มัตตันอุมมุลบารอฮีน ตอนที่ 7
وَ القِدَمُ
อัลลอฮ์ทรงเดิม
คำถาม
1.อะไรคือความหมายของ อัลลอฮ์ทรงเดิม
2.มีสิ่งใดบ้างที่กอดีม
3.กอดีม กับ อะซัลลีย ต่างกันอย่างไร
4.ซีฟัตซัลบียะห์คืออะไร
5.ซีฟัตของการเป็นพระเจ้าคืออะไร
6.อะไรคือโดร
7.อะไรคือตะซัลซุล
8.ความว่างเปล่าสร้างสิ่งที่มี ให้เกิดขึ้นมา ฮุกมอากาล ตัดสินว่าอย่างไร
ตอบ
ข้อ 1.
อัลลอฮ์ทรงเดิม หมายความว่าพระองค์ทรงมี โดยไม่มีจุดเริ่มต้นของการมี
การมีของพระองค์โดยไม่มีจุดเริ่มต้น เป็นสิ่งที่วายิบอากาล หมายความว่า การเดิมของอัลลอฮ์นั้น จำต้องจริง และสติปัญญาจะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดว่าไม่จริง
ข้อ 2
สิ่งที่กอดีม ก็คือ ซาต และบรรดาซีฟัตของอัลลอฮ์
ส่วนซีฟัตมุสตะฮีล นั้นเราจะบอกกอดีมไม่ได้. เพราะสิ่งที่จะกอดีมได้ อย่างน้อยสิ่งนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่จริงเสียก่อน ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมีก็ตาม แต่มุสตะฮีลนั้นไม่จริง และไม่มี ดังนั้นจึงกอดีม ไม่ได้
สิ่งต่างๆแบ่งออกเป็น 2 จำพวก
1. ไม่มี
2. มี
"สิ่งที่มี จะจริงด้วยเสมอ" ( กออิดะห์ ต้องจำ )
ดังนั้นบางอย่าง จึงแค่ขั้นจริง แต่ไม่มี เช่น การถาวร ของอัลลอฮ์
บางอย่าง ทั้งจริงและมี เช่น ตัวเรา
สิ่งที่มีนั้นต้องสัมผัสได้ด้วยสัมผัสทั้งห้า (เฉพาะมัคโล็ก )
นั่นคือ สิ่งที่จะมีได้ มันต้องจริงเสียก่อน เพราะทุกๆสิ่งที่มีนั้น จริงด้วยเสมอ
ข้อ3
กอดีม กับ อาซาลลีย
ตามทัศนะที่แข็งแรง กอดีมกับ อาซาลลีย นั้น คือความหมายเดียวกัน นิยามคือ
ما لا اول له وجوديا كان او عدميا
คือ สิ่งซึ่งไม่มีจุดเริ่มสำหรับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประเภทมี หรือสิ่งประเภทไม่มี ( แต่จริง )
นั่นคือ จะเข้าในคำนิยามนี้ ทั้งสิ่งที่เป็นประเภทมี และสอ่งที่เป็นประเภทจริง( แต่ไม่มี )
ส่วน อีกทัศนะหนึ่ง เป็นทัศนะไม่แข็งแรงคือ
กอดีม มีนิยามคือ
موجود لا اول له
คือ สิ่งซึ่งมี โดยไม่มีจุดเริ่มต้น ให้กับสิ่งนั้น
นั่นคือ จะเข้าในนิยามเฉพาะสิ่งที่มีเท่านั้น ส่วนสิ่งที่จริงแต่ไม่มีนั้นไม่เข้า
ส่วนนิยามของอาซาลลีย ตามทัศนะนี้คือ
ما لا اول له وجوديا كان او عدميا
คือ สิ่งซึ่งไม่มีจุดเริ่มสำหรับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประเภทมี หรือสิ่งประเภทไม่มี ( แต่จริง )
นั่นคือ จะเข้าในคำนิยามนี้ ทั้งสิ่งที่เป็นประเภทมี และสอ่งที่เป็นประเภทจริง( แต่ไม่มี ) ซึ่งจะเหมือนกับนิยามของทัศนะแรก
สรุปคือ ตามทัศนะที่แข็งแรงนั้น กอดีมกับอาซาลลีย คือสิ่งเดียวกัน
ข้อ 4
ซีฟัตซัลบียะห์ คือ ซีฟัตที่ชื่อของมัน บ่งชี้ไปยังสิ่งที่ถูกปฏิเสธ สำหรับอัลลอฮ์
เช่น
กิดัม เป็นการปฏิเสธการมีจุดเริ่มต้น
บากออ์ เป็นการปฏิเสธการมีจุดสิ้นสุด
มุคอละฟาตุฮูลิลฮะวาดิษ เป็นปฏิเสธการเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง
ซีฟัตซัลบียะห์ เป็นซีฟัตประเภทจริง เป็นเพียงความเข้าใจ แต่ไม่มีที่ซาตของอัลลอฮ์
ข้อ 5
ซีฟัตการเป็นพระเจ้า คือ ผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจะต้องมี 2 ซีฟัตนี้ ถ้าหากไม่มีหรือมีไม่ครบ ก็จะขาดคุณสมบัติการเป็นพระเจ้า ได้แก่
1. افتقار
คือ مفتقر اليه كل ما عداه
ทุกๆสรรพสิ่ง ต้องการไปยังพระองค์
2. استغناء
คือ مستغنى عن كل ما سواه
พระองค์ ทรงพ้นจากการต้องพึ่งพาต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด
นั่นคือ ถ้าหากว่ามีพระเจ้าองค์อื่นสร้างอัลลอฮ์ขึ้นมา ( สมมติ ) ผู้นั้นจะเป็นพระเจ้าที่แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อมีซีฟัตครบทั้งสองประการ
แต่ มัคโลก และอาลัม นี้ อัลลอฮ์ เป็นผู้สร้างขึ้น จึงทำให้ สิ่งเหล่านี้พึงพาไปยังอัลลอฮ์ ไม่ได้พึ่งพาไปยังผู้ที่มาสร้างอัลลอฮ์นั้น เลยทำให้ผู้นั้นขาดซีฟัตการเป็นพระเจ้า เพราะไม่มีซีฟัต افتقار. จึงเป็นพระเจ้าไม่ได้
อีกทั้งจะกอดีมก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่พระเจ้า แสดงว่าผู้ที่มาสร้างอัลลอฮ์นั้นก็เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเช่นกัน และต้องการไปยังผู้สร้างอีกเช่นกัน
ดังนั้น รูปแบบที่มีการสร้างอัลลอฮ์ และสร้างผู้ที่มาสร้างอัลลอฮ์ จึงมี 2 รูปแบบ คือ โดร ( دور ) และ ตะซัลซุล ( تسلسل )
ข้อ 6
โดร หรือ دٓوْرٌ คือการผลัดกันสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. دور مُصَرَّح.
เช่น นายก สร้างนาย ข แล้ว นายข ก็มาสร้างนาย ก
มุสตะฮีลเพราะเป็นการรวมกันระหว่างการมีและการไม่มีในเวลาเดียวกันของสิ่งหนึ่ง
2. دور مضمر
เช่น
เซด สร้างอุมัร แล้วอุมัรไปสร้าง บะกัร ต่อมา บะกัรก็ไปสร้าง เซด
มุสตะฮีลเช่นกัน ด้วยเหตผลเดียวกัน คือ มีการรวมกันของการมีและการไม่มี ของสิ่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน
ข้อ 7
ตะสัลสุล คือ การสร้างต่อๆกัน
เช่น นายก ถูกสร้างโดย นายข
นายข ถูกสร้างโดยนาย ค
นายค ถูกสร้างโดยนาย ง
นับย้อนขึ้นไปเรื่อย ไม่สิ้นสุด
มุสตะฮีล เพราะ คำกล่าวที่ถูกสร้างต่อๆกันมาไม่สิ้นสุดนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเราลองตรวจสอบดู สิ่งที่อยู่ในอดีต ที่ให้กำเนิดลูกหลานออกมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อนับย้อนขึ้นไปนั้นมีจำนวนที่จำกัด สามรถหาจุดสิ้นสุดได้
เช่น มนุษย ถ้านับย้อนขึ้นไป ก็จะไปถึงมนุษยคนแรก คือ นบีอาดัม
ถ้าหากว่า อัลลอฮ์ถูกสร้างขึ้น และผู้ที่มาสร้างอัลลอฮ์ ก็ถูกสร้างต่อๆกันมาเป็นทอดๆ สุดท้ายแล้วก็ต้องสิ้นสุดที่ผู้หนึ่งผู้ได้ที่มีเป็นสิ่งแรกและไม่ได้ถูกสร้างขึ้น
ดังนั้น ตะสัลสุล ที่บอกว่าเป็นการสร้างต่อๆกันมาไม่สิ้นสุดนั้น จึงมุสตะฮีล เพราะพอนับจริงๆนั้น มันสิ้นสุด ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างที่บอกว่าไม่สิ้นสุด
จึ่งเป็นการรวมกันของสิ่งที่ตรงข้ามกัน คือ สิ้นสุด และไม่สิ้นสุด ซึ่งสติปัญญาตัดสินว่า จำต้องไม่จริง ก็คือ เป็นสิ่งที่มุสตาฮีล นั่นเอง
ข้อ8
ความว่างเปล่า ไม่สารถมารถสร้างสิ่วใดๆได้ ดังนั้นมุสตะฮีลที่จะบอกว่า อัลลอฮ์ เพิ่งจะมีขึ้นโดยที่มีขึ้นจากความว่างเปล่า เพราะความว่างเปล่า ไม่มีความสามารถ ไม่มีสติปัญญา จึงไม่สามรถสร้างอะไรได้เลย
แต่ถ้าหากจะบอกว่าอัลลอฮ์ ทีผู้สร้างมาอีกที ดังนั้นก็มุสตะฮีลอีก เพราะผู้ที่สร้างอัลลอฮ์นั้นแหละย่อมต้องเป็นพระเจ้า แล้วนับขึ้นไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด แบบนี้จึงมุสตะฮีล เพราะพอนับไปจริงๆแล้วก็ต้องไปเจอ สิ่งที่มีมาแต่เดิมสิ่งแรก โดยที่ไม่ได้ถูกสร้างมาอยู่ดี.