Warfarin legal news

Warfarin and Pregnancy NEWS

ข่าวสด

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJMk1EazBOREV6Tnc9PQ

http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1260979448

http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8664637/L8664637.html

ฟ้องหมอราชวิถีสั่งจ่ายยาอันตรายทำลูกพิการตลอดชีวิต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. น.ส.ภิญญาวาส โยธี อายุ 33 ปี อดีตแม่บ้านบริษัท แมพพ้อยท์เอเชีย จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 73/4 ซ.ราชปรารภ ถ.ราชปรารภ แขวงมักะสัน เขตราชเทวี ได้พา ด.ช.เชาวรินทร์ อ่องประเสริฐ หรือ “น้องแชมป์” อายุ 1 ขวบ 5 เดือน พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ ศิริพัฒน์ อายุ 32 ปี ทนายความประจำเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.เกษม พิพิธกุล พงส.(สบ.1) สน.พญาไท ให้ดำเนินคดีกับแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี 2คน ในข้อหาทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรชายที่เกิดมาต้องพิการไปตลอดชีวิต

น.ส.ภิญญาวาส กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดที่ขาซ้าย โดยได้รับการรักษาที่ รพ.มิชชั่น ตามสิทธิ์ประกันสังคม โดยแพทย์ได้ให้รับประทานยา ”วอฟาริน” ซึ่งเป็นยาละลายลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 50 ตนตั้งครรภ์น้องแชมป์ ทาง รพ.จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี เพื่อฝากครรภ์และรักษาโรคลิ่มเลือดควบคู่กันไปด้วย โดยทางแพทย์ที่ทำการรักษาตนที่ รพ.มิชชั่น ได้ให้คำแนะนำว่า ควรจะเปลี่ยนยาจากทานเป็นยาฉีดแทน เนื่องจากการกินยาชนิดนี้ระหว่างการตั้งครรภ์อาจมีผลกระทบต่อเด็ก

น.ส.ภิญญาวาส กล่าวต่อไปว่า เมื่อมารักษาที่ รพ.ราชวิถี ทางแพทย์กลับจ่ายยาตัวเดิมให้มาอีก ตนจึงได้ทักท้วงไป เพราะอ่านจากเอกสารกำกับยาว่า ห้ามใช้ในคนท้อง แต่ทางเภสัชกรที่จ่ายแจ้งว่า ทางแพทย์ยืนยันว่า ให้จ่ายยาตัวนี้ให้กับตน ต่อมาตนได้สอบถามไปยังทางแพทย์ที่ทำการรักษา โดยทางแพทย์ก็ยังยืนยันว่า ตนสามารถทานยาดังกล่าวได้ ไม่มีอันตราย เนื่องจากอายุครรภ์ของตน 5 เดือนแล้ว และเด็กได้สร้างอวัยวะครบหมดแล้ว จนกระทั่งอีก 2 เดือนต่อมา ตนรู้สึกว่า เด็กในท้องไม่ดิ้นตามปรกติ จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อทำการอุลตร้าซาวด์ ต่อมาอีก 4-5 วัน ทางแพทย์ได้นัดตนไปพบ และทำการอุลตร้าซาวด์อีกครั้ง ก่อนจะแจ้งว่า เด็กมีอาการผิดปรกติ มีน้ำท่วมแกนสมอง จนแกนสมองเหลือน้อยมาก และแพทย์ยังแจ้งอีกว่า หากคลอดออกมาอาจจะไม่ได้เลี้ยงด้วย ตนจึงได้สอบถามไปว่า เกี่ยวกับการทานยาวอฟารินใช่หรือไม่ ทางแพทย์ตอบว่า ยังไม่สามารถระบุได้ จนอีก 1 อาทิตย์ถัดมา ทาง รพ.ได้ให้ตนกลับไปทำอุลตร้าซาวด์แบบ 4 มิติ เพื่อตรวจสอบความผิดปรกติของทารกในครรภ์ ผลออกมาพบว่า มีเลือดออกที่เนื้อสมองเด็ก โดยเป็นผลกระทบมาจากยาวอฟารินที่แพทย์สั่งให้ทาน ตนจึงได้ติดต่อไปทางแพทย์ที่ทำการรักษาโรคลิ่มเลือด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ โดยให้เพียงนักศึกษาแพทย์มาสอบถามข้อมูลไปเท่านั้น แถมยังสั่งยาตัวที่มีปัญหามาให้ทานอีก จนกระทั่งน้องแชมป์คลอดออกมาก็มีอาการผิดปรกติ คือ น้องแชมป์ไม่สามารถหายใจเองได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ กะโหลกปิดไม่สนิท มีเลือดออกที่เนื้อสมอง และเนื้อสมองเหลือน้อยมาก ปัจจุบันน้องแชมป์อายุได้ 1 ขวบ 5 เดือน ตามองไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยินเสียงทั้ง 2 ข้าง ไม่มีพัฒนาการใดๆ เปรียบเสมือนก้อนเนื้อที่มีชีวิตเท่านั้น

น.ส.ภิญญาวาส กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตนจึงตัดสินใจมาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญากับทางสูตินารีแพทย์ของ รพ.ราชวิถี ที่ตนฝากครรภ์ด้วย และแพทย์หญิงอีก 1 คน ที่ทำการรักษาโรคลิ่มเลือด โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาตนไม่เคยพบแพทย์หญิงดังกล่าวเลย มีเพียงแพทย์ฝึกหัดมาด้วยเท่านั้น โดยที่แพทย์หญิงเป็นคนเซ็นต์สั่งยาให้เท่านั้น ทั้งนี้หลังเกิดเหตุตนได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งแพทย์สภา และผู้ตรวจการรัฐสภา แต่ก็ไม่ข้อสรุป นอกจากนี้ เมื่อตนไปขอประวัติการรักษากับทาง รพ. ก็ได้รับการปฏิเสธ ตนจึงได้เดินทางมาแจ้งความด้วยตนเอง ทั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องค่าเสียหายแต่อย่างใด ตนต้องการให้เกิดความยุติธรรมกับตนเท่านั้น

น.ส.ภิญญาวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ รพ.ราชวิถี เมื่อปี 45 ตนเคยมาคลอดลูก ขณะนั้นเด็กมีอาการผิดปกติ คือ ไม่กลับหัว ตนได้แจ้งให้แพทย์ทราบ และขอให้ทำการผ่าตัดด่วน แต่ทางแพทย์กลับไม่ยอม และยืนยันให้คลอดด้วยตนเอง โดยระหว่างที่นอนรอคลอด ทางแพทย์ได้พานักศึกษาแพทย์มาดูเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งตนปวดท้องมาก จึงได้แจ้งกับแพทย์อีกครั้ง และแพทย์ได้ทำการผ่าตัด แต่ปรากฏว่า ลูกของตนเสียชีวิตเนื่องจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งครั้งนั้นทาง รพ.ยอมรับผิด และรับผิดชอบ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงทางฝ่ายผู้ร้องเรียนเอาไว้ และจะต้องสอบปากคำแพทย์ที่ถูกฟ้อง ร้องก่อนจะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น แพทย์สภา ให้ตรวจสอบขั้นตอนการรักษาของแพทย์ทั้ง 2 รายว่า เป็นการรักษาตามมาตราฐานปรกติหรือเป็นความประมาทเลิ่นเล่อหรือไม่ ก่อนจะสรุปสำนวนต่อไป

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJMk1EazBOREV6Tnc9PQ==

กระทู้ Thaiclinic

-fetal warfarin syndrome

-ถ้าเลย 1st trimester มาแล้วจะให้กินต่อนะคะ

เพราะมันเลยช่วงที่จะเกิด fetal warfarin syndrome มาแล้ว

(จะเกิดถ้า expose ในช่วง 6-9 wk)

และเหตุการณ์แบบนี้พบบ่อยมากๆ

คือกว่าคนไข้จะรู้ตัวว่าท้อง ก็เลยไตรมาสแรกไปแล้ว

ตลอดเวลาที่เทรน ไม่เคยเจอเคสที่เปลี่ยนเป็นยาฉีดได้ทันเลยค่ะ

เพราะส่วนใหญ่เป็นการท้องแบบไม่ตั้งใจ มาทีก็ 5 เดือนแล้วค่ะ

เหมือนเคสนี้เลย

พอเข้า 3rd trimester ก็จะให้เปลี่ยนจาก warfarinเป็น heparin เพื่อรอคลอดค่ะ

เคสที่ผ่านมือมา ยังไม่เคยเกิดเหตุค่ะ

แต่เคยเห็นเคสที่คนไข้ไม่มา F/U ไม่ได้ปรับยา

เด็กก็เกิด intra cerebral hemorrage

เคสนี้ฟังๆ ดูๆ เหตุการณ์กันก่อนนะคะ

โดนส่วนตัวคิดว่าทางทีมที่ดูแลมีเหตุผลค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 12/16/09 เวลา 23:53:21 by Chimerism »

-warfarin ที่ไม่ให้ก็คือใน wk 6-12 ครับ

ผมว่าหมอที่ราชวิถีก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ครับเพราะเค้ามาหาก็เดือนที่ห้าแล้ว

ใน AHA กับทาง EU บอกว่าถ้า dose ไม่ถึง 5 mg/d ก็ไม่ต้องทำอะไรเพราะ risk ต่ำมากๆ ซะด้วยซ้ำครับ

อยากว่าคงต้องว่าคนไข้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดมั๊ง หรือ ว่าหมอที่ไม่ได้บอกว่าไม่ควรท้อง

จะว่าไปถ้าคนไข้ที่ทาน warfarin แล้วอยากตั้งครรภ์ทำไงดี เพราะถ้าจะบอกว่าถ้าปจดหายไปก็ให้หยุดยา ผมว่าคงไม่ทันแล้วเพราะให้เปลี่ยนเป็น heparin แค่ถึง week 12 เอง กว่าจะรู้ผมว่าคง 8-10 wk แล้วมั๊ง ใครรู้ว่าควรทำอย่างไรวานบอกด้วย

ส่งโดย: **หมอ shit**

-ถ้าใส่ใจตัวเอง และวางแผนจะท้องจริงๆ

ก็สามารถรู้ได้ตั้งแต่ 4 wk

ปัญหาคือ ไม่ได้วางแผน

แต่ก็เห็นใจคนไข้นะ

ลูกคนแรกก็เสียชีวิต

ส่งโดย: **Chimerism**

-ถ้าแพ้ ต่อไปก็บังคับฝังยาคุมไปเลย

ถ้าแปลนจะมีลูก ค่อย off แล้วเปลี่ยนเป็น LMWH ไปเลย เหอะๆ

แต่ตอนฝังตอน off จา bleed มั้ยหว่า

-ตอบพี่หมอชิตครับ ผมแนะนำให้คนไข้ตรวจ UPT ทุกเดือนกันไปเลย แต่ขึ้นอยู่กับ compliance ของคนไข้ด้วย

ปล. ถ้าเคสนี้ราชวิถีแพ้นะ ผมคงต้องเผาตำราทิ้งแล้วเลิกจ่าย warfarin กันไปเลย

-ปล. ถ้าเคสนี้ราชวิถีแพ้นะ ผมคงต้องเผาตำราทิ้งแล้วเลิกจ่าย warfarin กันไปเลย

ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะต้องกลับไปเผาตำราทิ้งจริงๆก็ได้ เพราะ

อย่าลืมว่า หมอที่ปรึกษาของเครือข่ายแค้นแพทย์ เคยทำให้ศาลเชื่อมาแล้วว่า การแพ้ยาแบบ SJS จะต้องให้ steroid เมื่อไม่ให้ ศาลก็ตัดสินให้แพ้คดีมาแล้วครับ

-ปัญหาที่เกิดจาก warfarin มี 2 ระยะ

คือในช่วงไตรมาสแรก เกิด fetal warfarin syndrome

ซึ่งในเคสนี้ไม่ใช่ประเด็น

ระยะที่ 2 คือ bleeding ในตัวเด็กเพราะยาผ่านรก

ซึ่งเกิดในไตรมาส ที่ 2 และ 3

ทีนี้เรื่อง INR จะมีผลหละ

เข้าใจว่า DVT น่าจะ keep INR ไม่สูงมาก

ทางราชวิถีน่ามีหลักฐานเรื่องการปรับยานะ

เคสที่เคยดูแลมาตอนเป็นเดนท์

ขนาดเป็น S/P MVR ลิ้นเหล็กอีกต่างหาก

keep INR ราวๆ 2.5-3 เท่า

กิน warfarin จน 36 สัปดาห์ ยังไม่เป็นไรเลยค่ะ

ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสม ช่วยเตือนด้วยนะคะ

แค่อยากบอกว่า ปัญหาไม่ใช่ fetal warfarin syndrome

แต่อยู่ที่การปรับระดับยาในไตรมาสที่ 2-3 มากกว่า

คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าไม่ใช่ผลจาก warfarin

เพียงแต่ต้องมัหลักฐานว่ามีการ monitor แล้ว

มีการดูแลร่วมกันกับ hemato med และ perinatologist

-ปัญหาคือคนไข้เขามา ด้วยเรื่องอยากเปลี่ยนยา แต่เราไม่ได้เปลี่ยนแถมยังไม่เคลียให้เข้าใจก่อน พอมีลูกเกิดมาพิการ มันก็ทำความเข้าใจไม่ได้แล้วครับ ตำราเขียนก็เอาไปบอกคนไข้ได้ แต่ถ้าเขาไม่เอาด้วย เป็นผมจะเสนอทางเลือกอื่นๆให้เขา เช่นส่งต่อหาหมออีกคน หรือให้เขาเลือกจ่ายเองกับ่ายาส่วนเกิน ปัญหาจะsoft ลงกว่านี้มากครับ

แล้วที่กินมากอ่นแล้ว พิการไปแล้วทำไมไม่ แนะนำทำแท้งละครับ ยังสงสัยอยู่ว่ามาเรื่อยๆจน

-ที่เราดูคนไข้อยู่...ก็บอกตลอดนะว่าห้ามท้อง ถ้าจะปล่อย จะท้อง

ให้มาบอกเราล่วงหน้าเลย จะswicth to LMWH แทน

เราบอกเลยนะ ว่าเด็กจะพิการถ้ากินยา

.............................................