กิตาบวาสาเอลอิลมุกาลาม ตอนที่3 หน้าที่7
بسم الله الرحمن الرحيم
คำอธิบาย(เรื่องฮุกมอากาล )ซึ่งมีการรวบรวมและสรุปสั้นๆเพื่อสรุปความเข้าใจ จากสำนวน (อิบารัต) ของอุลามะอ์ทั้งหลาย ดังนี้
จากภาษาอาหรับที่ว่า
الْوَاجِبُ مَالا يُتَصَوَّرُ فِي الْعَقْلِ عَدَمُهُ
แปลว่า สิ่งที่วายิบคือสิ่งซึ่งไม่ถูกยอมรับในการพินิจพิเคราะห์ด้วยสติปัญญา. ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มี.
ความเข้าใจจากคำพุดนี้ (จากการทำความเข้าใจในมุมกลับกัน) คือ สิ่งที่วายิบคือ สิ่งนั้นจำต้องมี อย่างแน่นอน เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่สติปัญญาไม่ยอมรับว่าสิ่งนั้นมันไม่มี ดังนั้นก็แสดงว่า สิ่งนั้นจำต้องมี นั่นเอง
ในขณะที่อุลามะอฺ ได้ยกตัวอย่าง สิ่งวายิบในทางอากาล นั่นคือ การเอาที่ว่างและการมีสถานที่สำหรับยิเร็ม(สสาร) เช่น หินก้อนหนึ่ง ซึ่ง จำต้องเอาที่ว่างเท่าตัวมันเอง ในขณะที่สิ่งนั้น(การเอาที่ว่างของยิเร็ม) ไม่มี นั่นคือ
หิน=มี
ที่ว่าง=ไม่มี
การเอาที่ว่างของก้อนหิน=ไม่มี แต่มันเป็นสิ่งที่จริง
เช่นเดียวกัน เดิน นั้นไม่มี แต่ที่มีคือขาของคนเราที่ยกขึ้นลง(กริยาอาการ)
นั่นคือสิ่งนั้น(การเอาที่ว่างของก้อนหิน) เป็นสิ่งที่จริงเท่านั้นแต่ไม่มี
(จากนิยามข้างต้น الْوَاجِبُ مَالا يُتَصَوَّرُ فِي الْعَقْلِ عَدَمُهُ
จะเห็นว่า สิ่งที่วายิบคือ สิ่งที่สติปัญญาไม่สามารถพินิจพิเคราะห์ให้เห็นว่าสิ่งนั้นไม่มี แต่ในนิยามจะไม่มีคำว่า ไม่จริง) ถ้าเช่นนั้นแล้ว สิ่งนั้น(การเอาที่ว่างของก้อนหิน) มันก็ไม่เข้าไปในนิยามของคำว่าวายิบในทางอากาล เพราะมันพุดถึงการมีเท่านั้น ไม่ได้รวมสิ่งที่จริงไว้ด้วย และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็แสดงว่าบรรดาซีฟัตซัลบียะของอัลลอก็ไม่เข้าไปในนิยามสิ่งที่วายิบด้วย เพราะซีฟัตซัลบียะนั้นก็ไม่มี(เป็นซีฟัตประเภทจริง แต่ไม่มีที่ซาตของอัลลอฮ์) และเช่นกันกับบรรดาซีฟัตนัฟซียะก็ด้วย เพราะมันเป็นซีฟัตประเภทจริงแต่ไม่มีเช่นเดียวกัน นั่นคือ วุยุด(อัลลอทรงมี) หมายถึง อัลลอฮ์มี. แต่การมีของอัลลอฮ์ นั้นไม่มี แต่จริง,
หรือตัวอย่าง คนแก่ แก่นั้นไม่มี แต่ที่มีคือหนังเหี่ยวย่น มีหงอก หลังค่อม สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจว่าคนนั้นเป็นคนแก่นั่นเอง( แก่นั้นไม่มี เพียงแต่จริงเท่านั้น) และซีฟัตอื่นๆในประเภทซีฟัตนัฟซียะ มันจะไม่เข้าไปในนิยามของสิ่งที่วายิบเช่นกัน และการไม่มีของมัคโลกในเวลาอะซัลลี (การไม่มีมัคโลกในเวลาอะซัลลี นั้นเป็นสิ่งที่จริงแต่ไม่มี ก็เป็นสิ่งที่วายิบในทางอากาล เช่นกัน) เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มันจะนำพาไปสุ่ข้อสงสัยและเกิดความเสียหาย ที่ไม่เป็นไปตามการนิยามดังกล่าวข้าวต้น(ที่ว่าให้นิยามเฉพาะสิ่งที่มีแต่ไม่ครอบคลุมสิ่งที่จริง)
จากผุ้เขียน(อาเยาะเดร์สะกัม) ขอชี้แจงดังนี้ สำหรับคำว่า "อาดามุหุ้"ในคำนิยามนี้ อุลามะอ์ได้มีการระวังเพื่อไม่ให้ผุ้คนเข้าใจผิดในนิยาม โดยการตะเวล ด้วยความหมาย(อาดามุหุ่=หมายถึงสิ่งที่มีไม่รวมสิ่งที่จริง) ว่า "อิงติฟาอุหุ้" ด้วยความหมาย "สิ่งนั้นจะถุกปฏิเสธ หรือว่าสิ่งนั้น ไม่จริง" ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วจากคำอธิบายนั้น เราสรุปว่า สิ่งที่วายิบในทางอากาลคือสิ่งที่"จำต้องจริง" เพราะเมื่อเราใช้คำว่า จำต้องจริง ก็แสดงว่า จำต้องมี ก็จะเข้าไปในความหมายนั้นด้วย(เพราะสิ่งที่มีต้องจริงด้วยเสมอ จริงจะครอบคลุมหมดทั้งสิ่งที่มีและสิ่งที่จริง) เช่นเดียวกับตัวอย่างที่ยกมาคือการเอาที่ว่างของก้อนหิน(เพราะการเอาที่ว่างไม่มีแต่จริง) (กฎคือ สิ่งไหนที่จะมีได้ก็ต้องจริงด้วยเสมอ บางสิ่งจริงแต่ไม่มี และสิ่งที่มีก็ต้องจริงเสมอ) ดังนั้นเมื่อเราพิจารณานิยามที่เราได้ตะเวล ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะพบว่าซีฟัตนัฟซียะ ซัลบียะ มะนาวียะ ของอัลลอตาอาลา และการไม่มีมัคโล้กในเวลาอะซัลลี นั้นก็จะเข้าไปในนิยามนี้ด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้นั้นไม่มีแต่จริง
อุลามะอ์ได้กล่าวอีกว่า
الوجب ما لا يقبل الانتفاء
อัลวายิบุ้มาลายัคบาลุลอิงตีฟาอ่า หมายความว่า สิ่งที่ว่ายิบในทางอากาล คือสิ่งซึ่งจะไม่ยอมรับได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีหรือ ถุกปฏิเสธ(นิยามนี้จะไม่คำว่า อากาล) โดยไม่คำนึงถึงการใช้ปัญญาในการพินิจพิเคราะห์ นั้นคือไม่ต้องรอคอยการตัดสินจากสติปัญญา
สรุปการให้คำนิยาม มันจะไปโดนสิ่งที่จำต้องจริง แต่ช้าก่อน จงระวัง สำหรับคำว่า" ما"ในภาษาอาหรับ เราจะให้ภาษามลายุว่า บารัง=สิ่ง, ปารการอ=ประการ, บันดอ = สิ่งหนึ่ง ดังนั้นถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วคำว่าวายิบในทางอากาล มันก็จะเข้าไปในสิ่งที่จำต้องจริง (สิ่งนั้นขอแค่เพียงเข้าในสิงที่จำต้องจริงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วโดยไม่ต้องรอให้เป็นสิ่งที่มี ก้อเข้าในนิยามของสิ่งที่วายิบแล้ว แต่ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มี ก้อเข้าในนิยามนี้แน่นอน เพราะสิ่งที่มีก้อต้องจริงด้วยเสมอ)
อุลามะอ์ได้ตะรีฟคำว่า มุสตาฮีล ว่า
المُسْتَحِيلُ مَالاَ يُتَصَوَّرُ فِي الْعَقْلِ وُجُودُه
หมายถึง. สิ่งที่สติปัญญาไม่สามารถยอมรับได้ว่าสิ่งนั้นมี (จำต้องไม่มี) จากคำนิยามนี้สิ่งที่เราเห็นคือ ทุกๆสิ่ง ซึ่ง ไม่สามรถยอมรับได้ว่าสิ่งนั้นมี ดังนั้นก็ต้องเป็นมุสาฮีลหมด ถ้าอย่างนั้นซีฟัตประเภทจริง(แต่ไม่มี )ของอัลลอฮ์ตาอาลา ก้อเข้าไปในมุสตาฮีล และยิ่งไปกว่านั้นอิสติฮาละตุลมุสตาฮีล( เช่น การไม่อ่อนแอของอัลลอฮ์ ) การไม่มีสิ่งต่างๆในเวลาอะซัลละลี สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่มี แต่จริงก็เข้าไปในมุสตาฮีลด้วย
ดังนั้นผุ้เขียนจึงขออธิบายเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และเพื่อให้ความหมายที่เหมาะสม ใช้คำว่า"ซุบุ้ตุฮุ" (เปลี่ยนมาจากเมายุ้ตุฮุ เป็นซุบุ้ตุฮุ) จะหมายรวมไปถึงสิ่งที่จริงด้วย จะได้ความหมายว่า สิ่งที่จำต้องไม่มี และจำต้องไม่จริง ดังนั้นบรรดาซีฟัตต่างๆที่จริง แต่ไม่มี(นัฟซียะ,ซีลบียะ)ก็จะออกไปจากคำนิยามนี้และจะเข้าไปอยุ่ในนิยามสิ่งที่วายิบในทางอากาล
อุลามะอ์ได้กล่าว นิยามมุสตะฮีล อีกว่า
المستحيل ما لا يقبل الثبوت
คือ สิ่งซึ่งไม่ยอมรับว่าสิ่งนั้นจริง นั่นคือตีความในมุมกลับว่า สิ่งที่จำต้องไม่มี และไม่จริงนั่นเอง
ซึ่งคำอธิบายก็เช่นเดียวกับที่กล่าวผ่านมานั่นเอง
วัลลอฮุอะลัม