กีตาบ มินฮาญุลอาบีดีน
بسم الله الرحمن الرحيم
ตอนที่ 1. แนะนำกิตาบ มินฮาญุลอาบิดีน
กีตาบ มินฮาญุลอาบีดีน
แนะนำตัวกีตาบ;
คำครู บาบออับดุลเราะมาน(บาบอเก่าปอเนาะดาลอ) ได้กล่าวว่า
بارغ سياف راس بواس فد منونتوتي علم
تيدق ادا هابوان فد علم باگيث
" ใครก็ตามซึ่งเขานั้นรู้สึกเบื่อหน่ายในการแสวงหาวิชาความรู้ ดังนั้นสำหรับเขาคนนั้นจะไม่มีส่วนในวิชาความรู้ หมายถึงเขานั้นจะไม่ได้รับวิชาความรู้นั่นเอง" (จากบาบอการีม)
ข้อเตือนใจนี้จะช่วยให้เราต้องการแสวงหาความรู้ อยากที่จะแสวงหาความรู้ตลอด
จุดมุ่งหมายในการเรียนตำรา มินฮาญุลอาบิดีน
เราเรียนกีตาบนี้เพื่อต้องการทำความสะอาดหัวใจของเรา.เพื่อที่เราจะได้ทำอามาลอิบาดัตต่ออัลลอฮ์ตาอาลาด้วยความสมบูรณ์ แต่ว่าการที่เรานั้นจะมีหัวใจที่สะอาด หรือการได้ทำ อิบาดัตที่สมบูรณ์ จะไม่ได้มาซึ่งสิ่งนั้น เว้นแต่ว่าเราจะก้าวพ้นภูเขา(อุปสรรค)ทั้ง7ลูก นั่นก็คือ 7บท ในกีตาบมิจฮาญุลอาบีดีนนี้ เพื่อเป็นการชำระล้างหัวใจของเรา เราจะได้ทำอามาลอิบาดัตอย่างสมบูรณ์นั่นเอง
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของท่านอิหม่ามฆอซาลี ซึ่งเป็นการบอกให้ลูกศิษย์ของท่านนั้นเขียน ลูกศิษย์ของท่านได้เขียนจากคำบอกของท่าน ซึ่งท่านอิหม่ามฆอซาลีเป็นผู้ทำให้วิชาตะเซาวุฟนั้นขจรขจาย และความรู้ได้ถ่ายทอดมายังเราจนถึงทุกวันนี้ เดิมทีท่านท่านอิหม่ามฆอซาลีเป็นผู้ที่มีความรู้ เป็นอาเล็มอุลามะอ์ที่มีชื่อเสียง ขณะนั้นเป็นชัยคุลอิสลาม มีลูกศิษย์นับพันคน ท่านมีน้องชายคนนึงชื่ออะหมัด แม่ของท่านได้ส่งท่านและท่านอะหมัดไปเรียนคนละที่กัน นานๆทีถึงจะได้กลับมาพบกัน ได้มาเยี่ยมบ้านและอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ตอนนั้นท่านอิหม่ามฆอซาลี เป็นอุลามะอ์มีชื่อเสียง มีลูกศิษย์มากมาย ในขณะที่ท่านอะหมัดก็สอนหนังสือเช่นเดียวกันแต่เป็นแค่อาจารย์ธรรมดาๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร วันนึงในขณะที่ถึงวัคตูซุฮ์รี ท่านอะหมัดก็ปราบปลื้มที่จะได้ละหมาดตามพี่ชาย เพราะพี่ชายเป็นอุลามะอ์ใหญ่ พอท่านอะหมัดละหมาดไปได้สองรอกาอัต ท่านก็เนียตมุฟารอเกาะห์ คือเนียตออกจากการเป็นมะมูมไม่ตามอิหม่าม ท่านอิหม่ามฆอซาลีก็รู้ว่าท่านอะหมัดเนียตมุฟารอเกาะห์ เมื่อละหมาดเสร็จท่านอิหม่ามฆอซาลีก็ได้ไปฟ้องกับมารดาว่า ไฉนกันเล่าน้องชายของฉันจึงไม่ละหมาดตามฉัน เพราะอะไร? มารดาได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ได้ไปพูดกับท่านอะหมัดว่าทำไมจึงได้เนียตมุฟารอเกาะห์ ไม่ละหมาดตามพี่ชายให้เสร็จ ท่านอะหมัดตอบว่า จะให้ฉันละหมาดตามพี่ชายฉันได้อย่างไร เมื่อท่านอิหม่ามฆอซาลีนั้นละหมาดเห็นเลือด (ในจิตใจเห็นเลือด) ท่านอิหม่ามฆอซาลีได้ยินดังนั้นก็ตกใจและร้บอกกับมารดาว่า เป็นที่น่ายินดีที่มารดานั้นมีลูกชายเป็นวะลียุลลอฮ์ นั่นคือท่านอะหมัดนั้นสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ในใจของพี่ชายได้ เพราะตอนที่ท่านละหมาดท่านได้นึกถึงมัสอาละห์เฮด(เลือดประจำเดือน) เพราะว่าหลังละหมาดท่านจะต้องไปสอนเรื่องเฮด ดังนั้นตอนที่ละหมาดท่านจึงได้คิดถึงเรื่องเฮด ซึ่งท่านอะหมัดนั้นรู้และได้เนียตออกจากการเป็นมะมูม ท่านอิหม่ามฆอซาลีจึงถามท่านอะหมัดว่า ได้เรียนวิชานี้มาจากใคร (ซึ่งในความเป็นจริงท่านอิหม่ามฆอซาลีจะเรียนกับท่านอะหมัดก็ได้ หรือท่านอะหมัดจะสอนให้กับท่านอิหม่ามฆอซาลีก็ได้) แต่ท่านอิหม่ามฆอซาลีกลับถามเช่นนั้น อาจเป็นเพราะว่าแม้ว่าท่านจะเป็นผู้มีความรู้มากมาย และด้วยความที่ท่านเป็นอาเล็มอุลามะอ์ เป็นชัยคุลอิสลาม แต่ว่าในใจของท่านยังไม่มีวิชาตะเซาวุฟ พอได้ยินดังนั้น ท่านอะหมัดบอกว่าฉันได้เรียนกับครูท่านนึงแต่ก่อนเค้าสอนหนังสือแต่ตอนนี้เค้าแก่แล้ว จึงกลับมาอยู่บ้านและเย็บรองเท้าส่งขาย พอได้ยินดังนั้นท่านอิหม่ามฆอซาลีก็ได้ถามว่าครูคนนั้นอยู่ไหน ท่านอะหมัดก็ได้บอกที่อยู่ไป ท่านอิหม่ามฆอซาลีก็ได้เดินทางไปยังครูท่านนั้น ครูท่านนั้นก็รู้จักท่านอิหม่ามฆอซาลี เพราะท่านเป็นคนมีชื่อเสียง จึงถามท่านอิหม่ามฆอซาลีว่าท่านนั้นต้องการอะไร ท่านอิหม่ามฆอซาลีก็บอกว่าท่านต้องการจะเรียนเหมือนกับน้องชายของฉันนั้นแหละ ท่านอิหม่ามฆอซาลีบอกว่าถ้าท่านไม่สอนให้กับฉัน ฉันก็จะไม่กลับไปสอนอีกแล้ว ครูคนนั้นอ่านออกว่าท่านอิหม่ามฆอซาลีเป็นอย่างไร ว่ายังมีความยึดติดกับชื่อเสียงหน้าตา ถ้าไม่เรียนวิชาตะเซาวุฟ ก็ยากที่จะขจัดสิ่งเหล่านั้นได้ ท่านจึงได้ใช้ให้ท่านอิหม่ามฆอซาลีใส่เสื้อผ้าที่ทำด้วยกระสอบป่าน และแบกกระสอบอีกด้วย พร้อมทั้งให้เดินรดน้ำที่ถนนหน้าบ้านครูคนนั้น ผู้คนต่างมาเห็นสภาพเช่นนั้นก็คิดว่า ท่านอิหม่ามฆอซาลีนั้นบ้าไปแล้ว ท่านอิหม่ามฆอซาลีได้ทำเช่นนั้นจนครบ7วัน ครูจึงได้สอนแก่ท่านอิหม่ามฆอซาลีพร้อมกับให้อามาล นั้นคือให้ขึ้นไปบนเขาไปปฏิบัติอามาล หลังจากลงจากเขาท่านก็บรรลุถึงวิชาตะเซาวุฟ ท่านได้เขียนหนังสือตะเซาวุฟหลายเล่มและเล่มนี้(กีตาบมินฮาจุลอาบีดีน) เป็นเล่มสุดท้ายซึ่งให้ลูกศิษย์คนสนิทของท่านเขียน ความสำคัญของวิชาตะเซาวุฟนี้. ท่านอิหม่ามฆอซาลีได้กล่าวว่า
ใครก็ตามที่ไม่มีวิชาตะเซาวุฟนี้ ฉันกลัวเหลือเกินว่าเขานั้นจะตายในสภาพที่ไม่ดี(ตายในความชั่ว)
วัลลอฮุอะลัม