เรื่องนายิส ตอนที่ 3
- และมาอัฟให้สำหรับน้ำซึ่ง กระเด็นมาจากบริเวณสถานที่อาบน้ำ ( ซึ่งน้ำน้ำนั้นได้กลายเป็นน้ำนายิสแล้ว ) เช่นบ่อน้ำ หรือในสถานที่อาบน้ำที่ไม่ใช่บ่อ เช่นรอบๆอ่างน้ำ ซึ่งน้ำนั้นได้กระเด็นมาโดนเรา ถือว่ามาอัฟให้ โดยมีเงื่อนไขว่า น้ำนั้นมันกระเด็นมาโดนเราเอง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกระเด็นมาโดนเรา แต่ถ้าหากว่าเราตั้งใจจะให้มันกระเด็นมาโดนเราหรือเราตั้งใจไปกระทบมันก็ถือว่าไม่มาอัฟให้
- และถ้าหากคนๆหนึ่งได้กระทำละหมาด โดยที่มีนายิสที่ไม่อนุโลมให้ ติดอยู่ที่ตัวเขา ซึ่งเขาอาจจะลืมว่ามีนายิสติดอยู่( คือเคยรู้แล้วว่ามีนายิส แต่ยังไม่ได้ล้าง แล้วก็ไปละหมาด )หรือ ไม่รู้ตัวว่ามีนายิสติดอยู่ (ไม่รู้มาก่อนว่ามีนายิสติดอยู่ที่ร่างกายหรือเสื้อผ้า แล้วก๋ไปละหมาด )กรณีเช่นนี้ ถ้าหากเขารู้ตัวขึ้นมาว่ามีนายิสติดอยู่ในขณะที่เขากำลังอยู่ในระหว่างการละหมาด ก็วา ยิบสำหรับเขาที่จะต้องหยุดละหมาดทันทีและทำความสะอาดนายิสเสียก่อนแล้วค่อยเริ่มละหมาดใหม่หากยังมีเวลาเหลืออยู่ แต่หากว่าเวลาละหมาดได้หมดลงเสียก่อนก็วายิบสำหรับเขาที่จะต้องละหมาดกอฎอชดใช้ อันนี้คือทัศนะที่แข็งแรง ตามมัซฮับอีหม่ามชาฟีอีย์
- และถ้าหากคนๆหนึ่งละหมาดเสร็จไปแล้ว ต่อมาปรากฏว่ามีนายิสติดอยู่ที่ตัวเขา ซึ่งเขาสงสัย,ลังเล,ไม่แน่ใจว่านายิสดัง กล่าวนั้นมีอยู่ก่อนที่เขาจะทำการละหมาดหรือเพิ่งมีขึ้นหลังจากที่ได้ละหมาดเสร็จไปแล้ว(โดยที่ก่อนที่เขาจะละหมาดนั้นเขามั่นใจว่าที่ตัวเขานั้นสะอาด ไม่มีนายิสแล้ว ) กรณีนี้ไม่จำเป็นจะต้องละหมาด กอฎอชดใช้---
ซึ่งแตกต่างจากกรณีที่เขามั่นใจแน่ชัดว่ามีนายิสอยู่ก่อนที่จะทำการละหมาด และกรณีที่เขาไม่แน่ใจว่าได้ทำความสะอาด ก่อนที่จะทำการละหมาดจนสะอาดหรือยัง (คือ เขาล้างแล้วก่อนละหมาดแต่พอละหมาดเสร็จกลับปรากฏว่ามีนายิสอยู่อีกจึง เกิดความลังเลว่าที่ล้างไปนั้น ล้างสะอาดหรือไม่) ทั้งสองกรณีนี้วาญิบจำเป็นที่เขาจะต้องทำการละหมาดใหม่ซ้ำอีกครั้งหลัง จากทำความสะอาดนายิสเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเดิมทีก่อนละหมาดนั้นเขาไม่สะอาด
- และมาอัฟให้สำหรับขนเพียงเล็กน้อยที่เป็นนายิส ซึ่งไม่ใช่ขนหมาและหมู ขนที่เป็นนายิส ( ขนสัตว์ที่ไม่ฮาลาลกินเนื้อของมัน )เช่นขนลา ขนล่อ ขนช้าง เป็นต้น อันนี้(หมายถึง ขนเพียงเล็กน้อยที่เป็นนายิส)มาอัฟให้แก่คนทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานคลุกคลีอยู่กับสัตว์
แต่มาอัฟให้สำหรับขนจำนวนมากที่เป็นนายิส ซึ่งไม่ใช่ขนหมาและหมู อันนี้มาอัฟให้แก่คนที่ทำงานคลุกคลีอยู่กับสัตว์
คำว่า "ขนเพียงเล็กน้อย" คือ ขนจำนวนสองเส้น
ส่วนคำว่า "ขนจำนวนมาก" คือ ขนเกินสองเส้น เช่น สามหรือสี่เส้น
การมาอัฟให้ดังกล่าวที่ว่ามานั้น พิจารณาในแง่ของการที่ขนมาติดตามร่างกายหรือเสื้อผ้าในขณะละหมาด แต่ไม่มาอัฟให้ ในการที่ขนซึ่งเป็นนายิสตกลงไปในน้ำ นี่คือทัศนะที่แข็งแรงหนักแน่น...แต่อูลามาอ์บางส่วนได้กล่าวว่า น้ำที่มีขนซึ่งเป็นนายิสตกลงไปนั้นก็ถูกมาอัฟให้เช่นกันแต่เป็นทัศนะที่อ่อนแอ
- ท่านเชคญัยลีย์ได้กล่าวว่า ถ้าหากขนหนึ่งเส้นถูกตัดออกเป็นสี่ส่วน ขนสี่ส่วนนั้นมีค่าเท่ากับขนเพียงเส้นเดียว ตามทัศนะที่ ถูกต้อง
- ในประเด็นของขนสัตว์นั้น อูลามาอ์มีความคิดเห็นแยกออกเป็นสี่ทัศนะ
๑. สะอาดทั้งหมดทุกกรณี
๒. สะอาดทั้งหมดยกเว้นขนหมาและหมู
๓. เป็นนายิสหมดทุกกรณี
๔. เป็นนายิสหมดยกเว้นขนมนุษย์
ทัศนะที่ยึดถือกันทั่วไปโดยส่วนใหญ่คือทัศนะที่ ๔
- และถือว่าอนุโลมให้ในการที่มีสัตว์ตกลงไปในน้ำที่มีปริมาณน้อย(น้อยกว่าสองกอลอฮ์)หรือในของเหลวใดๆ ถือว่าน้ำหรือ ของเหลวนั้นนั้นไม่กลายเป็นนายิส
- และมาอัฟให้เช่นกันสำหรับรอยเท้าของสัตว์ เช่นแมวและไก่ เป็นต้น เมื่อสัตว์นั้นได้เดินไปบนเสื่อหรือสิ่งที่จัดอยู่ใน ประเภทเดียวกันกับเสื่อที่อยู่ในมัสยิดหรือในบ้าน ถึงแม้ว่าเท้าของมันจะเปียกก็ตาม ถือว่ามาอัฟให้เนื่องจากยากลำบากใน การป้องกัน
- ท่านเชค ซัรกาชีย์ ได้กล่าวว่า "และถ้าหากว่ามีนกบินลงไปในน้ำแล้วถ่ายอุจจาระลงในน้ำนั้น หรือมันได้ดื่มน้ำนั้นโดยที่ปากของมันนั้นมีนายิสอยู่ ซึ่งนายิสไม่ได้หลุดลงไปในน้ำ ในกรณีนี้ถือว่าถูกอนุโลมให้ เนื่องจากยากลำบากในการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้"
- และถือว่ามาอัฟให้ต่อขี้ปลา ซึ่งปลาดังกล่าวอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้าหากน้ำนั้นไม่ได้เปลี่ยนคุณสมบัติ(สี,กลิ่น,รส) ไม่ว่าน้ำนั้นจะมีปริมาณน้อย(กว่าสองกอลอฮ์)หรือมาก(กว่าสองกอลอฮ์)ก็ตามที โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่ใช่เป็นการเอาปลาไปใส่ในบ่อไว้ดูเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ถ้าหากว่าเป็นการนำปลาไปใส่ในบ่อไว้ดูเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน เหมือนที่พบเห็นได้โดยทั่วไปในปัจจุบัน ที่มีการนำเอาปลาบางชนิดเช่นปลาทองไปปล่อยไว้ในบ่อหรือในกอลอฮ์ เพื่อไว้ดูเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน ดังนั้นจะไม่ถูกมาอัฟให้ถ้าหากน้ำนั้นมีปริมาณน้อยกว่าสองกอลอฮ์
- และมีกล่าวไว้ในกีตาบนีฮายะฮ์ว่า มาอัฟให้แก่น้ำลายที่เป็นนายิสที่กระเด็นมาโดนเรา(เช่นมีสัตว์(ที่ไม่ใช่นายิส)ไปกินนายิส แล้วน้ำลายของมันกระเด็นมาโดนเรา) และหากแม้ว่ามันจะไปกินน้ำที่มีปริมาณน้อย(กว่าสองกอลอฮ์)ก็ตาม น้ำที่เหลืออยู่นั้นถือว่ามาอัฟให้ ถึงแม้จะเป็นสัตว์ประเภทเคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควายก็ตาม(ถือว่ามาอัฟให้เช่นกัน)
-และเป็นที่อนุญาตให้ดื่มได้ สำหรับน้ำผึ้งซึ่งรังของมันถูกสร้างมาจากวัสดุุอย่างเช่นมูลวัวเป็นต้น
- และมาอัฟให้แก่ควันปริมาณเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ด้วยเชื้อเพลิงที่เป็นนายิสอย่างเช่นมูลวัวมูลแพะหรือแม้แต่ไม้ฟื้นมีนายิส
- และท่านเชคอาซีซีย์ได้กล่าวว่า ส่วนหนึ่งจากอันตราย นั่นคือ สิ่งที่ทำให้เกิดควันในขณะหุงต้ม ซึ่งประเด็นปัญหาเช่นนี้นั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากในปัจจุบัน ดังนั้นจะต้องระวังรักษาให้ดี