Mederma

Medication for scar

Mederma

* แผลเป็นรอยนูน เป็นขบวนการสมานแผลที่เกิดขึ้นระหว่างหรือภายหลังจากการสมานแผล มีการสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจำนวนมากกว่าปกติ แล้วขยายออกคล้ายก้ามปู มีความตึงตัวที่แผลสูง มักจะเกิดเป็นคีลอยด์ตามมาได้บ่อย โดยพบว่าในบริเวณแผลเป็นนูน จะมีปริมาณน้ำในเซลล์น้อยกว่าในเนื้อเยี่อปกติจึงมักจะมีความยืดหยุ่น ความนุ่มไม่สมบูรณ์เท่าเนื่อเยื่อปกติ

ขนาด 20 g. สามารถใช้ได้ประมาณสามเดือน สำหรับแผลเป็นขนาด 3 นิ้ว

    • Mederma เป็นเจลทาป้องกันและรักษาแผลเป็นนูนตัวใหม่ ที่เริ่มมีการใช้แพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริการ โดยมีรายงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงผลการรักษาของเจลรักษาแผลเป็นตัวนี้ เนื้อเจลประกอบด้วยตัวยาสำคัญสองชนิดคือ สารสกัดจากหัวหอมที่ชื่อว่า Cepalin และสาร Allantoin และที่สำคัญก็คือ ผลิตภัณฑ์รักษาแผลเป็นนูนแบบทา ตัวนี้ได้เริ่มมีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ในช่วงเดือน กย. 45 นี้เอง ลองมาทำความรู้จักกับยาตัวนี้กันหน่อยนะครับ

    • กลไกการออกฤทธิ์ของเจล Mederma พบว่ามีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ 2 ชนิด ดังนี้

    • 1. Cepalin : มีสรรพคุณดังนี้

    • 1.1 ยับยั้งขบวนการอักเสบของแผล คล้ายครีมทาสเตียรอยด์

    • 1.2 ลดการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น

    • 1.3 กระตุ้นการสมานแผล

    • 1.4 ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่แทรกซ้อนได้

    • 1.5 ส่งเสริมการปรับสภาพผิว

    • 1.6 ยับยั้งการสร้างเซลล์ Fibroblast และชะลอการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ( Connective tissues) ในชั้นหนังแท้

    • 2. Allantoin : มีสรรพคุณดังนี้

    • 2.1 เพิ่มการดูดซึมของ Cephalin ให้ดีขึ้น

    • 2.2 ให้ความชุ่มชื้นกับแผลเป็น ทำให้แผลเป็นนูน นุ่มขึ้น

    • 2.3 บรรเทาอาการคัน เพื่อป้องกันมิให้แผลเป็นนูนขยายมากขึ้น

    • 2.4 กระตุ้นการสมานแผล

    • 2.5 กระตุ้นการสร้างผิวหนัง

    • เจล Mederma ได้มีการทดลองวิจัยในการนำมารักษารอยแผลเป็นนูน และคีลอยด์ ในหลายๆ ประเทศ ทำให้บทบาทการรักษาแผลเป็นรอยนูนได้ผลมากขึ้นเมื่อใช้ทารักษาควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ (ซึ่งได้เขียนบทความไว้แล้วที่นี่ http://www.clinicneo.co.th/column/col.php?cid=55&grp=3 ) ดังนั้นจะยก ตัวอย่างงานวิจัยที่รับรองผล

    • 1. งานวิจัยที่ประเทศโปแลนด์: Chadzynska และ Jabloska แพทย์ผิวหนังชาวโปแลนด์ ได้ทำการศึกษาโดยผลการใช้ Mederma ในแผลคีลอยด์จากแผลไฟใหม้ พบว่า Mederma ให้ผลการรักษาที่ดีอย่างมีนัยสำคัญทำให้คีลอยด์มีขนาดเล็กลงและแบนราบลงในผู้ป่วยมากกว่า 50% ลักษณะแผลเป็นนูนมีความนุ่มมากขึ้น สีของแผลดีขึ้น แต่ก็พบว่ามีอัตราการไม่ได้ผลจากการทายาประมาณ 10%

    • 2. งานวิจัยที่ประเทศเยอรมัน: Maragakis แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมัน ได้ทดลองนำมารักษาคนไข้เด็กหลังผ่าตัดช่องอก 65 คน เพื่อป้องกันแผลเป็นพบว่าได้ผลดีมากถึง 52% เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกที่ 32% โดนพบว่ากลุ่มที่ใช้ Mederma มีลักษณะแผลที่ดีกว่าและมีขนาดเล็กกว่ากลุ่มเปรียบเทียบที่ใช้ยาหลอก

    • 3. งานวิจัยที่ประเทศเยอรมัน: Willital แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมัน และคณะ ได้ทำการศึกษาแบบเดียวกันกับ Maragakis แต่ให้ทายาเร็วขึ้น คือภายใน 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด พบว่ากลุ่มที่ทาด้วยยา Mederma บาดแผลจะกว้างเพียง 1 มม.(โดยเฉลี่ย) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบที่มีบาดแผลกว้างถึง 4 มม.(โดยเฉลี่ย)

    • 4. งานวิจัยที่ประเทศฟิลิปปินส์ : Prof. Navarro ศัลยแพทย์ตกแต่งชาวฟิลิปินส์ ได้ทดลองทาแผลเป็นนูน คีลอยด์ ในผู้ป่วย 81 คน พบว่าหลังการใช้ทายา 6 เดือน แผลเป็นนูนมีลักษณะดีขึ้น ราบลง สีผิวดีขึ้น ถึง 43 ราย

    • ข้อบ่งชี้-วิธีใช้-ระยะเวลาในการใช้เจลทา Mederma

    • สำหรับแผลเป็นใหม่ที่เกิดขึ้นไม่เกิน 1 ปี: ใช้ทายาแล้วนวดเบาๆ บริเวณแผลเป็น วันละ 2-4 ครั้ง ใช้เวลาในการรักษา 3-8 เดือน

    • สำหรับแผลเกิดขึ้นมานานหรือแผลนูนแข็งเป็นดาน คีลอยด์: ใช้ทายาแล้วนวดแรงๆ บริเวณแผลเป็น วันละ 3-4 ครั้ง ใช้เวลาในการรักษา 8-12 เดือน

    • สำหรับป้องกันแผลเป็นหลังผ่าตัด : ใช้ทายาหลังผ่าตัดภายใน 1-2 สัปดาห์ ใช้ทายาแล้วนวดเบาๆ บริเวณรอยผ่าตัด วันละ 2-4 ครั้ง ใช้เวลาในการรักษา 2-6 เดือน

    • ข้อห้ามใช้และผลข้างเคียงของเจลทา Mederma

    • 1. ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติการแพ้สาร Paraben

    • 2. อาจจะมีอาการคันได้บริเวณที่ทายา ใน 2-3 วันแรก โดยเชื่อว่าเกิดจากยาได้ทำปฏิกริยากับเนื้อเยื่อของแผลเป็น และมักจะหายได้เอง ภายใน 5-8 วันหลังทายา ถ้าคันมากอาจจะต้องหยุดทายาและเริ่มทาใหม่อีก 2 สัปดาห์ต่อมา

    • 3. อาจจะมีอาการแพ้ได้แบบผื่นแพ้สัมผัส ถ้าเกิดอาการคันมากอีก หลังเริ่มทายาใหม่ จึงควรหยุดยาโดยเด็ดขาด

    • ในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีการรักษาแผลเป็นนูน คีลอยด์ ที่ได้ผลหายดี 100 % ดังนั้นการรักษาแบบผสมผสานหลายๆ วิธีจึงยังเป็นแนวการรักษาที่ได้ผลมากสุด แม้จะได้มีการค้นคิดเจลทาออกมาใหม่เช่น Mederma แต่ค่ายาก็แพงเอาเรื่องไม่เบา เท่าที่ทราบ หลอดละ 1,200-1,500 บาท ต่อขนาดบรรจุ 20 กรัม คลิกดูได้ที่นี่http://www.clinicneo.co.th/2007/main.php?module=prodetail&pid=58 ดังนั้นการป้องกันการเกิดแผลเป็น และ Keloids จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการรักษาเมื่อ เกิดแผลเป็นนูนขึ้น จะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าหลายเท่านัก

    • ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด.....6 September 2005