เรื่อง บรรดานายิสและการทำความสะอาด ตอนที2
-เป็นที่อนุโลมให้(มาอัฟ)สำหรับดินที่มีนายิสบริเวณถนนหนทางสัญจรสาธารณะ(ในกรณีเดินด้วยเท้าเปล่า)ซึ่งเรามั่นใจว่าดินนั้นมีนายิสอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งข้ออนุโลมนี้มีเงื่อนไขว่า ตัวนายิสนั้นได้ย่อยสลายไปแล้ว และนายิสนั้นมีปริมาณไม่มากนักตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่านายิสดังกล่าวจะเป็นนายิสมูฆ้อลละเซาะฮ์ก็ตามที(ถือว่าเป็นที่อนุโลมให้)..
การที่บทบัญญัติศาสนาอนุโลมให้ในกรณีดังกล่าวนี้นั้น เนื่องมาจากว่าเป็นการยากลำบากในการที่จะหลีกเลี่ยง,ระวังรักษาไม่ให้เปื้อนดินที่มีนายิส.
อูลามาอ์บางส่วนกล่าวว่า การอลุโลมให้ในกรณีข้างต้นนั้นถือเป็นคำตัดสินที่แข็งแรง,มีน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่ในแถบที่มีสุนัขอยู่เยอะ ถึงแม้จะเป็นการเดินไปบนถนนที่มีดินที่เปื้อนนายิสโดยมิได้รองเท้าและถึงแม้ว่าเท้าทั้งสองจะเปียกโดยมิได้อยู่ในช่วงขณะฝนตกก็ตาม(ถือว่าเป็นที่อณุโลมให้เช่นกัน)
สำหรับน้ำโคลนนั้นก็มีข้อบัญญัติเช่นเดียวกันกับดินที่เปื้อนนายิสดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไปโดนนายิส หรือนายิสกระเด็นมาโดนเรา ก็ถือว่าอนุโลมให้เช่นเดียวกัน
- ท่านเชคซาลิม ชุบชีรีย์และท่านเชคบัรมาวีย์ได้กล่าวว่า ดินที่อยู่บนหลังของหมา เมื่อมันสะบัดขนดินนั้นได้กระเด็นมาจากตัวหมาในหนทางสาธารณะ ถือว่าเป็นที่มาอัฟให้ เนื่องจากเป็นการยากลำบากที่จะหลีกเลี่ยงและป้องกัน
- ท่านเชครอมลีย์ได้กล่าวว่า เมื่อคนๆหนึ่งเดินไปบนถนนหนทางสัญจรสาธารณะซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่ามีนายิส แล้วเขาก็โดนนายิสนั้น จากนั้นเขาได้เดินไปยังที่อื่นอีกซึ่งทำให้สถานที่แห่งใหม่ที่เขาเดินไปนั้นพลอยเปื้อนรอยนายิสไปด้วย กรณีเช่นนี้ถือว่าสถานที่แห่งใหม่ที่เขาเดินไปแล้วเปื้นรอยนายิสนั้น ได้รับการมาอัฟให้ให้โดยหลักชาเราะอ์..ท่านเชคอิบนุกอเซ็มกล่าวว่าในการอนุโลมให้แก่สถานที่แห่งใหม่ดังกล่าวนั้นก็ต่อเมื่อสถานที่แห่งไม่นั้นไม่ใช่มัสยิด แต่ถ้าหากว่าสถานที่แห่งใหม่ดังกล่าวเป็นมัสยิด ก็ถือว่าไม่มาอัพให้เพราะว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องรักษาความสะอาดของมัสยิดไม่ให้เปื้อนนายิส
นายิสที่ได้รับการผ่อนปรน( มาอัฟ ) มี 3 ประเภท
1. ผ่อนปรนให้เครื่องนุ่งห่ม และน้ำ ได้แก่ นายิสที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ด้วยสายตาของคนปานกลาง
2.ผ่อนปรนให้เครื่องนุ่งห่ม และร่างกาย แต่ไม่ผ่อนปรนให้เม่ือตกลงไปในน้ำ ได้แก่ เลือด และหนองที่เล็กน้อย
3.ผ่อนปรนให้เมื่อตกลงไปในน้ำ และของเหลว แต่ไม่ผ่อนปรนให้อยู่ที่เสื้อผ้าและร่างกาย ได้แก่ซากสัตว์ที่ไม่มีเลือดไหล เช่นจิ้งจก หรือซากสัตว์ที่ไม่มีเลือด ได้แก่ กบ แมงป่อง มด เป็นต้น
กล่าวโดย ฟากอล และผู้ที่ถือตามท่านว่า บรรดาซากของ สัตว์ที่ไม่มีเลือด ( คือสัตว์นั้น ไม่มีเลือดไหลจากร่างกายของมัน ) นั้นสะอาด เพราะการไม่มีเลือดของมันนั้น ทำให้มันไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งสอดคล้องกับมัซฮับอิมามมาลิกีย์ และอิมามฮานาฟี ซึ่งมีทัศนะว่า การละหมาดโดยที่มี ซากของ สัตว์ที่ไม่มีเลือดอยู่ที่ร่างกาย ถือว่าใช้ได(ซึ่งทัศนะถือว่านี้ฎออีฟ)
บรรดาเงื่อนไขที่จะได้รับการผ่อนปรน ของนายิสขณะที่ละหมาดมี 3 ประการ
1 อย่าให้นายิสนั้นไปปนกับนายิสอื่น โดยที่ไม่มีเหตสุดวิสัยใดๆ
2. นายิสนั้นต้องไม่เป็นนายิสที่เกิดจากการกระทำของเรา เช่น เลือดจากฝี ถ้ามันออกมาเอง ปริมาณน้อยๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราไปแกะมันเองแล้วเลือดออก แบบนั้นไม่มาอัฟให้ (ต้องล้างออก )
3 นายิสนั้นต้องอยู่บนเสื้อผ้า หรือร่างกาย
ดังนั้น ถ้าหากนายิสนั้นปนกับสิ่งอื่น ถือว่าไม่มาอัฟ ถึงแม้นายิสนั้นจะน้อยก็ตาม ( ทัศนะนี้แข็งแรง)
แต่อุลามะอ์ส่วนหนึ่งบอกว่ามาอัฟให้ ถ้านายิสนั้นมีปริมาณน้อยๆ และเนื่องจากสุดวิสัย และถ้าแม้ว่ามีเลือดหรือหนองออกมา ด้วยการกระทำของเราเอง เช่น ตบยุง หรือฆ่าตัวทาก หรือบีบฝี แบบนี้ถือว่าไม่มาอัฟ แต่ทัศนะที่แข็งแรงนั้น ถือว่ามาอัฟถ้าหากว่าเลือดหรือหนองนั้นปริมาณน้อยๆ แต่ถ้ามาก ก็ไม่มาอัฟ
มัจญมัวะซาลาซา หน้า 31
- บทบัญญัติ(ชาเราะอ์)ได้มาอัฟให้ สำหรับเลือดเสีย(อิสติฮาเฎาะฮ์)ของคนที่มีเลือดเสียและน้ำปัสสาวะของผู้ที่เป็นโรคปัสสาวะกระปริบกระปรอย(มีน้ำปัสสาวะไหวอยู่ตลอด,ไม่สามารถกลั้นไว้ได้) และไม่วายิบจะต้องละหมาดชดใช้(กอฎออ์)สำหรับบุคคลทั้งสอง หลังจากหมดเลือดเสียหรือหายจากอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอยแล้ว..
และเป็นวายิบบนบุคคลทั้งสองที่จะต้องทำความสะอาดนายิสดังกล่าว(เลือดและปัสสาวะ)และอาบน้ำละหมาดใหม่ในทุกครั้งที่จะละหมาด และให้ทำความสะอาดผ้าที่ใช้ผูกซับนายิสและเปลี่ยนสำลีที่ใช้อุดช่องคลอดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมาใหม่ทุกครั้ง( เนื่องจากเพราะมันเปื้อนเลือด)ที่จะทำการละหมาด
...เลือดเสีย(อิสติฮาเฎาะฮ์)คือเลือดที่ออกมาจากช่องคลอดของผู้หญิง ซึ่งเลือดนั้นออกมาไม่ถึงหนึ่งวันกับหนึ่งคืน(24 ชม.)หรือเลือดที่ออกมาหลังจากเกิน 15 วันไปแล้ว( ขั้นมากสุดของเลือดประจำเดือนคือ 15 วัน )
- และเป็นที่อนุโลมให้สำหรับน้ำที่ตกมาจากรางน้ำ,ท่อน้ำ หรือสิ่งที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน เช่น น้ำจากหลังคา ซึ่งน้ำนั้นมันไหลย้อยตกลงมาจากอาคารบ้านเรือน เช่นในเมืองมักกะฮ์และญิดดะฮ์หรือเมืองอื่นใดก็ตาม โดยที่น้ำนั้นไม่ปรากฏว่ามีนายิส และทางที่ดีแล้วเราไม่ต้องถามหรือสืบเสาะดูอีกแล้วว่าน้ำนั้นสะอาดหรือไม่ (คือเมื่อไม่ปรากฏว่ามีนายิสก็ให้ถือว่าน้ำนั้นสะอาด)
- และชาเราะอ์ได้มาอัฟให้ต่อฝุ่นละออง,ขี้ฝุ่น,ขี้ไคล ตามถนนหนทางสาธารณะ หรือฝุ่นดินปริมาณเล็กน้อย,ไม่มากมายนักที่ขุดมาจากกุโบร์(ในกรณีที่กุโบร์เต็มจนไม่มีพื้นที่เหลือพอที่จะฝังเพิ่มจึงต้องขุดรื้อกุโบร์เก่าที่มายัตเก่าย่อยสลายกลายเป็นดินไปแล้ว) ซึ่งฝุ่นของนายิสที่ติดมากับรองเท้าหรือติดมากับเสื้อผ้าก็ตามที ถือว่าเป็นที่มาอัฟให้เช่นเดียวกัน
- และมีกล่าวไว้ในหนังสือ ฟัตหุ้ลมูอีน ว่า "และถ้าหากว่ามีรอยเท้าของหมาและหมู ถึงแม้ร่องรอยนั้นจะกระจายอยู่ทั่วเต็มไปหมดก็ตามที ถือว่าไม่อนุโลมให้ ซึ่งถือว่าเป็นทัศนะที่แข็งแรง(ประเด็นนี้ สำหรับกรณีของผู้ที่เดินด้วยเท้าเปล่าไปบนร่องรอยอันนั้น แต่สำหรับผู้ที่ใส่รองเท้าก็ถือว่าไม่เป็นไร)"
- ท่านเชคชัรกาชีได้กล่าวไว้ว่า "สามารถตีความได้ว่าเป็นที่อนุโลม(มาอัฟ)ให้ และ อาจารย์ของฉัน(นามว่า เชคมุนญาบาร)ได้ฟัตวาติดสินไว้แล้วในกรณีของทางสัญจรที่มีนายิสกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งอุจจาระของมนุษย์และสัตว์ ซึ่งที่จริงแล้วอาจจะมีฝนมาชะล้าง ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่าถูกอนุโลมให้ในกรณีดังกล่าวนี้ เนื่องจากเป็นการยากลำบากที่จะหลีกเลี่ยง,ป้องกันและระวังรักษา เพราะนายิสได้กระจายไปทั่วพื้นที่ทางเดินอันนั้น"
- ท่านเชคกุรฏูบีย์ได้กล่าวไว้ว่า อูลามาอ์ไม่มีความเห็นขัดแย้งกันเลยว่าสุกรนั้นหะร่าม ยกเว้นขนของมัน ซึ่งอนุญาตให้นำมาทำเป็นด้ายเย็บรองเท้า (สำหรับการนำขนหมูมาทำเป็นด้ายเพื่อเย็บรองเท้าในปัจจุบันอาจจะไม่มีให้เห็นเลย)
-ได้กล่าวไว้โดยท่านอิหม่ามนาวาวีย์ ร.ฮ. ว่า เราไม่เจอหลักฐานที่บอกว่าขนของหมูนั้นเป็นนายิส แต่ทว่ามีแนวโน้มว่าขนของหมูนั้นถือว่าสะอาด เช่นเดียวกันกับขนของเสือและหนู และแท้จริงได้มีเรื่องเล่ามาว่ามีคนๆหนึ่งได้ถามท่านรอซู้ล (ซ.ล.) เกี่ยวกับการเย็บรองเท้าด้วยขนของหมู ท่านรอซู้ล (ซ.ล.) ได้ตอบไปว่า ไม่เป็นไร (สามารถทำได้)
-ท่านเชคนัศรุ้ลมุก็อดดิซีย์ ได้กล่าวไว้แล้วว่า ไม่อนุญาตให้ทำการเช็ดรองเท้า("คุ้ฟ")ที่ถูกเย็บด้วยขนหมู(ในขณะอาบน้ำละหมาด) และการละหมาด(ที่อาบน้ำละหมาด)โดยสวมรองเท้าที่ถูกเย็บด้วยขนหมูถือว่าการละหมาดนั้นใช้ไม่ได้ ถึงแม้จะล้างรองเท้านั้นเจ็ดครั้งแล้วก็ตาม เนื่องจากดินและน้ำไม่สามารถเข้าถึงรอยเย็บที่ถูกนายิสดังกล่าว (กรณีที่ได้กล่าวมานี้ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ค่อยพบเจอมากนัก)