📚กีตาบ ตักรีบุลอิควาน
بسم الله الرحمن الرحيم
กีตาบ ตักรีบุลอิควาน
بسم الله الرحمن الرحيم
✅ตอนที่ 1 4/4/60
بسم الله الرحمن الرحيم
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตาผู้ทรงยิ่งในความกรุณา[1]
อัลฮัมดุลิลละห์ บรรดามวลการสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์[2]
อัลลอฮ์ผู้ทรงได้ประทานให้กับเราอย่างล้นเหลือ ด้วยเนียะมัต[3]ที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์คือการที่เราได้เกิดมาเป็นอิสลาม และให้เรานั้นเป็นคนที่มีอิหม่าน สองอย่างนี้เป็นเนียะมัตที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา (เป็นคนอิสลาม และมีอิหม่าน)[4]
ขอพระองค์อัลลอฮ์ ตาอาลาทรงประทานเราะห์มัต[5]และสลาม ให้แก่ท่านนาบีของเรา นาบีผู้ซึ่งทำให้เรานี้เกรงกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์ และนาบีผู้ซึ่งทำให้เรามีความสุขกับการที่เรารับรู้เรื่องของสรวงสวรรค์
นาบีซึ่งเป็นนายของเราคือ นาบีมุฮัมหมัด ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และท่านนั้นก็เป็นหัวหน้า ของบรรดาร้อซู้ลทั้งหลาย และขอพระองค์ทรงประทานเราะมัตและสลามนั้นให้แก่บรรดาเครือญาติของท่านนาบีมูฮัมหมัด และบรรดาซอฮาบัตของท่านนาบีมูฮัมหมัดทั้งหมดทั้งมวลด้วยเถิด
หลังจากนั้น[6] ดังนั้นโอ้พี่น้องที่รักทั้งมวล[7] ขอให้ท่านจงขอบคุณต่ออัลลอฮ์ตาอาลาเถิด เพราะว่ามีเนียะมัตมากมายที่อัลลอฮ์ประทานให้ และการให้นั้นเป็นบุญคุณที่อัลลอฮ์ประทานให้แก่เรา เนียะมัตมากมายเหล่านั้นได้แก่ การที่อัลลอฮ์สร้างเราให้เป็นมนุษย์ มีรูปร่างสวยงาม พร้อมกันนั้นอัลลอฮ์ทรงเตาฟิกเปิดหัวใจเราให้เรายึดมั่นในศาสนาอิสลาม ให้สามารถที่จะอยู่ในศาสนาอิสลาม
เราจะเห็นได้ว่าอัลลอฮ์ทรงกำหนดให้เราเกิดเป็นมนุษย์ เป็นความยิ่งใหญ่ ให้เราได้มีสมองมีสติปัญญา เพื่อที่จะได้รับรู้ค้นหาการมีของพระเจ้า จะได้รู้จักพระเจ้า.ให้เรานี้มีอิหม่านอยุ่ในศาสนาอิสลาม นับเป็นความยิ่งใหญ่ และอีกทั้งพระองค์ให้เรามีสติปัญญาให้เราสามารถพินิจพิเคราะห์พิจารณาได้ เพราะว่าถ้าเราไม่มีสติปัญญาเราก็ไมาสามารถรู้จักพระองค์ได้ไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ เพราะฉะนั้นเราต้องขอบคุณพระองค์ที่ให้เราเกิดเป็นมนุษย์ที่มีอิหม่านและสติปัญญา
และเนื่องด้วยกับสติปัญญานี้เรานั้นจะได้ระมัดระวังด้วยกับการที่เรามีสติปัญญา เราจะได้ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยทั้งดุนยาและอาคีรัต อีกทั้งเรายังได้ป้องกันครอบครัวของเราทั้งดุนยาและอาคีรัต
และองค์อัลลอฮ์ตาอาลาทรงให้โอกาสต่อเรา[8]ได้สะสมเสบียงให้เรานั้นได้นำไปใช้ในโลกอาคีรัต หลังจากเราได้ตายไปแล้ว ไปอยู่ในอาลัมบัรซัคและในโลกอาคีรัต การที่พระองค์ได้ให้เราปฏิบัติเพื่อสะสมเสบียงด้วยวิธีการอันหลากหลาย ด้วยอามาลอันหลากหลายที่เราจะนั้นจะเก็บเกี่ยวผลบุญ เพื่อเดินทางไปสู่อาคีรัต
อามาลที่กล่าวมานั้นคือการปฏิบัติสิ่งที่วายิบในทางชาเราะอ์ [9]และการที่เรานั้นจะหลีกห่างจากสิ่งที่ฮาราม [10]นอกจากเราละทิ้งสิ่งฮารามแล้ว เราต้องละทิ้งงสิ่งที่มัคโระด้วย [11]
และพระองค์นั้นทรงให้โอกาสเรา ให้เราได้ทำอามาลต่างๆที่เป็นสุนัต สำหรับผู้ที่ต้องการสะสมเสบียงให้มากๆ สำหรับวันอาคีรัต[12] ซึ่งในวันอาคีรัตนั้นจะไม่มีประโยชน์ใดๆจากทรัพสินย์[13]ต่างๆในดุนยา และลูกๆ[14] นอกจากบรรดาอำมาล ความดี ที่เราได้ปฏิบัติเอาไว้ตอนมีชีวิตบนดุนยานี้ ดังนั้นนับเป็นความน่าเศร้า และ ขาดทุนอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ขี้เกียจ ต่อการที่เขาสะสมเสบียง และปฏิบัติการงานทั้งหลายเพื่อเตรียมตัวไปสู่อาคีรัต ซึ่งการที่เราขวนขวายสะสมเสบียงและปฏิบัติอามาลต่างๆ บรรดาอามาลเหล่านั้น เป็นดังรากฐานหรือรากเหง้าของบรรดาการงาน ที่แท้จริง ซึ่งเรานั้นต้องหันหน้าเข้าหา มุ่งปฏิบัติ เพื่อสะสมเสบียงในขณะที่เรานั้นยังมีชีวิตอยู่บนโลกดุนยานี้
วัลลอฮุอะลัม
[1] บิสมิลละห์; ผู้เขียนได้เริ่มต้นด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ตามฮาดิษท่านนาบีมุฮัมหมัด(ซล.) ความว่า การงานใดๆที่มีคุณค่าในทางชาเราะอ์ ที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยกับบิสมิลละห์ฯ การงานนั้นๆเหมือนสัตว์ที่ถูกตัดหาง ความหมายก็คือ ความบารอกัตจะถูกตัดออกไป ทำให้ไม่มีความบารอกัต หรือจะถูกลดทอนไปนั่นเอง อาเยาะเด สกัม ก็เลยเริ่มการเขียนกีตาบของท่านด้วยกับพระนามของอัลลอฮ์ คำว่า บิสมิลละห์ นั้น ب เป็นฮูรุฟยัร ฮุรุฟยัรตรงนี้เป็นฮุรุฟยัรอัสลี้ย์ก็ได้ หรือฮุรุฟยัรซาอิดะห์ก็ได้ ถ้าเป็นฮุรุฟยัรอัสลีย์ก็ต้องการไปยังสถานที่ตะโล้ะ เรียกว่า มุตะอัลลั้ค ,ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ จะต้องมีสถานที่ซึ่งเกี่ยวพันกับคำว่า ด้วยพระนาม ซึ่งจะตักเดรด้วยคำนามก็ได้ หรือตักเดรด้วยคำกิริยาก็ได้ เช่น อับตาดิอู้ แปลว่า ข้าพเจ้าขอเริ่ม...หนังสือเล่มนี้ด้วยกับพระนามของอัลลอฮ์ อัรเราะมานมอัรรอฮีม อัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา , อัรเราะมาน หมายถึง อัลลอทรงประทานเนียะมัตให้กับมนุษย์ทั้งหมด ครอบคลุมทั้งหมดไม่ว่าคนกาเฟรหรือคนมุสลิม เป็นเนียะมัตหยาบๆทีเราเห็นไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน อากาศหายใจ น้ำที่มีดื่มทุกๆวัน มีริสกี มีเงินมีทอง และคำว่าอัรรอฮีม นั้น หมายความว่าอัลลอฮ์ตาอาลาทรงให้เนียะมัตเฉพาะสำหรับคนที่เป็นคนมุมิน ในวันอาคีเราะห์เท่านั้น เพราะฉะนั้นคำว่าอัรรอฮีม ความหมายนั้นจะครอบคลุมกินกว้างมากกว่าคำว่าอัรเราะมาน
[2] การสรรเสริญนั้นมี 4 อย่าง นั่นคือ
1. สิ่งที่กอดีมสรรเสริญสิ่งที่กอดีมด้วยกัน เช่น อัลลอฮ์สรรเสริญต่อพระองค์เอง
2. สิ่งที่กอดีมสรรเสริญสิ่งที่เป็นของใหม่ เช่น อัลลอฮ์สรรเสริญท่านนาบี หรือผู้ที่มีอิหม่านหรือมีความซอบัร
3. ของใหม่หรือสิ่งถูกสร้างสรรเสริญสิ่งกอดีม เช่น เราสรรเสริญอัลลอฮ์ตาอาลา หรือนาบีสรรเสริญอัลลอฮ์
4. สิ่งที่เปนของใหม่สรรเสริญสิ่งที่เปนของใหม่ด้วยกัน เช่น เราสรรเสริญเพื่อนของเรา หรือนาย ก. สรรเสริญนาย ข ที่เป็นที่มีมารยาทดี ซึ่งเปนซีฟัตที่อัลลอให้ต่อนาย ข ดูภายนอกเหมือนสรรเสริญนาย ข. แต่ที่จริงนั้นเปนการสรรเสริญอัลลอฮ์ เพราะอัลลอฮ์ให้ต่อนาย ข ทั้งหมด ให้นาย ขอมีมารยาทที่ดีงาม มีนิสัยใจคอที่ดี ดังนั้นการสรรเสริญทั้ง 4 การสรรเสริญนั้นกลับไปสู่อัลลอฮ์
[3] เนียะมัต คือสิ่งทีอัลลอฮ์ทรงประทานให้นั่นเอง.
[4] เพราะว่า อัลลอฮ์ทรงสร้างมนุษย์มานั้น บางคนอัลลอฮ์ก็ให้เขาเป็นคนกาเฟร บางคนอัลลอฮ์ให้เป็นคนอิสลามมีอิหม่าน เพราะฉะนั้นการที่อัลลอฮ์ให้เราเกิดเป็นคนอิสลามและมีอิหม่านเพื่อศรัทธาต่อพระองค์ ถือว่าเป็นเนียะมัตที่ยิ่งใหญ่
[5] คำว่า ซอลาวาต ถ้าซอลาวาตมาจากอัลลอฮ์ เรียกว่า ทรงประทานเราะมัต ถ้าว่าการซอลาวาตมาจากมาลาอิกัต เรียกว่า เป็นการอิสติฆฟาร/ขออภัยโทษ และถ้าการซอลาวาตนั้นมาจากมนุษย์ เรียกว่าการดุอาร์ ดังนั้นตรงนี้ที่ขอให้อัลลอฮ์ประทานซอลาวาตก็คือการขอให้อัลลอฮ์ประทานเราะมัตนั่นเอง
[6] หลังจากที่ได้กล่าว 4 อย่าง คือ บัสมาละห์ ฮัมดาละห์ ซอลาวาต. และสลาม แล้ว
[7] พี่น้องร่วมศาสนาทั้งหลายของฉัน
[8] ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปที่ผ่านมา บางทีเราอาจไม่ได้คิดถึงอาคีรัตเลย มัวแต่คิดถึงการเรียน การทำงาน หน้าตาในสังคม ทำยังไงครอบครัวจะสมบูรณ์ ได้รับการยกย่อง เราแทบจะมองไม่เห็นอาคีรัตเลย เพราะฉะนั้นการที่อัลลอฮ์เปลี่ยนหัวใจของเราให้มองเห็นอาคีรัต จากที่ไม่เคยมองเห็น เราก็ได้มองเห็นความสำคัญและคิดได้ว่าวันนึงเราต้องตายและเรานั้นจะต้องจากไปอยู่ในอาลัมบัรซัคและต้องไปทนทุกข์และรับความลำบากในทุ่งมะชัร ซึ่งทั้งหมดนั้นจะออกมาสภาพไหนจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับเสบียงที่เราได้เตรียมเอาไว้นั่นเอง ดังนั้นการที่อัลลอฮ์ให้เรามีชีวิตอยู่จนกระทั่งพระองค์ได้เปลี่ยนหัวใจของเราจนกระทั่งมองเห็นอาคีรัต และเราได้กลับตัวกลับใจ บางคนอาจจะทำแต่ความชั่วมาตลอดไม่เคยได้เตาบัตตัว เราก็ได้กลับมาเตาบัตว่ากลับมาทำความดีเพื่อเป็นเสบียงในอาคีรัตเพื่ออัลลอฮ์จะได้อภัยโทษให้กับเราในความบาปที่เราได้กระทำที่ผ่านๆมา แสดงว่าที่ผ่านมาอัลลอฮ์ได้ให้โอกาสเรา และถ้าหากพระองค์ให้เราได้ตายในสภาพที่หลงทาง ยังไม่เห็นคุณค่าของอาคีรัตที่เราต้องเผชิญต่อไปข้างหน้า แสดงว่าเป็นความโชคร้ายของเรา เพราะฉะนั้นอัลฮัมดุลิลละห์ที่อัลลอฮ์ให้เราสนใจที่จะเรียนศาสนา สนใจจะทำอีบาบัตเพื่อให้เราได้มีเอียะติกอตที่ถูกต้อง
[9] เช่น การละหมาดฟัรดู การถือศีลอด การจ่ายซะกาต และสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน
[10] การหลีกเลี่ยงจากสิ่งฮาราม เราก็ต้องดูว่าเราหลีกเลี่ยงเพราะอะไร เจตนาของเราหลีกเลี่ยงเพราะอะไร เช่น เราหลีกเลี่ยงเพราะเราไม่ชอบ หรือหลีกห่างเพราะอัลลอฮ์ตาอาลาทรงห้าม สมมุติฐานว่า เราชอบดื่มสุรา การดื่มสุราเป็นสิ่งที่อัลลอฮห้าม เป็นสิ่งฮาราม เราไม่กินเหล้าเพราะว่าอัลลอฮ์ห้ามเพราะฮาราม ถ้าคิดเช่นนี้ถือว่าได้ผลบุญ แต่ถ้าหากว่าเราไม่ดื่มเพราะแพทย์สั่งห้ามเอาไว้ เพราะอาจจะเกิดโรคตับแข็ง ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าไม่ได้ผลบุญ
[11] การละทิ้งสิ่งมัคโระ เช่น การสูบบุหรี่ ถ้าเราละทิ้งเพราะเรารู้ว่ามันมัคโระ แบบนี้ได้ผลบุญ แต่ถ้าเราละทิ้งเพราะหมอห้ามเนื่องจากจะเป็นหอบหืด แบบนี้จะไม่ได้ผลบุญ
[12] เช่น การละหมาดสุนัต อ่านอัลกุรอ่าน กล่าวซิเกร
[13]นอกจากทรัพย์สิน ที่เป็นความดี เช่น ทรัพย์สมบัติ ที่เราได้เอาไปออกซากาต ซากาตนั้นแหละจะเป็นความดีและเป็นเสบียง หรือทรัพสมบัตินั้นเราเอามาใช้จ่ายเป็นนัฟเกาะห์ ให้แก่ภรรยาลูกๆและพ่อแม่ ทรัพย์สมบัตินั้นก็จะกลายเป็นการงานสำหรับอาคีรัต หรือว่าทรัพย์สมบัติอันนั้นเราได้เอามาทำซอดาเกาะห์ แต่ไม่ว่าเราจะเอามาทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องเป็นทรัพย์สมบัติที่ได้มาด้วยหนทางที่ฮาลาล ไม่ได้ได้มาด้วยหนทางฮาราม ฉ้อโกง ถูกหวย ดอกเบี้ย ทั้งหลายนี้เป็นสิ่งฮาราม
[14] ลูกๆที่ไม่ใช่คนมุมิน ไม่มีค่าไม่มีความหมาย แต่ลูกๆที่เป็นมุมินนั้น เค้าจะทำความดีขอดุอาร์ ทำอำมาลให้แก่เรา อันนั้นนับเป็นประโยชน์แก่เราเมื่อเราได้ตายไปแล้ว