บรรดาอุลามาอฺสะลัฟเกี่ยวกับการปฏิเสธเวลา สถานที่และทิศให้กับอัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) ดังต่อไปนี้
1. อิมามอลีอิบนิอบีฏอลิบ (ร.ฏ.)
ท่านอิมามอลี (ร.ฏ.) คอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรมท่านที่ 4 แห่งโลกอิสลาม กล่าวว่า
كان ولامكان، وهو الأن على ما عليه كان
อัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในปัจจุบันนี้ ก็ยังอยู่อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น(คือไม่ทรงมีสถานที่) ดู อัลฟัร บันนะ อัลฟิร๊อก หน้า 333 ของท่านอบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์
และท่านอิมามอะลี(ร.ฏ.)เช่นกันว่า
إن الله تعالى خلق العرش إظهارا لقدرته لا مكانا له
อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ทรงสร้างอะรัช (บัลลังค์) เพื่อทำให้เห็นถึงเดชานุภาพของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อเป็นสถานที่(พำนัก)สำหรับพระองค์ ดู อัลฟัร บันนะ อัลฟิร๊อก หน้า 333 ของท่านอบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์
2. อิมามซัยนุลอาบิดีน อลี บิน อัลหุซัยน์ บิน อลี (ร.ฏ.)
ซึ่งท่านเป็นอุลามาอฺซะลัฟ กล่าวว่า
أنت الله الذي لا يحويك مكان
พระองค์คืออัลเลาะฮฺที่ไม่มีสถานที่มาห้อมล้อมพระองค์ ดู อิตหาฟ อัสสาดะฮฺ อัลมุตตะกีน เล่ม 4 หน้า 380 ของท่านซะบีดีย์
3. อิมามญะฟัร อัศศอดิก (ร.ฏ.)
ท่านอิมามญะฟัร อัศศอดิก (ร.ฏ.) กล่าวว่า
"من زعم أن الله في شىء، أو من شىء، أو على شىء فقد أشرك. إذ لو كان على شىء لكان محمولا، ولو كان في شىء لكان محصورا، ولو كان من شىء لكان محدثا- أي مخلوقا"
"ผู้ใดอ้างว่า อัลเลาะฮฺอยู่ในสิ่งหนึ่ง หรือมาจากสิ่งหนึ่ง หรืออยู่บนสิ่งหนึ่ง แท้จริงเขาได้ทำชิริก เพราะหากพระองค์ทรงอยู่บนสิ่งหนึ่ง แน่นอนพระองค์ก็จะถูกแบก และหากพระองค์อยู่ในสิ่งหนึ่ง พระองค์ก็ถูกจำกัด และหากพระองค์ทรงมาจากสิ่งหนึ่ง พระองค์ก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่(หมายถึงเป็นมัคโลค" ดู อัรริซาละฮฺ อัลกุชัยรียะฮฺ หน้า 6
4.. อิมามอบูหะนีฟะฮฺ (ร.ฏ.)
ท่านเป็นอิมามของมัชฮับหะนาฟีย์ ซึ่งเป็นอุลามาอฺซะลัฟ ท่านกล่าวว่า
" قلت: أرأيت لو قيل أين الله تعالى؟ فقال- أي أبو حنيفة-: يقال له كان الله تعالى ولا مكان قبل أن يخلق الخلق، وكان الله تعالى ولم يكن أين ولا خلق ولا شىء، وهو خالق كل شىء"
ฉันขอกล่าวว่า ท่านจะบอกว่าอย่างไร หากถูกกล่าว(แก่ท่าน)ว่า อัลเลาะฮฺอยู่ใหน ? ดังนั้น เขา(อบูหะนีฟะฮฺ)กล่าวว่า ก็กล่าวตอบแก่เขาว่า อัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ ก่อนที่พระองค์จะสร้างมัคโลก และอัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีคำว่า ที่ใหน (ให้กับพระองค์) ไม่มีมัคโลก และไม่มีสิ่งใด(พร้อมกับพระองค์) โดยที่พระองค์นั้นทรงสร้างทุกๆ สิ่ง ชัรหฺ อัลฟิกหฺ อัลอักบัร ของท่าน มุลลา อะลีย์ อัลกอรีย์ หน้า 138
"ونقر بأن الله سبحانه وتعالى على العرش استوى من غير أن يكون له حاجة إليه واستقرار عليه، وهو حافظ العرش وغير العرش من غير احتياج، فلو كان محتاجا لما قدر على إيجاد العالم وتدبيره كالمخلوقين، ولو كان محتاجا إلى الجلوس والقرار فقبل خلق العرش أين كان الله، تعالى الله عن ذلك علوا كبيرا"
ท่านอบูหะนีฟะฮฺกล่าวเช่นกันว่า "เรายอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงอยู่เหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน พระองค์ทรงปกปรักรักษาอะรัชโดยที่ไม่ต้องการมัน ดังนั้น หากพระองค์มีความต้องการ แน่นอนพระองค์ก็ไม่มีความสามารถสร้างโลกและบริหารมันได้ โดยที่เหมือนกับบรรดามัคโลค และถ้าหากพระองค์ทรงต้องการไปยังการนั่งและสถิต(อยู่บนอะรัช) ดังนั้นก่อนที่พระองค์ทรงสร้างอะรัช พระองค์อยู่ใหน ? ? อัลเลาะฮฺทรงปราศจากจากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่ ดู กิตาบ วาซียะฮ์ ของอบูหะนีฟะฮ์ หน้า 2
ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺกล่าวเช่นกันว่า
ولقاء الله تعالى لأهل الجنة بلا كيف ولا تشبيه ولا جهة حق
" และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นสัจจะธรรม" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4
5. อิมามชาฟิอีย์ (ร.ฏ.)
ซึ่งท่านเป็น อุลามาอฺซะลัฟ ปราชน์ท่านสำคัญของโลกอิสลาม ท่านกล่าวว่า
" إنه تعالى كان ولا مكان فخلق المكان وهو على صفة الأزلية كما كان قبل خلقه المكان لا يجوز عليه التغيير في ذاته ولا التبديل في صفاته "
แท้จริงอัลเลาะฮฺ ตะอาลา ทรงมีมา(แต่เดิม)แล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ จากนั้นอัลเลาะฮฺทรงสร้างสถานที่ โดยที่พระองค์อยู่บนคุณลักษณะเดิม เสมือนกับที่พระองค์ทรงมีก่อนสร้างสถานที่ ไม่อนุญาตเปลี่ยนแปลงซาตของพระองค์ และคุณลักษณะของพระองค์ดู อิตหาฟ อัสสาดะฮฺ อัลมุตตะกีน เล่ม 2 หน้า 24
6. อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล (ร.ฏ.)
ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามอะห์มัด อิบนุ หัมบัล ว่า
" وما اشتهر بين جهلة المنسوبين إلى هذا الإمام الأعظم المجتهد من أنه قائل بشىء من الجهة أو نحوها فكذب وبهتان وافتراء عليه "
และสิ่งที่เลื่องลือท่ามกลางคนโง่เขลาที่พาดพิงตัวเองไปยังอิมามมุจญฺฮิดผู้ยิ่งใหญ่(คืออิมามอะห์มัด)ว่า ท่านเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กล่าว สิ่งหนึ่งจากเรื่อง มีทิศ(ให้กับอัลเลาะฮ)หรืออื่นๆ ถือเป็นการโกหก มุสา กุความโกหกให้กับท่านอิมามอะหฺมัด อัลฟาตาวา อัลหะดีษะฮ์ หน้า 144
และได้ระบุไว้ในหนังสือ ฏ่อบ่าก๊อต อัลหะนาบิละฮฺ ของท่าน อบี ยะอฺลา ว่า
أن الإمام أحمد يقول : والله تعالى لم يلحقه تغير ولا تبدل ولا يلحقه الحدود قبل خلق العرش ولا بعد خلق العرش
ความว่า" แท้จริง อิมามอะหฺมัด กล่าวว่า อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาเกี่ยวพันกับพระองค์ และไม่มีขอบเขตมาเกี่ยวพันกับพระองค์ ไม่ว่าก่อนสร้างอะรัชหรือหลังการสร้างอะรัชแล้ว" ฏ่อบ่าก๊อต อัลหะนาบิละฮฺ เล่ม 2 หน้า 297
7. อิมามอัลบุคอรีย์ (ร.ฏ.)
อุลามาอฺนักอธิบายซอเฮี๊ยะหฺอัลบุคอรีย์ มีความเข้าใจว่า อิมามอัลบุคอรีย์นั้น เชื่อในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮฺ (ซุบหานะฮฺ) จากสถานที่สถานที่และทิศ อิมาม อิบนุบัฏฏอล หนึ่งในผู้อธิบายซอเฮียะหฺบุคอรีย์ กล่าวว่า
"غرض البخاري في هذا الباب الرد على الجهمية المجسمة في تعلقها بهذه الظواهر، وقد تقرر أن الله ليس بجسم فلا يحتاج إلى مكان يستقر فيه، فقد كان ولا مكان، وانما أضاف المعارج اليه إضافة تشريف، ومعنى الارتفاع إليه اعتلاؤه- أي تعاليه- مع تنزيهه عن المكان "
" เป้าหมายของอิมามอัลบุคอรีย์ ในบทนี้ คือการโต้ตอบ พวกญะฮฺมียะฮฺ อัลมุญัสสิมะฮฺ ในการผูกติดอยู่กับตัวบทเพียงผิวเผิน โดยที่แท้จริง อิมามบุคอรีย์ได้ยอมรับว่า อัลเลาะฮฺไม่ใช่วัตถุร่างกาย ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการไปยังสถานที่ ที่พระองค์จะทรงสถิตอยู่ในมัน เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมีมาแล้วโดยไม่สถานที่ และแท้จริงการพาดพิงจากการขึ้นบันใดไปยังพระองค์นั้น เป็นการพาดพิงถึงความมีเกียตริ และความหมายของการยกสูงไปยังพระองค์นั้น คือพระองค์ทรงสูงส่ง พร้อมกับพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสถานที่ " ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 416
8. อิมาม อัตเฏาะหาวีย์ (ร.ฏ.)
ท่านอิมามอัฏเฏาะหาวีย์ เป็นอุลามาอฺซะลัฟ ซึ่งท่านได้กล่าวเอาไว้ในช่วงแรกของหนังสือ อะกีดะฮฺ อัฏเฏาะหาวียะฮฺ ว่า "นี้เป็นการกล่าวอธิบายถึง อะกีดะฮิ อะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ " คือเป็นอะกีดะฮฺของอุลามาอฺซะลัฟและเคาะลัฟจากบรรดาซอฮาบะฮฺ ตาบีอีน และตาบิอิตตาบิอีน (ร.ฏ.) ท่านได้กล่าวไว้ใน อัลอะกีดะฮฺ อัตเฏาะหาวียะฮฺ ของท่านว่า
تعالى عن الحدود والغايات والأركان والأعضاء والأدوات، لا تحويه الجهات الست كسائر المبتدعات
อัลเลาะฮฺทรงปราศจากบรรดาการจำกัดขอบเขต บรรดาเป้าหมาย บรรดาองค์ประกอบ บรรดาอวัยวะ และบรรดาเครื่องมือ โดยที่บรรดาทิศต่างๆ ทั้ง 6 ไม่ห้อมล้อมพระองค์ เหมือนกับบรรดาพวกกระทำบิดอะฮฺ (ได้กล่าวไว้)
ดังนั้นทิศด้านบน(สูง) ก็เป็นทิศหนึ่งจาก 6 ทิศ เมื่ออัลเลาะฮฺไม่ทรงมีทิศทั้ง 6 มาห้อมล้อมพระองค์ อัลเลาะฮฺจึงไม่อยู่ทิศบน ฉะนั้น อัลเลาะฮฺจึงไม่ทิศ ผู้ใดกล่าวว่าอัลเลาะฮฺทรงมีทิศ เขาย่อมเป็นพวกที่ทำบิดอะฮฺ 9. อิมามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ (ร.ฏ.)
ซึ่งท่านเป็นอิมามของอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ ท่านกล่าวว่า
" كان الله ولا مكان فخلق العرش والكرسي ولم يحتج إلى مكان، وهو بعد خلق المكان كما كان قبل خلقه "
" อัลเลาะฮฺทรงมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ จากนั้นพระองค์ทรงสร้างอะรัช และกุรซีย์ โดยที่พระองค์ไม่ทรงต้องไปยังสถานที่ และพระองค์นั้น หลังจากสร้างสถานที่ พระองค์ก็ทรงมีอยู่เหมือนกับการมีของพระองฮ์ก่อนจากการสร้างของพระองค์" ดู ตับยีน กัซฺบ์ อัลมุฟตะรีย์ ของอิมาม อิบนุอะซากิร หน้า 150
10 . อิมามอบูมันซูร อัลมะตูริดีย์ (ร.ฏ)
ท่านเป็นอิมามของอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺอีกท่านหนึ่ง ท่านกล่าวว่า
إن الله سبحانه كان ولا مكان، وجائز ارتفاع الأمكنة وبقاؤه على ما كان، فهو على ما كان، وكان على ما عليه الان، جل عن التغير والزوال والاستحالة"
" แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) ทรงมีมาแล้ว โดยไม่มีสถานที่ และเป็นไปได้ที่มีการยกบรรดาสถานที่ให้สูง โดยที่พระองค์ทรงมั่นคงอยู่อย่างที่พระองค์ทรงมีมาแต่เดิม ดังนั้นพระองค์ทรงอยู่อย่างที่พระองค์ทรงมีมาอยู่แล้ว และปัจจุบันพระองค์ก็ทรงมีอยู่อย่างนั้น พระองค์ทรงสูงส่งจากการเปลี่ยนแปลง การสูญสิ้น และเปลี่ยนผันวิวัฒนาการ " ดู กิตาบ อัตเตาฮีด ของท่านอัลมะตูริดีย์ หน้า 69
11. ท่านอิบนุ หิบบาน (เสียชีวิต ปี354)
ท่านกล่าวว่า
"كان- الله- ولا زمان ولا مكان"
" อัลเลาะฮฺทรงมีมา โดยที่ไม่มีเวลาและสถานที่" ดู หนังสือ อัลเอียะหฺซาน บิตัรตีบ ซอเฮียะหฺอิบนุหิบบาน เล่ม 2 หน้า 136
12. อบู อุษมาน อัลมัฆริบีย์ (เสียชีวิตปี 373)
ท่านอิมาม อบู อัลกอซิม อัลกุชัยรีย์ กล่าวว่า
سمعت الإمام أبا بكر بن فورك رحمه الله تعالى يقول سمعت أبا عثمان المغربي يقول: كنت أعتقد شيئا من حديث الجهة فلما قدمت بغداد زال ذلك عن قلبي، فكتبت إلى أصحابنا بمكة إني أسلمت الأن أسلاما جديدا
"ฉันได้ยิน อิมาม อบูบักร อิบนุ เฟาร๊อก (ร.ฮ.) กล่าวว่า ฉันได้ยิน อบูอุษมาน อัลมัฆริบีย์ กล่าวว่า ฉันเคยเชื่อกับสิ่งหนึ่งจากฮะดิษที่(ชี้ถึง)การมีทิศ(ให้กับอัลเลาะฮฺ) เมื่อฉันได้มาที่บุฆดาด สิ่งดังกล่าวก็หายไปจากหัวใจของฉัน ดังนั้นฉันก็เขียนถึงบรรดามิตรสหายของเราที่อยู่มักกะฮฺว่า แท้จริง ในขณะนี้ ฉันได้รับอิสลามครั้งใหม่ " ดู อัรริซาละฮฺ อัลกุชัยรียะฮฺ หน้า 5
13. ท่านอิมาม อบูอับดิลลาห์ อัลหะลีมีย์ อัชชาฟิอีย์ (เสียชีวิต ปี 403 )
ท่านกล่าวว่า
وأما البراءة من التشبيه باثبات أنه- تعالى ، ليس بجوهر ولا عرض فلأن قوما زاغوا عن الحق فوصفوا البارىء جل ثناؤه ببعض صفات المحدثين، فمنهم من قال: إنه جوهر، ومنهم من قال: إنه جسم،ومنهم من أجاز أن يكون على
العرش كما يكون الملك على سريره، وكان ذلك في وجوب اسم الكفر لقائله كالتعطيل والتشريك
" การพ้นพันธะจากการตัชบีฮฺ (ยืนยันการคล้ายคลึงระหว่างอัลเลาะฮฺและมัคโลค) นั้น คือการยืนยันว่า แท้จริง พระองค์ นั้นไม่ใช่ สสาร และคุณลักษณะที่พึ่งพาสิ่งอื่น เพราะมีชนกลุ่มหนึ่งที่หันเหออกจากความสัจจะธรรม พวกเขาได้พรรณนาอัลเลาะฮฺด้วยกับบางส่วนจากบรรดสิ่งที่เกิดขึ้นมาไหม่ ดังนั้นส่วนหนึ่งจากพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮฺนั้นคือมวลสาร บางกลุ่มกล่าวว่า อัลเลาะฮฺทรงเป็นรูปร่าง และบางกลุ่มกล่าวว่า อนุญาติสำหรับอัลเลาะฮฺ กับการสถิตอยู่บนอะรัช เหมือนกับกษัตริย์นั่งอยู่บนบันลังค์ และสิ่งดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องอยู่ในนามของกุฟุรสำหรับผู้ที่กล่าวมัน ก็เหมือนกับการ พรรณนาจนกระทั่งอัลเลาะฮฺไม่มี และการตั้งภาคี " ดู หนังสือ อัลมินฮาจ ฟี ชะอฺบ์ อัลอีมาน เล่ม 1 หน้า 184
14. ท่านอบูบักร อัลบากิลลานีย์ (เสียชีวิต ปี 403 )
"ولا نقول إن العرش له- أي الله- قرار ولا مكان، لأن الله تعالى كان ولا مكان، فلما خلق المكان لم يتغير عما كان"
" เราไม่กล่าวว่า อะรัชของอัลเลาะฮฺนั้น คือที่สถิตและเป็นสถานที่ เพราะแท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) ทรงมีมาแล้ว โดยไม่มีสถานที่ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงสร้างสถานที่ พระองค์ก็ทรงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เพราะพระองค์ทรงเคยมีมา" ดู หนังสือ อัลอินซอฟ ฟีมา ยะญิบ เอี๊ยะติกอดุฮู วะลายะญูซฺ อัลญะฮฺลุ บิฮี หน้า 65
15. ท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ (เสียชีวิต ปี 458 )
أخبرنا أبو عبد الله الحافظ، قال: سمعت أبا محمد أحمد بن عبد الله المزني يقول: حديث النزول قد ثبت عن رسول الله (صلى الله عليه و سلّم) من وجوه صحيحة وورد في التنزيل ما يصدقه وهو (وَجَاء رَبُّكَ وَالْمَلَكُ صَفّاً صَفّاً) والنزول والمجيء صفتان منفيتان عن الله تعالى من طريق الحركة والانتقال من حال إلى حال, بل هما صفتان من صفات الله تعالى بلا تشبيه، جل الله تعالى عما تقول المعطلة لصفاته والمشبهة بها علوا كبيرا. قلت: وكان أبو سليمان الخطابي رحمه الله يقول: إنما ينكر هذا وما أشبهه من الحديث من يقيس الأمور في ذلك بما يشاهده من النزول الذي هو تدلٍّ من أعلى إلى أسفل وانتقال من فوق إلى تحت وهذه صفة الأجسام والأشباح، فأما نزول من لا تستولي عليه صفات الأجسام فإن هذه المعاني غير متوهمة فيه وإنما هو خبر عن قدرته ورأفته بعباده وعطفه عليهم واستجابته دعاءهم ومغفرته لهم يفعل ما يشاء لا يتوجه على صفاته كيفية ولا على أفعاله كمية سبحانه ليس كمثله شىء وهو السميع البصير
"ได้เล่ากับเรา โดยท่านอบูอับดิลลาห์ เขากล่าวว่า ฉันได้ยิน อบูมุฮัมมัด อะหฺมัด บิน อับดิลลาฮฺ อัลมุซะนีย์ กล่าวว่า หะดิษการลงมาจากฟากฟ้านั้น ได้มีการยืนยันจากท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) จากหลายสายรายงานที่ซอเฮียะหฺ และได้มีระบุยืนยันไว้ในอัลกุรอาน ว่า "และองค์อภิบาลของเจ้าก็มาพร้อมด้วยมาลาอิกะฮฺ เป็นแถวแถว" (อัลฟัจรฺ 22) และการลงالنزولและการมา المجيء นั้น เป็นสองคุณลักษณะ(ซีฟัต) ที่ถูกปฏิเสธจากอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) กับการเคลื่อนไหวและเคลื่อนย้ายจากสภาพหนึ่งไปยังอีกสภาพหนึ่ง แต่ทั้งสองนี้มันคือสองคุณลักษณะหนึ่ง จากบรรดาคุณลักษณะของอัลเลาะฮฺที่ไม่คล้ายคลึง(กับสิ่งใด) พระองค์ทรงสูงส่งอย่างยิ่งใหญ่จากสิ่งที่พวก มุอัฏฏิละฮฺ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ และจากสิ่งที่พวกมุชับบิฮะฮฺได้เคยกล่าวเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระองค์(คือพระองค์ทรงมีสถานที่ มีการเคลื่อนไหวขึ้นลง) ฉัน(ท่านอัลบัยฮะกีย์)ขอกล่าวว่า อบูสุไลมาน อัลค๊อฏฏอบีย์ (ร.ฮ.) กล่าวว่า แท้จริง การถูกปฏิเสธกับอันนี้ และสิ่งที่เหมือนๆ กับมันจากฮะดิษ (โดยถูกปฏิเสธ)กับผู้ที่ทำการเปรียบเทียบประการต่างๆ ในสิ่งดังกล่าว ด้วยสิ่งที่สัมผัสเห็นได้ด้วยตา จากการลงมา(ของอัลเลาะฮฺ) ที่ชี้ให้เห็นว่า มันมาจากสถานที่สูงสุด ลงไปยังสถานที่ต่ำสุด และเคลื่อนที่จากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง โดยที่ลักษณะเหล่านี้ เป็นคุณลักษณะของสิ่งที่เป็นรูปร่างและกายหยาบ สำหรับการลงมาของพระองค์ผู้ที่ไม่มีคุณลักษณะของการมีร่างกายมาเกี่ยวข้องนั้น แท้จริงแล้วความหมายเหล่านี้ ย่อมไม่มีความสงสัยในอัลเลาะฮ์(คือให้มอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์) และแท้จริงแล้ว มันเป็นการบ่งบอกถึง ความเดชานุภาพของพระองค์ ความเมตตาและความอ่อนโยนของพระองค์ที่มีต่อปวงบ่าว และตอบรับการวอนขอ(ดุอา) และการอภัยโทษของพวกเขา พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยไม่มีวิธีการใดๆ ต่อบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ และไม่มีปริมาณต่อการกระทำของพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงไม่มีสิ่งใดมาคล้าย เหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง " ดู อัสสุนัน อัลกุบรอ เล่ม 3 หน้า 3
16. หุจญะตุลอิสลาม อิมาม อัลฆอซฺาลีย์ (ร.ฏ.) (เสียชีวิตปี 505 )
ท่านกล่าวว่า
تعالى- أي الله- عن أن يحويه مكان، كما تقدس عن أن يحده زمان، بل كان قبل أن خلق الزمان والمكان وهو الان على ما عليه كان
" อัลเลาะฮฺทรงปราศจาก สถานที่มาห้อมล้อมพระองค์ เหมือนกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์จาก กาลเวลามาจำกัดกับพระองค์ แต่พระองค์ทรงมีมาแต่เดิมก่อนที่จะสร้างกาลเวลาและสถานที่ โดยที่ปัจจุบันนี้ พระองค์ทรงมีอยู่อย่างที่พระองค์เคยมีมา" ดู หนังสือ เอียหฺยาอฺ อุลูมิดดีน เล่ม 1 หน้า 108
17. ท่าน อบู อัลมะอีน มัยมูน บิน มุฮัมมัด อันนะซะฟีย์ (เสียชีวิต ปี 508 )
القول بالمكان اي في حق الله منافيا للتوحيد
"การกล่าว ด้วยการมีสถานที่(กับอัลเลาะฮฺ)นั้น เป็นปฏิเสธเตาฮีด" ดู หนังสือ ตับซิเราะฮฺ อัลอะดิลละฮฺ เล่ม 1 หน้า 171
18. อิบนุ อะซากิร ( เสียชีวิต ปี 571 )
ท่านอิบนุอะซากิร ได้กล่าวอากิดะฮฺของอิมาม อบู อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์ โดยถ่ายทอดจากคำกล่าวของ อัลกอฏีย์ อบี อัลมะอาลีย์ บิน อับดุลมาลิกว่า
قالت النجارية : إن البارئ سبحانه بكل مكان من غير حلول ولا جهة . وقالت الحشوية والمجسمة : إنه سبحانه حاّل فى العرش وإن العرش مكان له وهو جالس عليه فسلك طريقة بينهما فقال : كان ولا مكان فخلق العرش والكرسى ولم يحتج إلى مكان ، وهو بعد خلق المكان كما كان قبل الخلق.
ความว่า พวกอันนัจญารียะฮฺกล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ (ซุบหานะฮฺ) อยู่ทุกๆสถานที่ โดยที่ไม่เข้าไปอยู่(ในสถานที่นั้น)และไม่มีทิศ และพวกอัลหัชวียะฮฺ และพวกอัลมุญัสสิมะฮฺ กล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) มีที่อยู่บนอะรัช และอะรัชนั้นเป็นสถานที่สำหรับพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงนั่งประทับอยู่บนอะรัช ดังนั้น เขา(คืออิมามอัลอัชอะรีย์)ได้ดำเนินอยู่กับหนทางระหว่างทั้งสอง คือเขา(อิมามอัลอัชอะรีย์)กล่าวว่า พระองค์ทรงมี โดยไม่มีสถานที่ ดังนั้นพระองค์ทรงสร้างอะรัชและเก้าอี้ โดยที่พระองค์ไม่ทรงต้องการสถานที่ และพระองค์นั้น หลังจากที่สร้างสถานที่แล้ว พระองค์ก็ทรงมีอยู่เหมือนกับก่อนสร้าง(สถานที่) ดู หนังสือ ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์ หน้า 150
19. อิมาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ อัลเญาซีย์ (เสียชีวิต ปี 597 )
ท่านกล่าวว่า
الواجب علينا أن نعتقد أن ذات الله تعالى لا يحويه مكان ولا يوصف بالتغير والانتقال
จำเป็นบนเรา ต้องเชื่อมั่นว่า แท้จริง ซาตฺของอัลเลาะฮฺนั้น ไม่มีสถานที่มาห้อมล้อมพระองค์ และพระองค์ไม่มีคุณลักษณะของการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้าย" ดู หนังสือ ดัฟอฺ ชุบะฮฺ อัตตัชบีฮฺ หน้า 58
20. ท่านอิบนุอะษีร (เสียชีวิต ปี 606)
ท่านกล่าวว่า
المراد بقرب العبد من الله تعالى القرب بالذكر والعمل الصالح، لا قرب الذات والمكان لأن ذلك من صفات الأجسام، والله يتعالى عن ذلك ويتقدس
"จุดมุ่งหมาย ของการที่บ่าวใกล้ชิดกับอัลเลาะฮฺ คือด้วยการซิกิร และอะมัลที่ซอและหฺ ไม่ใช่ใกล้ชิดด้วยซาตฺและสถานที่ เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นคุณลักษณะของสิ่งที่เป็นร่างกาย และอัลเลาะฮฺ ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว " ดู หนังสือ อันนิฮายะฮฺ ฟี ฆ่อรีบ อัลหะดีษ หมวด ก๊อบ รออฺ และบาอฺ เล่ม 4 หน้า 32
21. อัลอิมาม นะวาวีย์ (ร.ฏ.) อัชชาฟีอีย์ อัลอัชอะรีย์ (เสียชีวิต ปี 676)
ท่านกล่าวว่า
إن الله تعالى ليس كمثله شىء , منزه عن التجسيم والانتقال والتحيز في جهة وعن سائر صفات المخلوق
"แท้จริง อัลเลาะฮฺทรงไม่มีสิ่งใดมาคล้าย เหมือนกับพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการเป็นรูปร่าง การเคลื่อนย้าย และอยู่ในทิศใดทิศหนึ่ง และบริสุทธิ์จากคุณลักษณะอื่นๆของบรรดามัคโลค" ชัรหฺ ซอเฮียะหฺมุสลิม เล่ม 19 หน้า 3
22. ชัยคุลอิสลาม อะมีรุลมุอฺมินีน ในวิชาฮะดิษ อัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฏ.)
ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า
ولا يلزم أن يكون جهتى العلو والسفل محالا على الله أن لا يوصف بالعلو ، لأن وصفه بالعلو من جهة المعنى ، والمستحيل كون ذلك من جهة الحس ولذلك ورد فى صفته العالى والعلى والمتعالى ، ولم يرد ضد ذلك ,إن كان قد أحاط بكل شىء علما جل وعز
ความว่า ไม่จำเป็น กับการที่สองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้ต่ออัลเลาะฮฺ กับการทำให้อัลเลาะฮฺไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านความหมาย(นามธรรม) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับสิ่งดังกล่าว(ความสูงส่ง)มาจากด้านที่สัมผัสได้(มีสถานที่อยู่สูง) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์ และไม่มีระบุมาโดยขัดกับสิ่งดังกล่าว และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุกๆ สิ่งกับความรอบรู้สักทีก็ตาม ดู ฟัตหฺ อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136
ท่านอิบนุหะญัรได้กล่าวอธิบายหะดิษ النزول การลงมาจากฟากฟ้า ว่า
إستدل به من اثبت الجهة وقال هى جهة العلو، وأنكر ذلك الجمهور لأن القول بذلك يفضى إلى التحيز، تعالى الله عن ذلك
"ได้นำมาเป็นหลักฐานด้วยกับหะดิษ(ดังกล่าว) โดยผู้ที่ยืนยันการมีทิศ และเขากล่าวว่า มันคือทิศสูง โดยที่อุลามาอ์(อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์)ส่วนมากทำการตำหนิ เพราะคำพูดด้วยสิ่งดังกล่าวนั้น จะนำไปพาไปสู่การมีอยู่ในสถานที่ ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว" ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 3 หน้า 30
ท่านอิบนุหะญัรกล่าวอีกเช่นกันว่า
فمعتقد سلف الأئمة وعلماء السنة من الخلف أن الله منزه عن الحركة والتحول والحلول، ليس كمثله شىء
"ดังนั้น สิ่งที่บรรดาอุลามาอ์ผู้นำของสะลัฟและอุลามาอ์จากคอลัฟเชื่อมั่นก็คือ แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลง และการสถิตเข้าไปอยู่(ในสถานที่) โดยที่พระองค์นั้นไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเสมือนกับพระองค์" ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 124
นอกจากนี้แล้วยังมีบรรดานักปราชน์อีกมากมาย ที่ให้การรับรองอะกิดะฮฺอะฮฺลิสซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ สะลัฟ อัลอะชาอิเราะฮฺ ในเรื่องการไม่มีสถานที่ให้กับอัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) และพวกท่านจงยึดมั่นแนวทางอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ วัลลอฮุอะลัม
http://www.sunnahstudent.com/forum/archive.php?topic=3546.45