หลักฐานจากอัลกุรอ่าน
ทั้งๆที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเตือนและกำชีบชี้ทางไว้ในคัมภีร์ของพระองค์แล้วก็ตามเช่นอายะที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ(ลัยซากามิสลีฮีชัยอุน)
"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์ " อัช-ชูรอ 11
จากอายะฮ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ไม่ทรงคล้าย และเหมือนกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จากบรรดามัคโลคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ใดแง่หนึ่งก็ตาม ซึ่งในอายะฮ์นี้นั้น ได้ปฏิเสธการเหมือนและการคล้ายคลึงไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการไปยังสถานอยู่ และทิศ ที่พระองค์จะเอาไปเป็นที่อยู่ในมัน แต่พระองค์นั้น ทรงมีอยู่ เสมือนกับท่าน ซัยยิดินา อลี (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อัลเลาะฮ์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในขณะนี้นั้น ก็ทรงอยู่ตามคุณลักษณะที่พระองค์เคยมีอยู่" รายงานโดย อบู มันซูร อัลบุฆดาดีย์ และในหลักฐานนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันสำหรับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ว่า พระองค์ทรงแตกต่างกับบรรดามัคโลค ที่ถูกสร้างขึ้มา
และอายะฮ์นี้ ทำให้เราเข้าใจว่า พระองค์ทรงบริสุทธิ์การเหมือนและคล้ายกับบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างมาทั้งหมดโดยทุกรูปแบบเลยทีเดียว เนื่องจากพระองค์ใช้คำว่า شيىء (สิ่ง) ที่อยู่ในตำแหน่งของการปฏิเสธด้วย ليس ดังนั้น คำ نكرة คือคำว่า شيىء นั้น อยู่ในประโยคสำนวนการปฏิเสธ ย่อมให้ความหมายที่ "ครอบคลุม" ในทุกสิ่งและทุกรูปแบบ ดังนั้น อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ก็ทรงถูกปฏิเสธ การคล้ายคลึงกับบรรดามัคโลคอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการคล้ายคลึง ในเชิงที่เป็นตัวตน วัตถุ มีร่างกาย มีอวัยวะ พระองค์ทรงเป็นโดยไม่มีวิญญาณ ไม่ทรงนิ่ง และเคลื่อนไหว พระองค์ไม่ทรงเหมือนกับบรรดาวัตถุ ที่อยู่ข้างบนและอยู่ข้างล่าง พระองค์จะไม่ถูกจำกัดสถานที่ ไม่ทรงมีระยะทาง ใกล้และไกล ดังนั้น พระองค์จึงไม่มีคุณลักษณะเหล่านี้ แต่พระองค์ทรงมี ทรงเป็น ทรงพูด ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง ทรงมีความสามารถ ทรงรอบรู้ และมีคุณลักษณะอื่นอีกมากมายที่ไม่มีผู้รู้ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ และพระองค์ก็ทรงมีคุณลักษณะอื่นๆ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จุดมุ่งหมายของมันได้ นอกจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) องค์เดียวกันเท่านั้น
และอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า
وللهِ الْمَثَلُ الأَعْلَى(ว่าลิ้ลลาฮิลมาซาลุ้ลอาลัยุ)
" และสำหรับอัลเลาะฮ์ ย่อมมีคุณลักษณะอันสูงส่งที่สุด " (อันนะหฺลิ 60)
คือ อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงมีคุณลักษณะที่ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นๆ จากพระองค์ และพระองค์ทรงไม่มีคุณลักษณะ เหมือนกับบรรดาคุณลักษะของมัคโลค เช่น มีการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ การมีสถานที่อยู่ หรืออาศัยอยู่บนบันลังก์ ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่
แต่วาฮาบีก็ยังยืนยันว่าอัลลอฮ์นั้นั่งสถิตยฺบนบรรลังค์ แต่สถิตย์หรือนั่งหรือประทับอย่างไรไม่เป็นที่รู้และยังอ้างอีกว่าหาก ใครถามเรื่องนี้จะเป็นบิดอะตกนรก
ทั้งๆที่วาฮานั้นชอบพูดให้ผู้อื่นสับสนเสมอและคิดในสิ่งที่ตนเองพูดเช่นวาฮาบีกล่าวว่า มีคนๆหนึ่งรูปร่างคล้ายกับควาย แต่ปฏเสธว่าเป็นควายอย่างไรนั้นไม่ใครรู้ได้นี่คือการหลีกเลียงคำพูดที่ขาดการรับผิดชอบชองวาฮาบีในเรื่องอากีดะที่พวกเขามีปมด้อยและไม่สามารถจะโต้กลับแนวทางมัสหับทั้งสี่ได้เพราะมัสหับทั้งสี่นั้นล้วนอากีดะเดียวกัน
แม้ว่าในเรื่องฟิกฮ์จะแตกต่างกันบ้างในการปฎิบัติซึ่งเป็นธรรมดาเพราะการอิตญิฮาด ย่อมแตกต่างกันและปัจจัยหรือแวดล้อมแต่ละช่วงนั้นย่อมมีผล
ดังนั้นด้วยเหตุความแตกต่างด้านฟิกฮ์ของแต่ละทัศนะนี้แหละ วาฮาบีซึ่งไม่มีทัศนะเป็นของตนเองพวกเขาจึงเลือกใช้ทศนะที่ตนพอใจโดยไม่แยแสต่อเจ้าของทัศนะ มิหนำซ้ำเจ้าของทัศนะบางท่านยังโดนวาฮาบีฮุกมเลยว่า
เขาเหล่านั้นตามไม่ได้เพราะไม้ได้เป็นผู้มะซุมแต่เมือวาฮาบีจนท่าก็มักจะแอบอ้างเอาทัศนะที่ตนเคยฮุกมเคยตำหนินั้นแหละมาใช้โดยลืมคำพูดที่เคยกล่าวหาพวกเขาว่าอีม่าม
ทั้ง4นั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาจะไปตามเขาทำไม แต่เวลาอุลามะซาอุฯฟัตวาแล้ววาฮาบียะทั้งหลายกลับยอมรับมันโดนซีโรราบและ
เราจะพบว่าอากีดะวาฮาบีไม่เหมือนกับ ชนในยุคสลัฟอัซซอและเพราะพวกเขาไปเข้าใจว่าอัลลอฮ์ทรงประทับบนบรรลังค์และมีตัวตนมีทิศทางมีการเคลื่อนไหวไปมาได้ฯลฯ
สงสัยเหลือเกินว่าเมื่ออากีดะวาฮาบีเสียหายขนาดนี้แล้วการปฎิบัติตามหลักศาสนบัญญัติของวาอาบีอัลลออ์จะคิดอย่างไรก็ในเมื่ออากีดะวาฮาบีผิดพลาดตั้งแต่ก้าวแรกซะแล้ว
วัลอิ้ยาซุลบิ้ลลา มินซาลิค
มีหะดิษมากมาย ที่อยู่ในความหมายของการที่อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากทิศและสถานที่ ซึ่งบรรดานักปราชน์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ได้ทำการอ้างหลักฐาน เพื่อยืนยันอากิดะฮ์ของอุมมะฮ์อิสลามดังนี้
1. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
كان الله ولم يكن شيء غيره(กานัลลอ วาลัมยากุล ชัยอุน ฮัยเราะ)
" พระองค์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) " รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ ไว้ในซอเฮี๊ญะหฺของท่าน
หมายถึง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีผืนดิน ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีกุรซีย์ ไม่มีอะรัช ไม่มีมนุษย์ ไม่มีญิน ไม่มีมะลาอิกะฮ์ ไม่มีเวลา และไม่มีสถานที่ ดังนั้น พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่ และมีมาก่อนที่จะมีสถานที่ แต่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสถานที่ ดังนั้น พระองค์จึงไม่ทรงต้องการมัน
และอัลเลาะฮ์ ก็ไม่ทรงมีคุณลักษณะที่เปลี่ยนแปลง จากสถานะภาพหนึ่งไปสู่สถานะภาพหนึ่ง เนื่องการการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณลักษณะของมัคโลค ดังนั้น เราจะกล่าวเหมือนกับ พวก อัล-มุชับบิฮะฮ์ ไม่ได้ว่า "พระองค์ทรงมีมาแต่เดิม โดยที่ไม่มีสถานที่ หลังจากนั้น พระองค์ทรงสร้างสถานที่ แล้วพระองค์ก็ทรงอยู่ในสถานที่และทิศเบื้องบน (วัลอิยาซุบิลลาห์) " ดังนั้น เราขอกล่าวว่า "พระองค์ทรงทำให้เปลี่ยนแปลง แต่พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง"
2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء " ، وإذا لم يكن فوقه شيء ولا دونه شيء لم يكن في مكان
" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "
ท่าน หะฟิซฺ อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า " ส่วนหนึ่งจากบรรดาสหายของเรา ได้อ้างหลักฐาน ในการปฏิเสธสถานที่จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่
أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء
"และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์"
และเมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์ ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)
ท่านอัล-บัยฮะกีย์กล่าวอีกว่า" สิ่งที่รายงานในส่วนท้ายของหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธสถานที่ จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) และแท้จริง บ่าวคนหนึ่งนั้น ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใหนก็ตาม เพราะฉะนั้น ทั้งในความใกล้หรือไกล จากอัลเลาะฮ์ ก็ย่อมเท่าเทียมกัน และแท้จริง พระองค์ ทรงเป็นภายนอก คือสามารถรู้จักพระองค์ได้ ด้วยบรรดาหลักฐานต่างๆ(เช่นโลกจักรวาล) และพระองค์ทรงเป็นภายใน จึงไม่สามารถรับรู้การมีของพระองค์ ด้วยกับการมีอยู่ในสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)
3. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
أقرب ما يكون العبدُ من ربّه وهو ساجد ، فأكثروا الدعاء
"บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ" รายงานโดย อิมามมุสลิม
ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ กล่าวว่า " ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศให้กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " (ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 576