✅ตอนที่ 3 25/4/60 หน้า 10. ( สิรอญุฏอลิบีน)
หนังสือเล่มนี้(มินฮาญุลอาบีดีน)[1] ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนอย่างสรุป[2] หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของท่านอิหม่ามฆอซาลีย์ที่ได้เขียน ซึ่งไม่มีใครจะไปขอให้อิหม่ามฆอซาลีย์ให้บอกเพื่อเขียนตามคำบอก เว้นเสียแต่ว่า จะเป็นคนที่มีความรู้อย่างดีจากบรรดาลูกศิษย์ของท่านซึ่งมีความอาเล็ม[3] และต่อไปนี้จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของหนังสือ มินฮาญุลอาบีดีน
อัลฮัมดุลิลละห์[4] บรรดามวลการสรรเสริญทั้งหลายนั้นกลับไปหาอัลลอฮ์ พระเจ้าผู้ทรงปกครอง ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงเป็นผู้ให้อย่างมากมาย ผู้ซึ่งมีความเมตตากรุณา องค์อัลลอฮ์ผู้ซึ่งทรงสร้างบรรดามนุษย์ทั้งหลายในรูปลักษณ์ที่สวยงาม[5] และทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน ด้วยซีฟัตกุดรัตของพระองค์ และพระองค์ทรงบริหาร ต่อบรรดาการงานทั้งหลายในโลกทั้งสอง[6] ด้วยวิทยปัญญาของพระองค์[7] และพระองค์นั้นไม่ได้ทรงสร้างญินและมนุษย์เว้นเสียแต่ว่า สุดท้ายแล้ว พระองค์จะให้พวกเขานั้น ได้ทำการเคารพภักดีต่อพระองค์[8] และในหนทางชึ่งนำไปสู่การรู้จักพระเจ้า(มะรีฟัต) หรือ หนทางในการเคารพภักดี ต่ออัลอฮ์นั้น แจ้งชัด สำหรับผู้ที่ต้องการรู้จักพระองค์ และหลักฐานของการที่มีพระองค์ หรือหลักฐานของการที่พระองค์ทรงเอกะหนึ่งเดียวนั้น ก็แจ้งชัด สำหรับผู้ที่ใช้สติปัญญาใตร่ตรอง[9] แต่ทว่าพระองค์อัลลอฮ์นั้นจะทำให้หลงต่อผู้ซึ่งที่พระองค์ประสงค์ให้จะเขานั้นหลงทาง[10] และพระองค์นั้นทรงชี้นำต่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์นั้นทรงรู้ต่อบรรดาผู้ที่ได้รับการชี้นำ[11] ขอพระองค์ทรงประทานเราะห์มัต[12]ต่อนายนายของบรรดารอซู๊ล[13] และขอให้พระองค์อัลลอฮ์ โปรดประทานเราะห์มัต แก่นายของเรา และโปรดประทานเราะห์มัตแก่บรรดาเครือญาติของนาบีมูฮัมหมัด ซึ่งคนเหล่านั้นเป็นคนที่ทำความดีและเป็นคนดี และพวกเขาเหล่านั้นปราศจากบาป
ขออัลลอฮ์ตาอาลานั้นทรงประทานความปลอดภัย และโปรดทำให้นาบีของเราและบรรดาเครือญาติของท่านนั้นสูงส่ง จนกระทั่งวันกียามัต
วัลลอฮุอะลัม
[1] ครูของฉัน(อิหม่ามฆอซาลีย์)ได้บอกให้ฉัน(อับดุลมาลิก บิน อับดุลลอฮ์)เขียน โดยเป็นการเขียนตามคำบอก ต่อหนังสือเล่มนี้(มินฮาญุลอาบีดีน)
[2] หนังสือมีถ้อยคำที่ไม่มากมายแต่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมาย
[3] คือท่านมาลิกผู้ที่เขียนนี้
[4]เริ่มต้นของหนังสือมินฮาญุลอาบีดีน จากคำกล่าวของอิหม่ามฆอซาลีย์ อัลฮัมดุลิลละห์ บรรดามวลการสรรเสริญทั้งหลายนั้นกลับไปหาอัลลอฮ์ (มี4ประการ )
[5] อัลลอฮ์สร้างมนุษย์มาในสภาพที่สวยงาม
لَقَدْ خَلَقْنَا الْإِنسَانَ فِي أَحْسَنِ تَقْوِيمٍ
[ซูเราะห์ อัตตีน : 4 ]
แท้ที่จริงเราได้บันดาลมนุษย์มาในรูปทรงที่งดงามยิ่ง โดยให้มีการทรงตัวยืนสองขาบนพื้นโลกอย่างสง่าผ่าเผยผิดกับสัตว์ทั่วไป แม้บางลักษณะและบางสัญชาตญาณจะมีเหมือนกับสัตว์ แต่ก็แตกต่างในแง่ของความสวยงามและความสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ยังมีสติสัมปชัญญะ มีปัญญาสามารถสื่อความหมายด้วยภาษาพูด
[6] คือดุนยาและอาคีรัต ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นพระองค์ทรงบริหาร จัดการและวางแผนทั้งสิ้น
[7] การวางแผนและบริหารสำหรับของอัลลอฮ์นั้น แผนการของพระองค์ไม่มีผิดพลาด
[8] การสร้างมนุษย์ และญินขึ้นมานั้น พระองค์ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ใดๆ จากการสร้างนั้น ถ้ามนุษย์ทั้งหมดเป็นกาเฟรหมด ไม่มีผู้ที่เคารพภักดีต่อพระองค์เลย ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ทรงต่ำต้อยลง และถ้าหากมนุษย์ทั้งหมด เคารพภักดีต่อพระองค์ ก็หาได้ทำให้พระองค์ทรงสูงส่งขึ้นแต่ประการใด เพราะพระองค์นั้นทรงพ้นไปจากความต้องการต่อสิ่งใดๆ
[9] หลักฐานที่บอกว่าอัลลอฮ์นั้นมีมากมากมาย เช่น หลักฐานจากตัวเรา อวัยวะต่างๆในร่างกาย; รูจมูก มีขนจมูก คอยกรองฝุ่นละออง ป้องกันเชื้อโรค ดวงตา ที่มีการกระพริบตาอัตโนมัติ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ใครเล่าที่ออกแบบให้เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่มีพระองค์เจ้าที่ทรงสร้างเรามา บนสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มีหลักฐาน ของการมีของพระเจ้าเต็มไปหมด หลักฐานเหล่านี้มีความแจ่มชัดสำหรับผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ. หนทางที่เราจะรู้อัลลอฮ์ตาอาลานั้นช่างแจ่มชัดยิ่ง
[10] อัลลอฮ์ก็จะไม่ให้เขาเห็นถึงหลักฐานอันแจ้งชัดถึงการมีอยู่ของพระองค์ เปรียบเทียบเส้นผมบังภูเขา เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าหลักฐานนั้นมีอย่างเด่นชัดสำหรับผู้ที่ใคร่ครวญ แต่อัลลอฮ์ก็ทรงให้เขานั้นไม่ทรงมองเห็นสัจธรรม เช่น บรรดาคนกาเฟร เขาไม่ยอมรับ ดังนั้นเราต้องขอบคุณอัลลอฮ์ให้มากๆ
[11] พระองค์ได้ทรงชี้นำ จากหลักฐานอัลกุรอ่าน ซูเราะห์บะลัด
وهديناه الجدين
ความว่า และเราได้ชี้นำแก่เขาให้รู้ซึ้งถึงสองทางทั้งทางดีและทางชั่ว
[ซูเราะห์ อัลบะลัด :10 ]
คือ หนทางที่ดี เพื่อมนุษย์จะได้เดินไปในหนทางที่ถูกต้อง และหนทางที่ชั่ว เพื่อให้มนุษย์ห่างไกลจากหนทางที่ชั่วนั่นเอง
[12] เราะห์มัตคือซอละห์ ก็คือความเมตตาพร้อมกับการให้เกียรติด้วย นั่นคือ นอกจากอัลลอฮ์จะให้เราะห์มัตแล้วพระองค์ก็ยังให้เกียรติอีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น การที่คนคนนึงจะมอบอะไรแกอีกคนหนึ่ง ยกตัวอย่างนาย ก ให้ของแก่ นาย ข โดยโยนของให้ เป็นการให้แต่ไม่ให้เกียรติ แต่อีกกรณีนึงคือนาย ก ให้ของแก่นาย ข โดยเอาของใส่ตะกร้าผูกโบว์ มอบให้อย่างดี นี่เป็นการให้พร้อมกับการให้เกียรติด้วยนั่นเอง
[13] ท่านนาบีมูฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม