ความสุขที่เกิดขึ้น เกิดจากกระแสพลังงานที่มีความเร็วอย่างสูง กระแสพลังงานนี้ได้มาจากไหน มาจากพลังคุณฑาลินีที่อยู่เบื้องล่าง และฝึกปฏิบัติ จนกระทั่งลอยตัวผ่านขึ้นมาผ่านแนวกระดูกสันหลังและเข้าสู่ช่องน้ำเลี้ยงหรือ Ventricle พลังคุณฑาลินี ถือว่าอยู่ในรูปของเหล็กอิออน ที่อยู่ในกลุ่มเส้นเลือดดำ จะลอยตัวขึ้นผ่านแนวกระดูกสันหลัง ที่มีน้ำร่วมด้วยขึ้นสู่ventricle ทำให้เกิดความเร็วของน้ำในสมอง จนกระทั่งเกิดการสะสมพลังงาน ณ ตำแหน่งนี้ เกิดการแยกประจุและอนุภาค ออกจากกัน จึงเกิดการขับเคลื่อนอยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก ซึ่งเกิดกระแสอัตโนมัติ ขับเคลื่อนด้วยตัวมันเอง การแยกประจุและอนุภาค ถือว่าเป็นการแตกตัวของพลังงานที่สืบเนื่อง ยิ่งแตกตัวเป็นอัตโนมัติ อนุภาคจะมากขึ้นเรื่อย และดึงอนุภาคจากที่อื่นมารวมกัน ณ ตำแหน่ง ซีรีเบลลัม และบีเทน เมื่อมีอนุภาคมากขึ้น ความเร็วก็ยิ่งมากตามไปด้วย คำว่าอนุภาคที่มาก คือเส้นสายที่มีความหนาแน่นและเข้มข้นอย่างมาก ความเร็ววงรอบทั้งสมองส่วนกลาง และความเร็ววงขา เป็นปฏิภาคโดยตรงต่อกัน เมื่อนั้นการตื่นรู้จึงเกิดขึ้น และขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลาเป็นมหาสติ จึงเป็นผู้ตื่น และเกิดความเร็วทำให้สลัดประจุไฟฟ้าตลอดเวลา เนื่องจากความเร็วนี้ปราศจากความคิด ใช้ความรู้สึกเป็นตัวดู สิ่งที่เกิดขึ้น ความเร็วนี้จึงขับเคลื่อนโดยอิสระด้วยความเร็ว ไม่มีอะไรมาขัดขวางความเร็วนั้นได้ จึงเกิดการแยกประจุและอนุภาคอย่างสืบเนื่อง ประจุไฟฟ้าจะขยายออกไปกว้างไกล ความสุขนั้นจะสามารถสุขได้อยู่ทุกขณะจิต ทุกอย่างมาจากการฝึกปฏิบัติด้านสมาธิพลัง ที่เห็นจิตในรูปธรรม สามารถแตะต้องสัมผัสได้ จากที่เราเปลี่ยนคลื่นความถี่ของสมองให้มากกว่า 24 เมตร/ วินาที โดยการพัฒนาพลังคุณฑาลินี หรือพลังแห่งความสุข ที่อยู่เบื้องล่าง ขึ้นมาพัฒนาสมองเราให้เกิดการหยั่งรู้ ด้วยความเร็ว เมื่อมีความเร็วมากขึ้น อนุภาคมากขึ้น การเข้าใจสภาวธรรมก็จะสามารถรู้และเข้าใจได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอีกต่อไป
ความสุขจะเกิดได้ เมื่อเราดูกระแสพลังงานเป็น เมื่อขับเคลื่อนอยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก และยอมรับพร้อมกับเผชิญในสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิต ถ้าเรายังใช้ความคิด เราจะตกอยู่ในห้วงวังวนของวัฏสงสาร ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้เลย การฝึกพลังสมาธิ จะทำให้เราเห็นจิตเราในรูปคลื่นพลังงาน ที่สามารถดูได้ทุกขณะจิต เพียงแต่ถ้าความเร็วพลังงานหรืออนุภาคน้อย ก็ต้องใช้เวลาในการดูจิตนานหน่อย กว่าจะเลิกทุกข์ แต่ถ้ามีความเร็วที่สูงมากแล้ว อะไรเข้ามาเราจะเห็นการทำงานของจิต ที่รวดเร็วและรุนแรง พร้อมกับหายไปเร็วขึ้น เมื่อจิตดีแล้ว กายเราจะมีสุขภาพดีตาม ทุกสรรพสิ่งควรเห็นตามความเป็นจริง ไม่ยึดในสิ่งนั้นเพียงแต่รับรู้ เฝ้าดู ติดตาม การไหลเวียนกระแสของพลังงานให้ได้ตลอดและต่อเนื่อง เมื่อนั้นอัตตาตัวตนจะค่อยๆ หายไป เพราะทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ ไม่สามารถยึดมั่น ถือมั่นได้เลย มีเกิดขึ้น ทรงอยู่และดับไป เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ทุกอย่างเป็นมายาจิต ที่เป็นเชื้อเพลิงให้กับจิต ในการพัฒนาจิตให้เข้าถึงสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด The way of nature…