Prescribing medicines in pregnancy :Australian categorisation of drugs
http://www.tga.gov.au/DOCS/HTML/mip/medicine.htm
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร
ยาบางชนิดที่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ อาจมีผลต่อสุขภาพของผู้เป็นมารดาโดยตรง หรืออาจผ่านรกเข้าไปสู่ทารกในครรภ์ ทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ ยาบางชนิดที่ใช้ในหญิงที่ให้นมบุตร สามารถผ่านไปเจือปนอยู่ในน้ำนมของมารดา มีผลต่อสุขภาพของทารกที่กินนมมารดาได้ และบางชนิดถ้าใช้ในทารกโดยตรง ก็อาจมีโทษต่อทารกได้
ดังนั้น ในการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรและในทารกจึงต้องระมัดระวังอย่างพิเศษ ในที่นี้ จะขอสรุปเฉพาะยาที่ใช้บ่อยในการรักษาโรคเท่านั้น คงไม่ครอบคลุมถึงยาทุกชนิดที่มีผลต่ออนามัยของมารดาและเด็ก
1.ยาที่อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการ ซึ่งไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ที่พบบ่อย เช่น
- ฮอร์โมนเพศหญิง(เอสโตรเจน)[Estrogen]
- สารปรอท(Organic mercury)
- ยารักษาโรคลมชัก-เฟนิโทอิน(phenytoin)
- แอลกอฮอร์ (เหล้า เบียร์)
2.ยาที่อาจมีพิษหรือผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์ซึ่งไม่ควรใช้ในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เช่น
- แอสไพลิน ถ้ากินในระยะใกล้คลอด อาจทำให้ทารกที่เกิดมามีเลือดออกง่าย
-ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ เช่น อินโดเมทาซิน เฟนิลบิวตาโซน อาจทำให้ทารกเลือดออกง่าย
-เตตราไซคลีน ถ้าใช้ในหญิงตั้งครรภ์ระยะไตรมาสที่ 2 และ 3 อาจทำให้ทารกฟันเหลืองดำ กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติ
(สมองพิการปัญญาเสื่อม)
-ยาประเภทซัลฟา ถ้าใช้ในหญิงระยะใกล้คลอด อาจทำให้ทารกเกิดอาการดีซ่านและสมองพิการได้(Kernicterus)
-คลอแรมเฟนิคอล อาจทำให้ทารกแรกเกิดมีอาการตัวเขียว เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก ตัวเย็น หมดสติดังที่เรียกว่า Gray syndrome
-สเตรบโตไมซิน,Kanamycin,Gentamicin ถ้าใช้นานๆอาจทำให้ทารกหูพิการได้
-ยาเสพติด (เช่น มอร์ฟีน เฮโรอีน) ถ้าใช้ในระยะใกล้คลอด อาจทำให้กดศูนย์ควบคุมการหายใจของทารก(ทำให้ทารกเกิดมาหยุดหายใจ) หรือมีอาการขาดยา ทำให้ทารกชักได้
-ฟีโนบาร์บิทาล ถ้าใช้ในระยะใกล้คลอด อาจกดศูนย์ควบคุมการหายใจของทารก(ทำให้ทารกเกิดมาหยุดหายใจ) หรือมีเลือดออกได้
-เฟนิโทอิน เช่น Dilantin อาจทำให้ทารกเลือดออกง่าย
-เมโพรบาเมต อาจทำให้ทารกเจริญเติบโตช้า
-ยารักษาคอพอกเป็นพิษ ได้แก่ Methimazole อาจทำให้ทารกเกิดโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย ตัวเตี้ยแคระและปัญญาอ่อน
-ยารักษาเบาหวานชนิดกิน เช่น Chlopropamide อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในทารกในเด็กแรกเกิดได้
-คลอโรควิน อาจทำให้มีพิษต่อหูของเด็ก
-ควินิน ถ้าให้จำนวนมาก อาจทำให้แท้งบุตร หรือมีพิษต่อหูของเด็กได้
-รีเซอร์พีน ถ้าใช้ในระยะใกล้คลอด อาจทำให้ทารกแรกเกิดมีอาการคัดจมูก ตังเย็น หัวใจเต้นช้า ตัวอ่อนปวกเปียก
-โพรพราโนลอล (Propranolol) อาจทำให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า ทารกแรกเกิดมีชีพจรเต้นช้า หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
-บุหรี่ ถ้าสูบมากอาจทำให้ทารกตายในครรภ์แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนด หรือทารกอาจเกิดมาน้ำหนัก น้อยกว่าปกติ
3.ยาที่อาจมีอันตรายต่อหญิงที่ตั้งครรภ์
ยาที่อาจมีโทษหรืออันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์โดยตรง เช่น
-แอสไพลิน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ อาจทำให้คลอดเกินกำหนดและ คลอดยาก
-เตตราไซคลิน อาจมีพิษตับอย่างรุนแรง จนเป็นอันตรายได้
-ไนโตรฟูแรนโทอิน(Nitrofurantoin) อาจทำให้ตับอักเสบ โลหิตจาง
4.ยาที่ควรหลีกเลี่บงในระยะให้นมบุตร เช่น
มารดาที่เลี้ยงบุตรด้วยนมตัวเอง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่สามารถปนอยุ่ในน้ำนม ซึ่งอาจจะมีโทต่อทารกได้ เช่น
-เตตราไซคลิน อาจทำให้ฟันเหลืองดำ และกระดูกเจริญผิดปกติ
-ซัลฟา อาจทำให้ทารกมีอาการดีซ่าน และสมองพิการ(Kernicterus)
-ซัลฟา ไนโตรฟูแรนโทอิน อาจทำให้ทารกเกิดโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ถ้ามีภาวะพร่องเอนไซม์ G-6-PD
-คลอแรมฟินิคอล อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
-อะม็อกซีซิลลิน อาจทำให้เด็กท้องเดิน
-เมโทรไนดาโซล อาจทำให้เด็กเบื่ออาหาร อาเจียน
-แอสไพลิน อาจทำให้เกิดผื่นในทารก
-แอลกอฮอร์ บาร์บิทูเรต อาจทำให้เด็ดง่วงซึมได้ และถ้าแม่ดื่มสุรามากๆอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
-ฮอร์โมนเพศ เช่น Estrogen Progesterone Androgen อาจทำให้น้ำนมลดน้อยลง หรือหยุดไหล
-ยารักษาเบาหวานชนิดกิน ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในทารก
-รีเซอร์พีน ทำให้เด็กคัดจมูก มีเสมหะมาก
5.ยาที่ทารกและเด็กเล็กไม่ควรใช้
ยาที่อ่านเป็นอันตรายต่อทารก และเด็กเล็ก เช่น
-แอสไพลิน ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ อาจทำให้มีเลือดออกได้
-ยาแก้แพ้ ไม่ควรใช้ในทารกอายุต่ำกว่า 2 สัปดาห์ อาจทำให้ซึม นอนไม่หลับ หรือชักได้
-เตตราไซคลิน ห้ามใช้เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี อาจทำให้ฟันเหลืองดำอย่างถาวร และกระดูกเจริญเติบโตไม่ดี
-คลอแรมเฟนิคอล ห้ามใช้ในทารกอายุต่ำกว่า 4 เดือน อาจทำให้เด็กตัวเขียว เนื้อตัวอ่อน ปวกเปียกหมดสติ
ดังที่เรียกว่า Gray syndrome
-ซัลฟา ห้ามใช้ในทารกอายุต่ำกว่า 2 เดือน อาจทำให้เกิดอาการดีซ่านและสมองพิการ (Kernicterus)ได้
-ยาแก้ท้องเดินประเภทลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น ทิงเจอร์ฝินการบูน Lomotil ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาจกด
ศูนย์หายใจเป็นอันตรายได้