใช่ตันวันซอรฟี อย่างตันวันที่อยู่ในคำนามต่างๆๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงสระท้ายคำได้ ก็เพราะมันนั้น มาจากคำนามที่ห้ามใส่ตันวีน แท้จริงแล้วนั้น มันคือ ตันวีนที่แทนมาจากฮัรฟุน ยาอ์ ที่ถูกลบออก ซึ่งคำเดิมของนั้นคือ جَوَارِيْ غَوَاشِيْ
อธิบาย : ถ้าเราสังเกตดีดีในคำ جَوَارٍ และ غَوَاشٍ เราจะเห็นทันทีเลยว่า มันมีตันวีนอยู่ ซึ่งตันวีนนั้น มันได้แทนมาจากฮัรฟุน ยาอ์ ที่ถูกลบออก ที่ตกอยู่หลังมัน นั้นก็คือ جَوَارِيْ และ غَوَاشِيْ ดังนั้น เพราะเหตุนี้มันจึ่งอ่านแบบมีตันวีน جَوَارٍ ซึ่งตันวีนนั่น ถูกเรียกว่า ( ตันวีน อีวัด )
.................
* และในภาษาอาหรับ ก็ยังมีอีกหลายตันวีน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เช่น
5- تنوين الضرورة
โดย ابن الخباز ได้กล่าวใน الجزولية
คือ ตันวีนที่ได้กล่าวใน منادى (ชื่อที่ถูกเรียก หลังจาก ฮูรุฟนิดาอฺ)
เช่น
١- سلام الله يا مطرٌ عليها
٢- مكان يا جملٌ
ซึ่งจากตัวอย่าง จะเห็นได้ว่า مطر และ جمل มีตันวีนที่มุนาดา เดิมมันต้องมับนีย์ด้วย ضمة (โดยไม่มีตันวีน)
6- تنوين الزيادة
และมีอีกชื่อว่า تنوين المناسبة
คือ ตันวีนที่นำมาใส่ที่ท้ายของอิเสมที่ไม่รับตันวีน (الاسم غير المنصرف) เพื่อให้สอดคล้องกับอิเสมอีกตัวที่อยู่ติดกัน
เช่น الآية (سلاسلاً واغلالا)
ตามการอ่านของ นาฟิอฺ, อัลกาสาอีย์, ฮีซาม จาก อิบนุอามิร, อาบูบักร จาก อาศิม และอบูญะฟัร
(อ่านเพิ่มเติมได้ ในหนังสือ อัตตัฮรีร วัตตันวีร)
7- تنوين الشذوذ
มีชื่ออีกว่า تنوين التكثير และ تنوين الهمز
คือ ตันวีนที่มาตามหลังอิเสมมับนีย์ บางตัว
ประโยชน์ของมัน คือ การเพิ่ม(ความหมาย)ของคำ
เช่น هؤلاءٍ قومك
สังเกตที่ هؤلاء จะมีตันวีนอยู่ ทั้งที่เดิมของมันมับนีย์ด้วย كسرة (โดยไม่มีตันวีน)
8- تنوين الحكاية
คือ ตันวีนที่นำมาใส่ที่คำที่เป็นตัวอย่างที่ที่เราจะนำไปเทียบกับวะซาน คือ الوزن مع الموزون เช่นเราพูดว่า
وعلى وزن مفعالٍ مضرابٍ
มิดรอบิน เราใส่ตันวีน ซึ่งความจริงแล้วเราต้องอ่านว่า มิดรอบุน เป็นมุบตะดามุอัคคอร แต่เราอ่านว่า มิดรอบิน เพื่อฮิกายะห์มาจากคำว่า มิฟอาลิน
* ทุกตันวีนที่กล่าวมาล้วนเป็นจำกัดเฉพาะให้คำนาม (الاختصاص بالأسماء) ยกเว้น 2 ตันวีน ต่อไปนี้
ดูเพิ่มเติม ได้ใน
الكواكب الدرية، ص:٣١
คือ
9- تنوين الترنم
คือ ตันวีนที่มาตามหลัง القوافي المطلقة (คือตัวอักษรอิลละห์) เช่น ا، ي، و
ตัวอย่าง
اقلى اللوم عاذل والعتابَنْ ** وقولي إن أصبت لقد أصابَنْ
ซึ่งตัวเดิมคือ العتابا กับ أصابا
10- التنوين الغالي
คือ ตัววีนที่มาตามหลัง القوافي المقيدة (คือเมื่อตัวสุดท้ายของคำ เป็น ฮูรุฟ ซอฮีฮ สูกูน)
ตัวอย่าง
وقاتم الأعماق خاوي المخترقْنْ
مشتبه الأعلام لماع الخفَقْنْ
สังเกตที่คำว่า المخترقن กับ الخفقن อันที่จริง ق ต้องอ่านด้วยมัจรูร เพราะอิอฺรอบเป็น مضاف إليه แต่ต้องสูกูน (เพราะกอฟียะห์ของบทกลอนอาหรับจะหยุดด้วยตัวอักษรที่มีสระไม่ได้) แล้วก็ได้มีการเพิ่ม ตันวีนที่ท้ายคำ
ตันวีนตัวนี้ จึงเรียกว่า تنوين غالي
..............
ودخول الالف واللام
الواو حرف عطف
الواو لمنع الخلو والجمع
การ عطف โดยใช้ الواو บ่งบอกถึงการรวามกันของบางส่วน จากเครื่องหมายของอิเสม กับอีกบางส่วน เช่น อิเสมบางคำ มีทั้งตันวีน และ خفض ในคำเดียวกัน
หรือ การห้ามรวมกันระหว่าง 2 เครื่องหมายในคำเดียวกัน เข่น
จะรวมกันไม่ได้ระหว่าง ال และ ตันวีน ในคำเดียวกัน เป็นต้น
دخول معطوف على الخفض والمعطوف على المجرور مجرور
ودخول مضاف
الالف مضاف اليه
واللام الواو حرف عطف اللام معطوف على الالف
والمعطوف على المجرور مجرور
يعنى أن الاسم يعرف ايضا بدخول أل عليه
การที่เราจะรู้ได้ว่า คำนั้นเป็น اسم เครื่องหมายอย่างหนึ่งคือ การมี ال เข้าไปที่หน้าคำนั้น เช่น الرجال
الالف واللام
من اطلاق الاسم واردة المسمى
การที่ผู้เขียนไปกล่าวว่า
الالف واللام
จุดมุ่งหมาย ก็คือ หมายถึง ال
ไม่ได้หมายถึง อลีฟ หรือ ลาม เป็นเอกเทศน์
ซึ่งที่สมควรแล้วคววรจะกล่าวว่า
ودخول ال
เพราะ กออิดะห์ที่ว่า
انما كان حرفين يعبر عنه بمسماه
وما كان على حرف واحد يعبر عنه
باسمه
ถ้าหากมีสองอักษร ( คือ ال ) นั้น สิ่งที่หมายถึงจากมัน ก็คือ ตัวของสิ่งที่ถูกเรียกนั้น ก็คือ ال แต่ถ้าหากว่า มีเพียงอักษรเดียว ( เช่น الباء และ الام ) จะหมายถึง ชื่อเรียกของอักษรนั้น