กีตาบ มิศบาหุ้ลมุนีร ตอนที่ 8 หน้าที่ 8
เรื่องฮุก่มชาเราะห์
อนึ่งความหมายของคำว่าฮุก่ม คือ การตัดสิน การชี้ขาด ส่วนความหมายของคำว่า ชาเราะอ์ คือ กฎเกณฑ์ที่มาจากอัลลอฮ์ เป็นข้อชี้ขาด ข้อสั่งใช้ สั่งห้ามของศาสนา
ฮุก่มชาเราะอ์ แบ่งออกเป็น 5 ประการ
– วายิบ
– สุนัต
– ฮาราม
– มักโระห์
– ฮารุส
ความหมาย
- วายิบในทางชาเราะอ์ คือ สิ่งที่ได้ถูกใช้ให้ทำ ซึ่งการใช้อันนั้นเป็นแบบเด็ดขาด นั่นคือคำนึงว่ามีการสัญญาว่าจะให้ผลบุญกับผู้ที่กระทำสิ่งนั้นๆ และมีการลงโทษต่อผู้ที่ละทิ้งสิ่งนั้น หมายความว่า ถ้าลงโทษนั้นคืออัลลอฮ์จะไม่อภัยโทษให้กับบาป แต่การลงโทษหรือไม่ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของอัลลอฮ์ (เพราะการลงโทษนั้นเป็นสิ่งฮารุสสำหรับอัลลอฮ์ พระองค์จะลงโทษหรือจะอภัยให้ก็ได้ แม้ว่าผู้ใดจะมีบาปมากมายแค่ไหนก็ให้มีความหวังอยู่เสมอว่าอัลลอฮ์จะอภัยโทษให้ ชีวิตเราจงตั้งอยู่ระหว่างความกลัวกับความหวังในวัยหนุ่ม ให้มีความกลัวให้มากๆ ส่วนคนแก่ๆให้มีความหวังให้มากๆเพราะบาปที่เราทำมาแต่ก่อนมากมาย) อันนี้เป็นหลักการศรัทธาอะลิสซุนนะวัลญามาอะห์ ส่วนการยึดมั่นของพวกคอวาริจ (พวกเลยเถิด) จะยึดถือว่า ถ้าทำบาปใหญ่/ทำชั่ว ก็ตกนรกไปเลยแน่นอน. การสัญญาว่าจะลงโทษผู้ที่ละทิ้งโดยที่ไม่มีอุโซร (เหตุจำเป็น) เช่น การละหมาดถ้าเราละทิ้งโดยไม่มีอุโซร (หลับ,ลืม เป็นต้น) เราต้องรีบกอฎออ์เมื่อนึกขึ้นได้ ตัวอย่างอีกอย่างคือ การรู้จักอัลลออ์เป็นวายิบสำหรับทุกคนที่ต้องรู้จักต่ออัลลอฮ์โดยการเรียนให้รู้จักอัลลอฮ์ และจะได้รับการลงโทษสำหรับคนที่ไม่รู้จักอัลลอฮ์และศาสนาไม่เซาะ(การศรัทธาใช้ไม่ได้ )
- สุนัต ในทางชาเราะอ์ คือ การใช้ให้กระทำแต่ไม่ได้เป็นแบบเด็ดขาด คือได้ถูกสัญญาเอาไว้ให้แก่ผู้ที่กระทำถึงการตอบแทนผลบุญ และไม่ได้มีสัญญาเอาไว้ต่อผู้ที่ละทิ้งว่าจะได้รับการลงโทษ. ถ้าหากใครกระทำก็จะได้รับผลบุญ ใครละทิ้งก็ไม่มีการลงโทษ. แต่ถือว่าเป็นการขาดทุนเวลาในชีวิตของเรา เพราะว่าการทำของฟัรดู/วายิบถือว่าเป็นการเสมอตัว แต่สำหรับสุนัตเป็นกำไรของชีวิต เช่น ละหมาดสุนัตตะฮัจญุด หรือละหมาดสุนัตรอวาติบ ไม่มีสัญญาว่าจะลงโทษ
- ฮาราม ในทางชาเราะอ์ คือ สิ่งที่ชาเราะอ์ใช้ให้ละทิ้ง นั่นคือ ห้ามการกระทำต่อสิ่งนั้นๆ การใช้ให้ละทิ้งเป็นการห้ามอย่างเด็ดขาด โดยคำนึงว่าได้มีการสัญญาไว้ว่าจะถูกลงโทษเมื่อมีการกระทำต่อสิ่งนั้นๆ ซึ่งการละทิ้งที่ได้รับผลบุญคือการละทิ้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ(อิคลาส เพื่ออัลลอฮ์) เช่น การทำซีนา การดื่มสิ่งมึนเมา (ละทิ้งการดื่มสิ่งมึนเมาเพราะอัลลอฮ์สั่งห้ามไม่ใช่เพราะหมอห้ามเนื่องจากจะเกิดโทษ) และการกินของฮาราม เช่น สุรา สิ่งเสพติด กัญชา และอื่นๆ และจากบรรดาสิ่งที่ฮารามทั้งหลาย ดังนั้นจึงถูกลงโทษตามที่สัญญา ( ขึ้นอยู่กับอัลลอฮ์) เอาไว้ต่อผู้ที่กะทำสิ่งต่างๆที่กล่าวมาและจะได้รับผลบุญเมื่อละทิ้ง แต่เราต้องอิคลาส
- มักโร้ะฮ์ ในทางชาเราะอ์ คือ. สิ่งที่ชาเราะอ์ให้ละทิ้งโดยมีสัญญาไว้ว่าไม่มีการลงโทษต่อผู้ที่ทำสิ่งที่มักโร้ะฮ์ แต่จะได้รับผลบุญต่อผู้ที่ละทิ้ง. แต่ต้องเป็นการละทิ้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ (ชาเราะอ์ใช้ให้ละทิ้ง แต่ถ้าละทิ้งเพราะสาเหตุอื่น เช่น ละทิ้งการกินสะตอ เพราะหมอสั่งก็จะไม่ได้รับผลบุญ) สิ่งที่มัคโร้ะฮ์เป็นส่วนหนึ่งของคำเตือน เช่น การปัสสาวะขณะยืน สิ่งเหล่านี้ถ้าเราละทิ้งก็จะได้รับผลบุญ และการกินสิ่งที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม หรืออื่นๆ เช่น สะตอ ลูกเหรียง สิ่งเหล่านี้จะมีกลิ่นเหม็นที่เป็นการรบกวนผู้อื่น ดังนั้นจะได้รับผลบุญสำหรับผู้ที่ละทิ้ง และผู้ที่กระทำก็จะไม่มีผลอันใดแต่จะถือว่าเป็นสิ่งขาดทุนต่อผู้ที่กระทำสิ่งที่มักโระฮ์ เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกเตือนจากอัลลอฮ์ต่อผู้ที่ปฏิบัติสิ่งนั้นๆ
- ฮารุส ในทางชาเราะอ์ คือ การปล่อยไว้ต่อสิ่งที่กระทำ นั่นคือ ไม่ได้สัญญาเอาไว้ว่าจะได้รับผลบุญหรือการลงโทษ ต่อผู้ที่ปฏิบัติสิ่งนั้นๆ แต่ให้เลือกเอาว่าเราจะทำหรือจะละทิ้งต่อสิ่งนั้นๆเช่น การเดิน การกิน การดื่ม และอื่นๆที่เหมือนกัน
และเมื่อเราจะเรียกว่าฮารุสก็ต่อเมื่อสิ่งนี้ไม่ได้นำไปสู่สิ่งที่กล่าวมาทั้ง 4 ข้อที่ผ่านมา (พิจารณาเฉพาะตัวมันอย่างเดียว; เรียกว่าฮารุสซาตีย์) ดังนั้นถ้าหากฮารุสนั้นนำไปสู่ 4 อย่างที่กล่าวมา เราจะไม่เรียกว่าฮารุสอีกแล้ว เช่น เขานั้นเรียนวิชาฟัรดูอีน เขาเดินไปเรียน ดังนั้นการเดินของเขาที่ไปเรียนนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่วายิบเหมือนกัน(วายิบอาริฎีย์ คือวายิบที่เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอื่น คือการเรียนสิ่งที่เป็นฟัรฎูอีน และเช่นกันถ้าเขาเดินไปทำสิ่งฮาราม เช่น เล่นการพนัน ดังนั้นการเดินนั้นก็เป็นฮาราม (ฮารามอาริฎีย์)ด้วย และถ้าเขาเดินไปทำสิ่งที่สุนัตเขาก็จะได้รับผลบุญตามสุนัตไป (สุนัตอาริดีย์) ด้วย เช่นเดียวกัน บรรดาสิ่งที่ฮารุสทั้งหลายพิจารณาถึงตัวของมันอย่างเดียว (ฮารุสซาตีย์)
ที่กล่าวมาเป็นการอธิบายฮุก่มชาเราะอ์ ถ้าหากท่านทั้งหลายต้องการความรู้ที่มากกว่านี้ก็จงไปศึกษาในกิตาบที่ใหญ่กว่านี้ในกีตาบอุซูลุลฟิกฮ์ และฟิกฮ์
วัลลอฮุอะลัม