ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับต่อมไพเนียล (pineal gland)
ต่อมไพเนียล (pineal gland) เป็นต่อมเล็กๆ รูปไข่ หรือรูปกรวย คล้าย ๆ เมล็ดสน (pine cone) เป็นที่มาของชื่อ pinel gland ลักษณะค่อนข้างแข็ง สีน้ำตาล ขนาดยาวจากหน้าไปหลัง ๕-๑๐ มิลลิเมตร กว้าง และสูง ๓-๗ มิลลิเมตร หนัก ๐.๒ กรัม ยื่นมาจากด้านบนของไดเอนเซฟฟาลอน หรืออยู่ด้านล่างสุดของโพรงสมองที่สาม
จากการศึกษาพบว่าการทำงานของต่อมนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับแสงสว่างและการรับภาพมาก
ที่ไม่มีแสงสว่าง : ต่อมไพเนียลจะสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินมาก
ที่มีแสงสว่าง : ต่อมไพเนียลจะสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินน้อยลง
ผลของฮอร์โมนเมลาโทนิน :
ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโกนาโดโทรฟิน จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ ดังนั้นฮอร์โมนนี้จึงยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ไม่ให้เติบโตเร็วเกินไปในวัยเด็ก
ความผิดปกติของต่อมไพเนียล:
สร้างฮอร์โมนเมลาโทนินมากเกินไปทำให้เป็นหนุ่มสาวช้ากว่าปกติ สร้างฮอร์โมนเมลาโทนินน้อยเกินไปทำให้เป็นหนุ่มสาวเร็วกว่าปกติ
ต่อมไพเนียล คือ นาฬิกาชีวภาพที่มีอยู่ในตัวคนเราทุกคน ต่อมไพเนียลเป็นต่อมอยู่เหนือสมอง เป็นต่อมที่มีความสำคัญ เป็นเหมือนผู้บัญชาการ ตอนกลางวันเขาจะสร้างเซโรโตนิน กระตุ้นให้เราลุกตื่นขึ้นทำงาน กลางคืนก็สร้าง เมลาโตนิน ให้เรารู้สึกง่วงเหงาหาวนอน อยากพักผ่อน ต่อมไพเนียลจะส่งคำสั่งเชื่อมโยงไปยังต่อม และอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายอีกทอดหนึ่ง โดยอาศัยเส้นใยประสาท สารสื่อนำประสาท ควบคุมต่อมใต้สมอง ซึ่งควบคุมต่อทอดไปยังต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต รังไข่ และอัณฑะอีกด้วย ต่อมเหล่านี้นี่เองที่เป็นผู้บงการ ระบบต่างๆ ทั่วร่างกาย ทั้งการเจริญเติบโต การเผาผลาญอาหาร การสลายอาหารเป็น พลังงาน การเสริมสร้างร่างกายและเนื้อเยื่อ การตอบรับความเครียด การสร้างเสริมระบบภูมิต้านทาน การตกไข่ การมีประจำเดือน การสนองต่ออารมณ์ทางเพศ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเส้นใยประสาท สารสื่อนำประสาท และ ฮอร์โมนจากต่อมที่อยู่ใต้คำบัญชาของต่อมไพเนียลนี้เอง มันจึงมีความสำคัญโยงใยกัน ไปหมด
ถ้าเรานอนหลับได้ดี การทำงานของร่างกายในส่วนอื่นๆ ก็ย่อมดีด้วย แต่ถ้านอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทติดต่อกัน จนกลายเป็น นอนไม่ หลับเรื้อรัง แน่นอนว่าร่างกายของเราก็จะเสียสมดุล เกิดอาการต่างๆ ตามมาอีกเป็นลูกโซ่
วินาทีแรกที่คนเราลืมตาขึ้นมาและได้พบกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์นั้น แสงสว่างจะผ่านเลนส์แก้วตา ไปตกกระทบกับจอรับภาพบริเวณส่วนพลังของลูกตา ซึ่งจะมีเส้นปลายประสาทมาเลี้ยง ส่วนหนึ่งของสัญญาณจะถูกส่งไปยังต่อมเล็กๆ ในสมองที่เรียกว่า "ต่อมไพเนียล" เมื่อต่อมไพเนียลได้รับสัญญาณดังกล่าวก็จะเริ่มสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน จากวัตถุดิบที่เรียกว่า ทริปเทเฟนฮอร์โมน
เซโรโทนินตัวนี้เองที่จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายของคนเราเริ่มทำงาน อวัยวะต่างๆ จะเริ่มทำงาน สอดคล้องกันไปอย่างกระฉับกระเฉง การที่คนเราอารมณ์แจ่มใส และสามารถทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงกระตุ้นของฮอร์โมนเซโรโทนินนี่เอง
พอตกค่ำ แสงอาทิตย์หายไปจากโลก ความมืดเข้ามาแทนที่ เมื่อแสงสว่างหายไปจากจอรับภาพของตาแล้ว สัญญาณแห่งความมืด ก็จะถูกส่งไปยังต่อมไพเนียลอีกครั้ง คราวนี้จะกระตุ้นเตือนให้ต่อมไพเนียลทำหน้าที่ สังเคราะห์ฮอร์โมน "เมลาโทนิน" ออกมา ฮอร์โมนเมลาโทนินนี้จะทำหน้าที่ ไปเตือนให้ร่างกายต้องการการพักผ่อน และเหนี่ยวนำให้เกิดการง่วงนอนและนอนหลับสนิท ขณะเดียวกัน เมื่อร่างกายและจิตใจเข้าสู่ภวังค์หลับสนิทนั้น ฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งมีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่ง เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือพูดง่ายๆ ว่า สารต่อต้านไม่ให้ร่างกายเสื่อมก่อนวัย บางคนอาจเรียกว่า สารต่อต้านความชรา คุณสมบัติในการต่อต้านความเสื่อมก่อนวัยของฮอร์โมนเมลาโทนิน ก็คือ จะไปกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นผลมาจาก การเผาผลาญอาหาร เป็นพลังงาน หรืออนุมูลอิสระที่เกิดจากความเครียด และสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็จะโดนกำจัดไปด้วยฮอร์โมนเมลาโทนินดังกล่าว พูดแบบง่ายๆ ก็คือ ในขณะที่ร่างกายนอนหลับพักผ่อนนั้น ฮอร์โมนเมลาโทนินจะไปช่วยกำจัดของเสีย หรืออนุมูลอิสระ ที่จะทำให้คนเราแก่ก่อนวัย เป็นความฉลาดของร่างกายคนเราอย่างหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน เมื่อเรานอนหลับสนิทนั้น ต่อมไร้ท่อในสมองอีกต่อมหนึ่ง คือ ต่อมไฮโปทาลามัส จะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน จีเอ็น อาร์ เอช ไปกระตุ้นลูกอัณฑะ ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานผลิตกระสุนดินดำของผู้ชาย ให้สร้างฮอร์โมนเพศชายขึ้น ฮอร์โมนเพศชายดังกล่าว คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เป็นอันว่าในขณะที่ผู้ชายนอนหลับสนิทนั้น โรงงานผลิตกระสุนดินดำของเขาก็จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนแห่งความเป็นชาย ออกมาตลอดคืน ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนนี้ จะมีระดับสูงสุดในช่วงตอนเช้าประมาณ 5-7 โมงเช้า แต่ถ้าผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือการสร้างฮอร์โมนเพศชายลดลงในผู้ชายวัยทอง เวลาตื่นไปปัสสาวะตอนเช้า น้องชายจะหลับตาฉี่
การที่ฮอร์โมนเพศชายออกมามากในตอนเช้า ก็เพราะว่าเป็นการเตรียมตัวในการทำงานตลอดวัน เพราะฮอร์โมนเพศชาย มีหน้าที่ทำให้ร่างกาย กระฉับกระเฉง กล้ามเนื้อแข็งแรง มีความตื่นตัวในการทำงานสู้กับชีวิต
จะสังเกตได้ว่า การทำงานของระบบการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จะทำงานสัมพันธ์กันเหมือนวงมโหรี ที่เครื่องดนตรีหลายชนิด ต้องบรรเลงร่วมกันจึงจะไพเราะ ไม่มีฮอร์โมนตัวใดดังแบบศิลปินเดี่ยว และถ้าเกิดการกระทบกระทั่ง หรือ ฮอร์โมนตัวใดตัวหนึ่งลดลงไปแล้ว ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปตามแบบของทฤษฎีโดมิโนทีเดียว..
ไพเนียลแกลนด์สำคัญไฉน นำพาไปสู่ความสำเร็จทางจิตได้อย่างไร
ไพเนียลแกลนด์ เป็นต่อมที่อยู่เหนือ Medullar oblongata มันทำให้เกิดการสั่นสะเทือนสูง สามารถดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล หลังจากที่ไพเนียลแกลนด์ที่เป็นตัวหน่วงอารมณ์ทางเพศ ถูกทำลายหรือฝ่อจากการที่เป็นคนที่เป็นคนมีพรสวรรค์มาแต่กำเนิด มีพลังคุณฑาลินีสูง จึงเกิดการฝ่อของไพเนียลแกลนด์ ทำให้ไพเนียลแกลนด์เริ่มสั่นสะเทือนอย่างมาก แต่ยังมีความคิดหรืออัตตาตัวตนคอยกดทับเอาไว้ ไม่เป็นอิสระ ตราบใดที่ไม่มีความคิดใดๆ มาเป็นตัวขวางกั้นหยุดยั้งแล้ว เมื่อนั้นไพเนียลแกลนด์ จะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เป็นอิสระสามารถดูดซับประจุไฟฟ้าเพื่อพัฒนาศักยภาพทางจิตได้อย่างรวดเร็ว ไพเนียลแกลนด์จึงสัมพันธ์กับพลังคุณฑาลินี เพราะยิ่งถ้ามีพลังคุณฑาลินีมาก ส่งผลให้ไพเนียลแกลนด์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูดซับประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาล เกิดการแยกชั้นประจุออกไปสู่วงรอบนอก อนุภาคยุบตัวรวมนิวตรอนเข้าสู่แกลนกลางได้ ซึ่งเรียกปฏิกิริยานี้ว่า นิวเคลียร์ฟิสิกส์ จนกระทั้ง อนุภาคนี้หนาแน่น จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ดังกล่าว ไพเนียลแกลนด์นี้จะเป็นตัวเชื่อมทุกสัญญาทุกสิ่งทุกอย่าง ถือว่าไพเนียลแกลนด์กลายเป็นพระเจ้าในที่สุด เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ มนุษย์สมัยโบราณ ทราบได้อย่างไรว่าดวงตาแห่งจักรวาล ซึ่งก็คือการรับรู้ มันมาจากไพเนียลแกลนด์ เป็นความบังเอิญเหลือเกิน ที่ไพเนียลแกลนด์ เป็นรูปคล้ายดวงตา อยู่ในสมองของเรา ซึ่งกายวิภาคจะเห็นไพเนียลแกลนด์อยู่บนสมองส่วนท้ายทอย ก้านสมอง ซึ่งมีจำนวนประจุไฟฟ้าที่ไปเลี้ยงเซลประสาทต่างๆ เพื่อทำให้ระบบประสาทสามารถทำงานได้ทั้งระบบ และเป็นตัวควบคุมความเป็นกรด ด่างในร่างกาย ยิ่งมีพลังคุณฑาลินีมาก จะลอยตัวขึ้นมาที่สมองส่วนท้ายทอย ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ส่งผลให้ไพเนียลแกลนด์ได้รับผลจากการสั่นสะเทือนนี้ไปด้วยอย่างรุนแรง เกิดการดูดซับประจุไฟฟ้าจากทุกจุดของร่างกาย จะถูกเชื่อมโยงไปที่ไพเนียลแกลนด์ที่สั่นสะเทือน ยิ่งมีความรู้สึก ตื่นเต้น ตื่นกลัว ความรัก ความหวาดระแวงต่าง ๆ อารมณ์ ความรู้สึกที่รุนแรง แต่ความคิดไม่มี ไม่มีตัวตนหรืออัตตา ดูแต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ไพเนียลทำงาน ซัดส่ายขับเคลื่อนด้วยความรุนแรงอย่างเป็นอิสระ จึงทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ เกิดการ เปลี่ยนแปลงธาตุ การเกิดสติปัญญาโดยฉับพลัน การรู้แจ้ง แทงตลอด ในสรรพสิ่ง การเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง ในจักรวาล หรือการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าก็เกิดขึ้นได้ ด้วยการพัฒนาไพเนียลแกลนให้เป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น ที่มีวงรอบพลังงานเร็วเหนือแสง.. ขอ..บอกสิ่งที่เป็นความจริง..ที่คุณอาจไม่รู้ในโลกของคลื่นพลังงานที่คุณสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวของคุณเอง..จิตอริยเจ้าเป็นอย่างนี้นี่เอง..
วิวัฒนาการของการทำสมาธิ ในด้านพลัง จากการทำสมาธิในคนทั่วไป คลื่นสมองจะลดระดับลงอยู่แล้ว และคนที่เข้าสมาธิได้จะเข้าสมาธิที่ธรรมจักร หรือศูนย์กลางกาย หรือจุดพักจิต คนที่ทำสมาธิได้จะลงที่จุดธรรมจักรโดยอัตโนมัติ โดยอาศัยการลดระดับคลื่นสมองอย่างเดียว... แต่วิวัฒนาการของการทำสมาธิในระดับต่อไป จะต้องเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ของสมองให้อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก จากการพัฒนามาจากพลังคุณฑาลินีที่พัฒนาแล้ว มีการขับเคลื่อนของพลังงาน และมีอนุภาคเพียงพอ ขณะนี้จุดที่เราเน้นเป็นพิเศษคือไพเนียลแกลนด์.. เพราะจุดนี้จะขับเคลื่อนตลอดเวลา เพียงหลับตาและดูดลูกตา กำหนดจิตไปที่ไพเนียลแกลนด์ เท่านี้ก็จะเกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบ แต่ให้เราดูที่ไพเนียลแกลนด์ที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอด ดูไปเรื่อยๆ จะเห็นพลังคุณฑาลินีถูกดันขึ้นสู่ ไพเนียลแกลนด์ตลอดเวลา ที่ไพเนียลแกลนด์ เกิดเส้นสายที่ขับเคลื่อนและเชื่อมโยงกับสนามแม่เหล็กจักรวาลทุกขณะที่เฝ้าดู การทำสมาธินี้ไม่ได้หมดความรู้สึก แต่จะมีความรู้สึกถึงพลังงานวงรอบนอก ตลอด และทำให้สามารถเกิดการแตกระเบิดหรือปฏิกิริยานิวเคลียร์ จากพลังงานที่ขึ้นมาอย่างมหาศาล เกิดการแปรเปลี่ยนอนุภาคจำนวนมากขึ้นและดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาลจากคุณฑาลินีที่สัมพันธ์กับไพเนียลแกลนโดยตรง เกิดการรู้แจ้งแทงตลอดในทุกสัญญา มีการแปรเปลี่ยนธาตุทุกขณะจิต เกิดการรวมเส้นสายของจักรวาลโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเชื่อมต่อทุกสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันทั้งจักรวาล การพัฒนาสมาธิพลังในขณะนี้จึงต่างจากแต่ก่อน เพราะมีการขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ เมื่อมีอนุภาคมากเพียงพอในการขับเคลื่อนเอง เมื่อใดที่สมองส่วนหน้าไม่มีความคิดที่ยึดติดแล้ว ไพเนียลแกลนด์จะขับเคลื่อนอย่างอิสระ เกิดความเร็ววงรอบแบบไม่มีอะไรมาขัดขวางความเร็วนี้ได้จนเป็นความเร็วเหนือแสง ทำให้เกิดการดูดซับจากพลังคุณฑาลินีอย่างมหาศาล..ขึ้นมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับไพเนียลแกลนด์ ในการแปรธาตุจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ขณะทำสมาธิ และการเกิดสติปัญญาแบบฉับพลันได้ในที่สุด ความสำเร็จทางจิตก็อยู่ที่ไพเนียลแกลนด์ที่เป็นสนามแม่เหล็กนี่เอง มหาสติก็เกิดได้เพราะสิ่งนี้เช่นเดียวกันเมื่อมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม..