-ใบจักร เป็นกลีบคล้ายดอกบัว มี3ชั้น
1.ชั้นนอก เป็นกลีบดอกบัว แต่ละชั้นกลีบสัมพันธ์กับเส้นลมปราณหรือเส้นประธาน กลีบดอกจะขยายตัวเมื่อมีการกระตุ้น ทำหน้าที่ดูดซับประจุไฟฟ้าและอ่านข้อมูล เป็นเหตุแห่งการหยั่งรู้ฟ้าดิน
2.ชั้นกลาง เป็นรูปก้นหอย หมุนกลับไปกลับมา บ่งบอกถึงการเป็นขั้วสนามแม่เหล็ก คอยสลับขั้วเพื่อรักษาสมดุล
3.ชั้นในสุด เป็นVORTEXเป็นแกนกลางของจักระ ทำหน้าที่เป็นCORD คอยดูดกลืนอนุภาค
-พลังงานที่เหลือล้นที่อุดมไปด้วยประจุไฟฟ้า ที่ได้จากพลังคุณฑาลินี
-เมื่อมีการกระตุ้น จะดึงอนุภาคเข้ามาสะสมที่ซีรีเบลลั่ม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกจักระ เส้นลมปราณหรือเส้นประธาน
-ที่ชั้นของLAYERพลังงานเหนือผิวหนังบนเส้นนาดิแกนกลางของร่างกาย มีขั้วเหนือและขั้วใต้สลับกันอยู่ตลอดเวลา จักระที่ผิวหนังจะเป็นจุด ที่ชั้นLAYERจะเป็นกลีบดอกบัว
-ไฟฟ้าจะวิ่งที่กลีบ ในแต่ละกลีบจะมีMERIDIANพันอยู่ โดยมีMERIDIANจะคอยดูดซับประจุไฟฟ้า
-ในแต่ละกลีบดอกมีองศาของการทำงาน
.กลีบที่จะแนบขนานไปกับLAYERบนชั้นผิวหนัง เป็นเส้นประธานชั้นนอก
.กลีบที่เกือบจะตั้งฉากกับผิวหนัง เป็นกลีบเส้นประธานชั้นใน
.และเส้นที่ตั้งฉาก จะเป็นจุดที่เชื่อมต่อแกนกลางทุกจักระ
-ก้นหอยจะทำหน้าที่สลับขั้วรักษาสมดุล
-VORTEXจะทำหน้าที่ดูดกลืนอนุภาคไปสะสมที่ซีรีเบลลั่ม ที่พัฒนาพลังของน้ำในสมองที่มีสถานะที่สูงขึ้น และอยู่ในรูปโมเลกุลของน้ำที่เป็นไอโซโทป อันเป็นต้นเหตุของความสำเร็จของจิตในทุกระดับ รวมถึงการตื่นรู้ อยู่ในทุกขณะจิต
-ผู้ถูกเปิด จะต้องมีประจุไฟฟ้าที่เหลือล้น
-ผู้เปิดให้ จะต้องมีจิตวิญญาณของการรับรู้พลังงานหรือเห็นพลังงาน ก็คือบุคคลที่มีสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่ง
-โดยการสัมผัสไปที่LAYERพลังงาน จะพบจุดพลังงาน แล้วมันจะล็อคตำแหน่งจักระไว้
-เคลื่อนนิ้วหรือวัตถุให้เข้าร่องของกลีบ จะพบองศาในแต่ละชั้น เมื่อตรงองศาพลังงาน ไฟฟ้าก็จะวิ่ง จักระก็จะทำงานเป็นระบบในรูปของไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กในโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในชั้นของLAYERใกล้แกนกลางเหนือผิวหนัง
-การสวดมนต์
-การเดินลมปราณ
-การวางแม่เหล็กถาวรให้ตรงองศาของขอบโควาเลนท์โมเลกุลของน้ำเหนือผิวหนัง
-การใช้อัญมณี สินแร่ และสินแร่ที่ให้พลังงานในการขับเคลื่อนจักระที่ดีที่สุดก็คือ หยก
-การเคลื่อนไหวตามวาระจิตและจิตวิญญาณ ซึ่งจะเรียงร้อยจักระและจักรวาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จะเกิดการหลอมรวมธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีเทวดาคุ้มครองประจำอยู่ในทุก7จักระ
#แล้วลองพิจารณาดูว่า โมเลกุลของธาตุถ้ามีโควาเลนท์เกิน7 จะอยู่ในรูปของRADIO RAYหรือกัมตภาพรังสี ร่างกายของมนุษย์จะดำรงชีวิตได้อย่างไร จักระที่เป็นเหตุเป็นผลตามแนวทางวิทยาศาสตร์ ควรจะมีกี่จักระ และเป็นเพราะอะไร การสัมผัสจักระที่เป็นรูปธรรม ที่เห็นได้และรู้สึกได้ที่ไม่ใช่จินตนาการ นับกลีบดอกได้และเห็นองศาในแต่ละกลีบดอกว่าทำงานอย่างไร สัมพันธ์กับจักรวาล จิตวิญญาณ ลมปราณ เส้นประธาน สมาธิอย่างไร และจะได้จากการพัฒนาจักระเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ฝึกจิตเพื่อความสำเร็จทางจิตในแต่ละระดับชั้นมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการมีความเพียร รู้ลึก เข้าใจ ในองค์ความรู้อันศักดิ์สิทธิ์ และมีบุญวาสนาที่ถึงพร้อมหรือไม่
#สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่
BUDDHTO SHINTO
หรือ ID Line: ton-tham