เอียะรอบมัตตัน อัลอาจญะรูมิยะห์ 2
بسم الله الرحمن الرحيم
واقسامه ثلاثة اسم وفعل وحرف جاء لمعنى
ส่วนประกอบของกะลามนั้น ประกอบขึ้นจาก 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ คำนาม ( اسم ) คำกริยา ( فعل ) และ ฮุรุฟ ( حرف ) ซึ่งมีความหมาย
..................................
واقسامه
واو
อักษร วาว ตัวนี้เป็น واو الاستءناف คือ เป็นวาว ที่ جواب คำถามที่สมมติขึ้น เรียกว่าเป็น استءناف بياني (วาว อิสตินาฟ บะยานีย์ )
จากที่ได้พูดถึงคำนิยามของกะลาม ที่ผ่านมาแล้วนั้น ว่ากะลามเกิดจากการเรียงกันของคำ ตั้งแต่ 2 คำ ขึ้นไป และได้ความหมายที่เข้าใจได้ ผู้ที่ฟังอยู่ ก็จะเกิดคำถามว่า แล้วส่วนประกอบของกะลามที่มาเรียงซ้อนกันนั้น มีอะไรบ้าง?
ما اجزاء الكلام التي يتالف منها
" อะไรกันหรือ ส่วนประกอบของกะลาม ซึ่งได้เขียนขึ้น จากส่วนประกอบเหล่านั้น "
ผู้เขียนก็ตอบกลับไปว่า
واقسامه اى اقسامه اجزاء
" ส่วนประกอบขอวกะลาม นั้น ประกอบขึ้นจาก 3 อย่าง ... "
แต่มีอีกทัศนะหนึ่ง บอกว่า واو الاستءناف ตรงนี้ ไม่ใช่ الاستءناف البياني คือ ไม่ใช่ جواب คำถามที่สมมติขึ้น แต่เป็น الاستءناف النحوى
เหมือนตัวอย่าง
قام زيد وعمرو جالس
สรุป واو الاستءناف
มีคุณสมบัติคือ
- ไม่เป็น عامل
- ให้ความแตกต่าง กับประโยคก่อนหน้าในด้านความหมาย และไม่เกี่ยวข้องกันในการเอียะรอบ
- เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า واو الابتداء
اقسامه ثلاثة
اقاسم
เป็น مضاف ส่วน ه เป็น مضاف اليه เป็น اسم مبني อยู่ในตำแหน่ง ที่ต้องอ่าน جر
اقاسم
เอียะรอบเป็น มุบตะดา
ثلاثة
เอียะรอบ เป็น คอบัร ให้กับ اقسام
มุบตะดา และ คอบัร จำต้องมุวาฟากัต กัน คือ
مفرد ، مثنى ، جمع
مذكر , موءنث
กรณีนี้ اقسام เป็น مذكر
แต่ ثلاثة เป็น موءنث จะมุวาฟากัตกันอย่างไร?
ثلاثة
เซาะห์ในการเป็น คอบัร เพราะว่า اقسام เป็น موءنث เช่นกัน โดยเป็น تاءنيث مجازي معنوي
ตามกิอิดะห์ที่ว่า
قاعدة كل جمع التكسير القلة حكمه موءنث
اسم
เอียะรอบได้หลายหนทางดังนี้
اعراب ( اسم )
1- خبر لمبتدأ محذوف
تقديره : أحدها اسم وثانيها فعل وثالثها حرف
2- مبتدأ مؤخر لخبر محذوف
تقديره : منها اسم وفعل وحرف
3- مفعول لفعل محذوف
تقديره : أعني بها اسما وفعلا وحرفا
4- بدل من ثلاثة بدل بعض من كل
ในการเอียะรอบ اسم เป็น بدل بعض من كل ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องมี رابط แต่ตรงนี้ไม่มี رابط ระหว่าง ثلاثة กับ اسم เพราะตามกออิดะห์ที่ว่า
اذا لم يستوف اجزاء المبدل منه فلا تحتاجا الي رابط او ان الضمير مقدر
คือ ถ้าหากว่า ยังมีส่วนของ มุบดาล มินฮู เหลืออยู่ หลังจากบะดาล ก็ไม่จำเป็นต้องมี رابط หรือ ถ้าหากจะให้มีก็สามารถ สมมติขึ้นได้ เช่น
ثلاثة اسم منها
ถ้า اسم เอียะรอบ เป็น مفعول به ของ فعل محذوف ซึ่งสมมติขึ้นว่า
اعني اسما
ซึ่ง اسم ซึ่งถูก نصب ตามการอ่านของ قوم الربيعة จะเขียนในรูปเดียวกับ การอ่านขณะที่ถูก رفع และ جر
คือ ไม่มีอาลิฟ ที่ท้ายคำ
الواو : حرف عطف
فعل : معطوف
اسم : معطوف عليه
والمعطوف على المرفوع مرفوع وعلامة رفعه ضمة ظاهرة في آخره
الواو
เป็น ฮุรุฟอัฏฏอฟ
ฮุนุฟอัฏฏอฟ นั้นมี 2 ประเภท คือ
ما يشرك المعطوف مع المعطوف إليه حكما ولفظا
มีการร่วมกันระหว่าง معطوف กับ معطوف اليه ในเรื่องฮุกม และ เรื่องคำ
อีกประเภทคือ
ما تشرك المعطوف مع المعطوف عليه لفظا فقط
มีการร่วมกันระหว่าง معطوف กับ معطوف اليه ในเรื่องคำเท่านั้น แต่ไม่ร่วมกันในเรื่องฮุกม
จาก اقسامه ثلاثة اسم وفعل
จะเห็นว่า فعل อ่าน รอเฟาะเหมือนกับ اسم นั้นคือ มีส่วนร่วนกัน ในด้านคำ คือ เอียะรอบเหมือนกัน
และ มีส่วนร่วมกัน ในด้านฮุกม
กล่าวคือ ทั้ง اسم และ فعل เป็น جزء ของกะลาม เหมือนกัน
การ عطف ด้วย الواو ให้ความหมาย คือ
لمطلق الجمع دون التقيد بترتيب
คือการรวมกัน โดยที่ไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้อง มีการเรียงลำดับ
จาก
اقسامه ثلاثة اسم وفعل
จะเห็นว่า ทั้ง اسم และ فعل ต่างก็เป็น جزء ของ كلام ทั้งคู่ และไม่ได้มีลำดับว่า อันไหนเป็นก่อนเป็นหลัง
**وحرف جاء لمعنى**
الواو : حرف عطف
حرف : معطوف
اسم : معطوف عليه
والمعطوف على المرفوع مرفوع
وعلامة رفعه ضمة ظاهرة في آخره
وحرف
เอียะรอบ واو เป็น حرف عطف และ معطوف เช่นเดียวกับ وفعل ที่กล่าวผ่านมา
جاء : فعل ماض مبني على الفتح والفاعل ضمير مستتر جوازا تقديره(هو)يعود على الحرف
لمعنى : اللام حرف جر
معنى : مجرور باللام وعلامة جره كسرة مقدرة على الألف
والجملة من الفعل والفاعل في محل الرفع صفة لحرف
جاء
เป็น فعل ماضي ซึ่งจะคงรูปสระท้ายคำ เป็น สระฟัตตะห์ และ ประธาน ( فاعل ) ของมันนั้น คือ ضمير مستتر ( ฎอแมร ที่ซ่อนอยู่ ) สมมติขึ้นว่า هو ซึ่งหมายถึง حرف
ก็คือได้ความหมายว่า " ฮุรุฟ นั้นได้มา "
لمعنى
اى وضع ليدل على المعنى
ลาม حرف جر ซึ่งบังคับให้ مجرور คือ معنى อ่าน กัซเราะห์ ที่ท้ายคำ
ซึ่งสมมติขึ้น เนื่องจากไม่สามารถปรากฎสระได้ เพราะมีอาลิฟอยู่ที่ท้ายคำ ซึ่งที่มา ของคำว่า معنًى คือ
**مَعْنًى**
รากฐานเดิมของมันคือ مَعْنَيٍ หรือเขียนว่า مَعْنَينْ
หลังจากนั้น ให้เปลี่ยน ยาอ์ เป็น อาลีฟ ก็เพราะ ยาอ์นั้น มีสระ และ อักษรก่อนจาก ยาอ์ มีสระฟัตฮะ
معْنَينْ ก็จะกลายเป็น مَعْنَىْنْ หลังจากนั้น ให้ลบ อาลีฟออก เพราะมีสระตายสองตัวมาเจอกัน นั้นก็คือ อาลีฟตาย และ นูนตาย ดังนั้น
مَعنَىْنْ ก็กลายเป็น مَعْنَنْ
หลังจากนั้น ให้ย้ายสระตันวีนไปยังนูนที่อยู่ข้างหน้า นั้นก็คือ นูนที่ตายอยู่ ย้ายไปที่นูนที่มีสระอยู่ และให้ภาพอาลีฟที่เขียนด้วยยาอ์( ى )นั้นคงอยู่ ก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า ตัวที่ถูกลบไปนั้น รากฐานเดิมของมันคือ ยาอ์ ดังนั้น จาก مَعْنَنْ ก็กลายเป็น مَعْنًى
اى وضع ليدل على المعنى
คือ حرف ในที่นี้หมายถึง حرف ที่ตัวมันนั้นบ่งชี้ไปยังความหมาย เช่น
مِنْ
ซึ่งบ่งชี้ไปยังความหมาย ถึงการเริ่ม
ทั้งนี้ ไม่ได้รวมถึง حرف ที่ไม่ได้ชี้ถึงความหมาย ถึงแม้ว่าเมื่อมันได้เป็นส่วนหนึ่งของกะลิเมาะห์ ก็ตามที เช่น ฮุรุฟฮิญาอิยะห์ ( ا ب ت ) ตัวอย่าง
زيد
ฮุรุฟ ز ي และ د ไม่ได้บ่งชี้ไปยังความหมาย
جاء
الجملة من الفعل والفاعل في محل الرفع صفة لحرف
ญุมเลาะห์ فعلية คือ جاء และ فاعل ของมัน เอียะรอบ เป็น صفة ให้กับคำว่ส حرف เพราะกออิดะห์ที่ว่า
انَّ الجمل بعد النكرات صفات و بعد المعارف احوال
ประโยคที่ตกหลัง คำนามนะกิเราะห์ จะเอียะรอบเป็น صفة และ ประโยคที่ตกหลัง คำนามมะอ์ริฟะห์ จะเอียะรอบเป็น حال