ตอนที่ 3 3/12/58.
بسم الله الرحمن الرحيم
บรรทัดที่8จากล่างหน้า1 / และฉัน(ผู้เขียน)ก็ได้ขอจากอัลลอตาอาลาอีกว่า ให้อัลลอตาอาลาทำให้หนังสือเล่มนี้ เป็นสิ่งที่เป็นเกราะป้องกันและเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันต่อบรรดาคำสอนที่หลงผิดทั้งหลาย ซึ่งคำสอนเหล่านั้นทำให้คนเอาวามหลงผิด และได้ชี้นำให้คนอื่นหลงผิดตามไปด้วย(คนเอาวาม คือคนธรรมดาทั่วไป)
(คนหลงผิด (ฎอลาล) คือหลงทางอยู่คนเดียวมีเอียะติกอตของตัวเองคิดว่าถูกแล้วแต่มันไม่ตรงกับสิ่งที่ถูกต้อง ส่วน คนที่ทำให้ผู้อื่นหลงทาง(ยังมึนยาสะกัน) คือคนที่หลงผิด และสอนคนอื่นให้หลงผิดหลงเชื่อตามตัวเองไปด้วย สุดท้ายก็พาคนอื่นให้หลงทางไปด้วย เพราะความรู้อยุ่กับคนอาเล็ม เมื่อไม่มีคนอาเลม คนเอาวาม(ไม่มีความรู้,คนยาเฮล) ก็มาเป็นผู้นำ คนยาเฮลเอาคนที่ไม่มีความรู้ด้วยกันมาเป็นผู้นำมาสอนความรู้ด้วยความไม่รู้
(ดังฮาดิษ ความว่า
إذا لم يبق عالما اتخذ الناس رءوسا جهالا فسئلوا فأفتوا بغير علم فضلوا وأضلوا
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนอาเล็มไม่เหลือ มนุษย์ทั้งหลายจะแต่งตั้งคนไม่รู้มาเป็นผู้นำ พวกเขาจะถามความรู้จากคนยาเฮล เขาจะตอบด้วยความไม่รู้ แน่นอนก็เกิดคนหลงทาง และคนที่ทำให้ผู้อื่นหลงทาง )
เมื่อเราไม่มีความรู้เราควรไปถามผู้ที่รู้จริงให้เขาสอนสิ่งที่ถูกต้องให้ อย่าเข้าใจหรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง และถ้าหากเราไม่รู้ไม่ควรบอกต่อเพราะนั่นเป็นการบอกต่อสิ่งที่ผิด ซึ่งคนเอาวาม(คนธรรมดาทั่วไป)จะถูกชักนำโดยคนที่ยาเฮล(ซึ่งคนยาเฮลนั้น ไม่รุ้ตัวว่าตัวเองยาเฮล(ยาเฮล มุรอกกั้บ คือคนที่ไม่รุ้ว่าตัวเองนั้นไม่รุ้ และรู้ในสิ่งที่ผิด แต่กลับคิดว่าถูกต้องแล้ว)) อย่างเช่น คนที่ไปสอนให้คนอื่นไม่เรียนซีฟัต20 โดยให้เหตุผลว่า เป็นสิ่งที่ไม่วายิบ หรือเป็นสิ่งทีไร้ประโยชน์
(เราต้องเริ่มต้นด้วยความรู้ การปฏิบัติจะเสาะห์อย่าให้ชีวิตนั้นสูญเปล่า เรามีกันแค่ชีวิตเดียว ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ทำให้ดีที่สุด เพื่อเป็นเสบียงในวันอาคีเราะห์)
ตัวอย่างของคำสอนที่หลงผิด เช่น มีการบอกว่าสามารถเห็นอัลลอได้ในดุนยา อัลลอเป็นมัคโล้ก (การเห็นอัลลอในดุนยา ฮารุสในทางอากาล ถ้าเป็นการฝันเห็น แต่ถ้าเห็นในขณะตื่นนั้นไม่ได้ มีเพียงท่านนาบีมูฮัมหมัด(ซล.) เห็นอัลลอในขณะตื่น แต่ในวันอาคีรัตฮารุสในทางอากาลการมองเห็นอัลลอของคนมุมิน แต่การมองเห็นนั้นไม่สามารถอธิบายวิธีการได้ ไม่เหมือนกับการมองเห็นของมนุษย์ในดุนยานี้.
และตัวอย่างของความหลงผิด เช่น จากบรรดาคำสอนของผุ้ที่ได้ยึดถือเพียงรุปนอกของบรรดาอายัตมุตาชาบิฮัต นั่นคืออายัตที่ให้ความหมายที่ทำให้ผุ้อ่านมีความสงสัยเกี่ยวกับอัลลอตาอาลา (เช่น อายัตที่บอกว่าอัลลอประทับบนอารัช ทำให้มีความสงสัยเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระเจ้า ว่าพระองค์นั้นเหมือนมัคโลก คือ เป็นสสาร ต้องการที่ว่าง เหนืออารัช ) ซึ่งสลัฟที่แท้จริงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการให้ความหมายของอัลลอแต่จะให้ความบริสุทธิ์ให้ความเอกภาพแก่พระองค์ เนื่องจากไม่มีใครรู้ความหมายที่แท้จริงนอกจากอัลลอตาอาลา และคนที่บอกว่าอัลลอต้องการที่ว่าง(มีที่อยู่)คือเป็นสสาร (ไม่มีสสารไหนที่ไม่ต้องการที่วาง) ใครก็ตามที่ให้คุณลักษณะต่ออัลลอว่าต้องการที่ว่างเป็นเหมือนสสารนั้นคือเขาปฏิเสธซีฟัตอัลมุกอลาฟาตูลิลฮาวาดิษ เป็นบิดอะห์ที่แท้จริง (เพื่อเราพบคำถามว่าอัลลออยู่ไหน?อัลลอไม่ได้อยู่บนฟ้า อัลลอมีโดยไม่มีสถานที่ อัลลอไม่ใช่สสารนั่นคือไม่ต้องการที่ว่าง.จึงย่อมไม่มีพิกัด ระบุตำแหน่งไม่ได้ การไม่มีสถานที่เป็นยังไงไม่มีใครรู้)
และฉันก็ได้วอนขอต่ออัลลอตาอาลาอีกว่า ขอให้หนังสือเล่มนี้เป็นเสบียงความดีสำหรับดุนยาและอาคีรัต แท้จริงแล้วอัลลอมีความสามารถเหนือทุกๆสิ่ง หลังจากนั้นฉันขอเริ่มการบรรยายหนังสือเล่มนี้โดยการเริ่มบรรยายด้วยเรื่องการรู้จักศาสนา.
วัลลอฮุอะลัม